เรือนไทย
ยินดีต้อนรับ ท่านผู้มาเยือน
กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
ส่งอีเมล์ยืนยันการใช้งาน?
ข่าว: การแนบไฟล์ กรุณาใช้ชื่อไฟล์ภาษาอังกฤษเท่านั้นครับ
หน้า: 1 2 [3]
  พิมพ์  
อ่าน: 15510 สงคราม(โลกครั้งที่ 2 ) แพ้ แต่ไทยไม่แพ้
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 41293

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 30  เมื่อ 13 ม.ค. 25, 15:17

     เก็บความจากหนังสือของดร.พีระ  ทีละนิดละหน่อยตามนี้
     -  ไทยกับอังกฤษมีการเจรจากัน 3 ครั้ง   แต่ไม่ได้ตกลงกันสักครั้ง
     -  ทางฝ่ายปรีดีและผู้สนับสนุนในสภา เห็นด้วยว่าควรให้รัฐบาลไทยรีบลงนามตามอังกฤษต้องการไปก่อน   เพราะถ้ามัวชักช้า  อังกฤษอาจเพิ่มข้อบังคับหนักกว่านี้ก็ได้
       การเจรจาทั้ง 3 ครั้งนั้น มีเหตุการณ์ดังนี้
      1   เจรจาที่เมืองแคนดี 2-8 กันยายน  2488   ปรีดีและผู้สนับสนุนตัดสินใจว่าไทยควรลงนามในสัญญา 21 ข้อ จึงแจ้งผ่านสภาผู้แทนราษฎรอย่างรวบรัด    แต่ทว่าสหรัฐอเมริกามาแทรกแซงอังกฤษเสียก่อน   จึงทำให้เกิดสัญญาชั่วคราวเพียง 4 ข้อ
       2  เจรจาที่เมืองแคนดี วันที่ 25 กันยายน -17 ตุลาคม 2488   ม.ร.ว.เสนีย์ ปราโมช นายกรัฐมนตรีประวิงเวลา  ไม่ยอมลงนามกับอังกฤษ     แต่สหรัฐอเมริกายังไม่เข้าช่วยเหลือไทย    จนกระทัั่งผู้แทนฝ่ายอังกฤษถูกเรียกไปจัดการปัญหาในดินแดนอื่น
       3   เจรจาที่สิงคโปร์ วันที่ 11-19 ธันวาคม 2488    คณะรัฐมนตรีตัดสินใจให้คณะผู้แทนลงนามยินยอมตามอังกฤษ  (มีผู้ไม่เห็นด้วยเพียงม.ร.ว.เสนีย์ ปราโมช และพระยาอรรถการีนิพนธ์)
       แต่ด้วยความบังเอิญมากกว่าจะเป็นความตั้งใจทางฝ่ายไทย หรืออังกฤษ หรืออเมริกา  ทำให้ผู้แทนไทยไม่ทันจะลงนามในสัญญาทั้งๆรัฐบาลไทยยอมอังกฤษโดยดีแล้ว    ภายในเสี้ยวนาทีนั้น สหรัฐอเมริกาก็แทรกแซงเข้ามาพอดี ทำให้ไทยรอดมาได้อย่างไม่มีใครคาดคิด
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 41293

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 31  เมื่อ 14 ม.ค. 25, 17:38

    ม.ร.ว. เสนีย์ ปราโมช บันทุึกถึงเหตุการณ์นี้เอาไว้ว่า
    "ข้าพเจ้าเชื่อในปาฏิหาริย์    ข้าพเจ้ามองว่านั่นเป็นปาฏิหาริย์ และเป็นความช่วยเหลือของพระสยามเทวาธิราช"
    ท่านยังบันทึกไว้ด้วยว่า
    " ในวันที่ 13 ธันวาคม พ.ศ. 2488   ข้าพเจ้าเปรียบเสมือนคนไร้ความหมาย    ซึ่งไร้จุดหมายที่จะมองออกไปข้างหน้า   แต่ว่า " พระสยามเทวาธิราช" ในพระบรมมหาราชวังสร้างปาฏิหาริย์สำหรับข้าพเจ้า     ประเทศเราได้รับสนธิสัญญาที่ปลอดภัยและมีเกียรติ    อีกทั้งกองกำลังต่างชาติยังออกจากประเทศภายในหนึ่งปีเช่นกัน"
     เห็นได้ว่าไทยในตอนนั้นเข้าตาจน  ถูกรุกจนสุดขอบกระดานแล้ว  จะตกมิตกแหล่  เราไม่มีแต้มจะไปต่อรองอะไรกับอังกฤษซึ่งเป็นฝ่ายผู้ชนะสงครามได้เลย    ถ้าจะยกความดีของเสรีไทยมาอ้าง    หัวหน้าเสรีไทยคือปรีดีก็ไปเห็นด้วยกับเง่ื่อนไขของอังกฤษ  รวมทั้งผู้สนับสนุนเกือบ 100 % ในสภาพากันยกมือยอมอังกฤษ   ทำให้คณะผู้แทนไทยไม่มีทางอื่นนอกจากจำยอม
    แต่พอเสียหลักจะตกกระดาน   ซุปเปอร์แมนก็เหาะมาดึงตัวเอาไว้ได้พอดี
    เพราะฉะนั้น จึงเรียกว่าปาฏิหาริย์ก็ได้ เพราะไม่มีคำอื่นบรรยายได้ดีกว่านี้  จะเรียกว่าบังเอิญมันก็บังเอิญแล้วบังเอิญอีกตั้งแต่ครั้งที่ 1  จนถึงครั้งที่ 3   
     เป็นครั้งแรกในโลกที่ประเทศแพ้สงคราม(เพราะไปประกาศเป็นพันธมิตรกับญี่ปุ่น)   ตัวผู้บริหารประเทศก็ยอมแพ้แล้ว  ยอมให้อังกฤษบีบก็ตายคลายก็รอด     แต่กลับรอดจากเป็นผูู้แพ้เสียเฉยๆยังงั้นละ    กลายเป็นประเทศปลอดภัยจากผลของสงคราม   ประหนึ่งว่าไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับเขาเลย
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 41293

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 32  เมื่อ 14 ม.ค. 25, 17:47

      มีอีกเรื่องที่ดิฉันข้องใจเมื่ออ่านงานของดร.พีระ    คือเรื่องที่ปรีดี เห็นด้วยกับเงื่อนไขของอังกฤษ  ไม่คิดต่อรอง  โดยให้เหตุผลว่ารีบยินยอมเสียตอนนี้ ดีกว่าลากยาวต่อไปแล้วเขาจะยิ่งปรับมากกว่านี้  ผู้สนับสนุนท่านในสภาก็เห็นด้วยเต็มท่ี่
      คือสงสัยว่าทำไมปรีดีและสส. ถึงมั่นใจว่า อังกฤษได้ไปตามเงื่อนไขแรก แล้วจะพอใจแค่นั้น  เชื่อใจได้ว่าไม่มีเงื่อนไขสองสามสี่ตามมา
      ขอเปรียบเทียบเล่นๆว่า มันเหมือนเราเดินไปด้วยกันตอนกลางคืน   จู่ๆมีนักเลงตัวมหึมาโผล่พรวดมาขวางหน้า พร้อมด้วยปืนในมือแกว่งไปมาแสดงศักดา     คนเดินนำก็เลยบอกคนเดินตามว่า  มีเงินเท่าไหร่รีบให้เขาไปให้หมดเถอะ   เขาจะได้ไปให้พ้นๆ   ไม่แตะต้องนาฬิกาปาเต็กฟิลิปส์ กับสร้อยคอทองคำห้อยพระสมเด็จของเรา
 
บันทึกการเข้า
superboy
สุครีพ
******
ตอบ: 818


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 33  เมื่อ 15 ม.ค. 25, 09:46

ตอนนั้นมีเรื่องการเมืองในประเทศด้วยหรือเปล่าครับอาจารย์ เนื่องจาก ม.ร.ว. เสนีย์ ปราโมช ได้เป็นนายกเพราะสหรัฐอเมริกาสนับสนุน นักการเมืองเก่าของเราจึงไม่ค่อยให้ความร่วมมือสักเท่าไร มันต้องมีการงัดข้อแสดงพลังกันบ้างอะไรทำนองนี้
บันทึกการเข้า
superboy
สุครีพ
******
ตอบ: 818


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 34  เมื่อ 15 ม.ค. 25, 09:51

หรือถ้าพูดอีกหนึ่งมุม...อังกฤษมีอิทธิพลในประเทศไทยมาเนิ่นนาน ขนาดจอมพลป.ยังรออังกฤษจนถึงวินาทีสุดท้ายก่อนตัดสินใจ ช่วงนั้นอาจมีการพูดคุยหลังบ้านกับนักการเมืองชั้นนำของเรา ว่าให้เซ็นรับไปก่อนแล้วจะอย่างโน้นนะอย่างนี้นะ ระหว่างนั้นคุณพี่ก็เก็บรางรถไฟสายชุมพร–กระบุรีไปหมดไม่เหลือแม้แต่นอตสักตัว  เศร้า

บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 41293

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 35  เมื่อ 15 ม.ค. 25, 10:39

      คุณ Superboy เป็นหมอดูแม่นๆ   ยิงฟันยิ้ม

     ใครก็ตามที่พอจะมีความรู้เรื่องระบบการทำงานของรัฐสภาไทย  ย่อมจะรู้ว่า กว่าจะมีการยกมือโหวตในสภานั้น  เขามีการเจรจาและตกลงกันมาก่อนหน้านี้เรียบร้อยแล้ว     ยกมือโหวตเป็นการแสดงออกเป็นทางการเท่านั้นเอง
      เพราะฉะนั้นเราก็พอจะเดาได้ว่า การที่รัฐสภายุค ม.ร.ว.เสนีย์เป็นนายกรัฐมนตรี  (แต่อำนาจการบริหารที่แท้จริงอยู่ที่ปรีดี พนมยงค์ ผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์)  ได้โหวตให้ไทยยอมตกลงรับเงื่อนไขของอังกฤษโดยดี ย่อมมีการเจรจานอกรอบกันระหว่างอังกฤษกับปรีดีมาก่อนแล้ว

     เบื้องหลังคืออังกฤษได้ส่งนาย Hugh R.Bird ผู้เคยเป็นกงสุลอังกฤษประจำประเทศไทย มาชักชวนให้ลงนามกับอังกฤษ  นายเบิร์ดมีหนังสือมาว่า
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 17 ม.ค. 25, 12:14 โดย เทาชมพู » บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 41293

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 36  เมื่อ 15 ม.ค. 25, 10:45

     " ข้าพเจ้าได้รับคำสั่งจากรัฐบาลของข้าพเจ้ามาเพื่อย้ำกับท่านว่า  ข้อตกลงที่ได้ยื่นให้ท่านที่แคนดีนั้นได้พิจารณาถึงความช่วยเหลือที่ได้รับโดยขบวนการต่อต้านญี่ปุ่นในสยาม(หมายเหตุ:หมายถึงขบวนการเสรีไทย) ก่อนที่รัฐบาลญี่ปุ่นจะยอมแพ้ และยังเป็นเงื่อนไขขั้นต่ำ  ซึ่งตามความเห็นแล้วนั้นมีความจำเป็นที่จะลบล้างอดีตและปูทางไปสู้เส้นทางที่สยามจะร่วมมือกับสัมพันธมิตรอย่างรวดเร็ว    ข้าพเจ้าได้รับมอบอำนาจมาแจ้งแก่ท่านว่า  เมื่อเงื่อนไขเหล่านั้นได้รับการยอมรับแล้ว   ท่านจะพบว่า รัฐบาลของสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเป็นเหตุเป็นผลมากในการบังคับใช้สัญญาดังกล่าว   และในการนำเสนอข้อตกลงต่อสาธารณะในรูปแบบของข้อตกลงสมบูรณ์แบบ"

        แปลจากภาษาการทูตเป็นภาษาชาวบ้านว่า
       
        รัฐบาลอังกฤษสั่งข้าพเจ้าให้มาบอกท่านว่าสัญญาที่เราจะให้พวกท่านเซ็นที่เมืองแคนดีนั้น   เราไม่ได้ลืมบทบาทเสรีไทยที่ท่านเป็นผู้นำหรอกนะ  ยังเชียร์อยู่   และเงื่อนไขของเราก็มีแค่เนี้ย  เป็นขั้นเบสิค ไม่มีอะไรต้องวอรี่   ต่อไปเราจะได้ลืมอดีตกันซะว่าสยามเคยร่วมมือกับญี่ปุ่น แต่จะเห็นเพียงว่าตอนนี้ท่านร่วมมือกับสัมพันธมิตรเป็นอย่างดีแล้ว 
        เมื่อท่านตกลงตามเงื่อนไขของเราเสนอ  ท่านจะเห็นว่าเหตุผลของเราล้วนแต่เป็นเรื่องดี  น่าร่วมมือด้วย   แล้วเราสองฝ่ายก็ได้ประกาศต่อสาธารณะว่าตกลงกันได้เรียบร้อยแล้ว ขอให้ตกลงเร็วๆหน่อยอย่าชักช้า
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 41293

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 37  เมื่อ 15 ม.ค. 25, 10:50

     มันเหมือนเราเดินไปด้วยกันตอนกลางคืน   จู่ๆมีนักเลงตัวมหึมาโผล่พรวดมาขวางหน้า พร้อมด้วยปืนในมือแกว่งไปมาแสดงศักดา     คนเดินนำก็เลยบอกคนเดินตามว่า  มีเงินเท่าไหร่รีบให้เขาไปให้หมดเถอะ   เขาจะได้ไปให้พ้นๆ   ไม่แตะต้องนาฬิกาปาเต็กฟิลิปส์ กับสร้อยคอทองคำห้อยพระสมเด็จของเรา
    (ต่อตอนจบ)
      คนเดินตามกระซิบถามคนเดินนำว่า ท่านไม่กลัวว่าได้เงินไปแล้วเขาจะกวาดนาฬิกากับพระเครื่องของเราไปด้วยหรือครับ   คนเดินนำก็กระซิบตอบว่า  ไม่หรอก    คนนี้ผมรู้จักดี  เขาเคยบอกว่าเขาเอาแต่เงินเท่านั้น  ไม่เอาของ
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 41293

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 38  เมื่อ 17 ม.ค. 25, 11:42

     สาเหตุที่นายเบิร์ด มีหนังสือถึงปรีดี พนมยงค์ แทนที่จะมีหนังสือถึงม.ร.ว.เสนีย์ ปราโมช   ก็เพราะอังกฤษรู้ดีว่าใครมีอำนาจแท้จริงในประเทศไทยในตอนนั้น   เห็นได้จากหลักฐานว่านายเดนิงเคยแสดงความเห็นว่า
     "พวกเรารู้แล้วว่าเสนีย์เป็นเพียงหุ่นเชิด     และผู้สำเร็จราชการได้เลือกสมาชิกคณะรัฐมนตรีมานานแล้ว"
     ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ก็ไม่แปลกที่คณะรัฐมนตรีจะพากันยกมือให้ไทยตกลงลงนามในสัญญาตามที่อังกฤษเรียกร้อง   ไม่หือไม่อืออะไรเลย
     แต่ที่นายเดนิงและปรีดีไม่ได้คาดคิดคือ  คนที่เขามองว่าเป็นเพียงหุ่นเชิดไร้ความสำคัญกลับเป็นคนที่ฮึดสู้ขึ้นมา  ไม่ยอมให้ไทยยอมจำนนโดยง่าย  ด้วยการประวิงเวลาแล้วประวิงเวลาอีก  จนลากยาวไปถึึงเดือนธันวาคม   เป็นเหตุให้ สหรัฐอเมริกาเข้าแทรกแซงในนาทีสุดท้าย   ไทยก็หลุดจากเงื่อนไขของอังกฤษได้สำเร็จ
บันทึกการเข้า
superboy
สุครีพ
******
ตอบ: 818


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 39  เมื่อ 17 ม.ค. 25, 18:13

ผมคิดว่าอังกฤษช่วงนั้นกำลังเข้าตาจนครั้งเลวร้ายมากที่สุด ประเทศชนะสงครามก็จริงแต่กำลังจะล้มละลายต่อหน้าต่อตา ถ้าไม่ได้เงินกู้จากสหรัฐอเมริกากับแคนาดาคงยากที่จะฟื้นตัวภายใน 20 ปี เศรษฐกิจไม่ดีเสียจนเชอร์ชิลพาประเทศชนะเยอรมันแต่แพ้การเลือกตั้ง

ช่วงนั้นอังกฤษเห็นช่องทางไหนที่พอรีดไถได้คงใส่ไม่ยั้ง จะไถเงินจากเยอรมันหรืออิตาลีสองชาตินี้ก็แทบไม่เหลืออะไร อาณานิคมในแอฟริกากับตะวันออกกลางมีแต่ทรัพยากรไม่มีเงิน อินเดียกับพม่าเป็นสนามรบแทบไม่เหลืออะไรสักเท่าไร มีประเทศไทยนี่แหละที่เสียหายจากสงครามน้อยที่สุด ถ้าไถเงินไม่ได้ให้ไถทองคำขาวหรือข้าวสารไปขายย่อมไม่แตกต่างกัน

พูดแบบเซียนหลังเกม…เรารู้อยู่แล้วว่าสหรัฐอเมริกาใหญ่กว่าอังกฤษ การโจมตีทางอากาศใส่ประเทศไทยก็ใช้เครื่องบินสหรัฐอเมริกาเสียเป็นส่วนใหญ่ ทำไมนักการเมืองชั้นนำในยุคนั้นถึงไม่สนใจลุงแซมของผมบ้าง ไม่รู้เป็นเพราะกลัวอังกฤษมากเกินเหตุหรือแอบมีดีลลับสุดยอดที่บ้านริมน้ำ

มัวแต่ขัดขากันไปขัดขากันมา จอมพลป.ถึงหวนกลับคืนสู่บัลลังก์ ขยิบตา
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 41293

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 40  เมื่อ 17 ม.ค. 25, 18:51

  ตอนนั้น  รัฐบาลไทยยังไม่แน่ใจว่าสหรัฐอเมริกาจะยื่นมือมาช่วยหรือไม่ค่ะ    หรือมากน้อยแค่ไหน  สถานการณ์ก็บีบรัดเข้ามาเรื่อยๆ มีแต่อังกฤษคำรามฮึ่มๆอยู่  
   ส่วนการเดินแต้มทางลับก็เป็นเรื่องธรรมดา   เข้าใจกันได้ของการทูตระหว่างประเทศว่าจะต้องมีการตกลงกันเป็นการภายในเสียก่อน  ตกลงภายนอกถึงจะตามมาอย่างเรียบร้อยไม่ติดขัด
   มันก็ธรรมดาอีก   ถ้าใครพูดจากันง่าย  ว่าไงว่าตามกัน  ไม่ดิื้อดึง   ก็ย่อมจะได้รับแรงสนับสนุนเรื่องอนาคตของคนคนนั้น   สมประโยชน์กันทั้งสองฝ่าย   ฝ่ายหนึ่งได้เงิน  อีกฝ่ายได้เพื่อนบิ๊ก  สมหวังกันทั้งสองฝ่าย
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 41293

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 41  เมื่อ 21 ม.ค. 25, 09:51

   ถ้าจะบอกว่าไทยดำเนินการทางการทูตได้ดีจนเอาตัวรอดจากเป็นผู้แพ้สงครามมาได้  ก็ต้องบอกว่านั่นเป็นส่วนหนึ่งของ "ความพยายามทางการทูต"  ที่ม.ร.ว.เสนีย์เตะถ่วง จนสหรัฐอเมริกายื่นมือเข้ามาช่วยทันในนาทีสุดท้าย       เพราะในการเมืองไทยช่วงนั้น ความคิดยังแตกออกเป็น 2 ส่วน  ส่วนใหญ่ให้ยอมทำตามเงื่อนไขของอังกฤษแต่โดยดี     ส่วนน้อยคือไม่เห็นด้วย 
   นอกจากนี้ก็มีความบังเอิญอันเหลือเชื่อแทรกเข้ามาหลายครั้ง ทำให้การลงนามยินยอมซึ่งควรจะตกลงกันไปได้นานแล้ว  ต้องเลื่อนแล้วเล่ื่อนอีกถึง 3  ครั้ง    จนกระทั่งไม่ได้เซ็นในที่สุด
    ดร.พีระเรียกว่า เกิดจากปาฏิหาริย์และความบังเอิญ   ก็นับว่าเป็นคำอธิบายที่เข้าท่า ถ้าเรายังหาคำอธิบายดีกว่านี้มาหักล้างไม่ได้     มีอย่างหรือ  ประเทศมหาอำนาจอย่างอังกฤษ ยื่นสัญญาที่ผูกมัดจนกระดิกกระเดี้ยได้ยากมาให้ประเทศเล็กๆอย่างไทยเซ็น     บุคคลสำคัญของไทยและผู้สนับสนุนก็พร้อมจะโอนอ่อนผ่อนตามยอมเซ็นโดยดี   แต่กลับเกิดเหตุเล็กเหตุน้อยให้ไม่ได้เซ็นจนแล้วจนรอด    จนประเทศมหาอำนาจอีกประเทศหนึ่งยื่นมือเข้ามาคว้าไทยให้ลอยลำไปจากการผูกมัดได้อย่างเหลือเชื่อ
    สงครามโลกครั้งที่สองจบลงด้วยความพ่ายแพ้ของเยอรมัน ญี่ปุ่น และประเทศที่สนับสนุนสองประเทศนี้      ยกเว้นไทยซึ่งสนับสนุนญี่ปุ่นอย่างออกหน้า   กลับไม่แพ้   
    เราจะอธิบายเหตุผลอย่างไรดี  ถ้าไม่ใช้คำว่าปาฎิหาริย์
บันทึกการเข้า
หน้า: 1 2 [3]
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2006, Simple Machines
Simple Audio Video Embedder

XHTML | CSS | Aero79 design by Bloc หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.07 วินาที กับ 19 คำสั่ง