เรือนไทย
ยินดีต้อนรับ ท่านผู้มาเยือน
กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
ส่งอีเมล์ยืนยันการใช้งาน?
ข่าว: การแนบไฟล์ กรุณาใช้ชื่อไฟล์ภาษาอังกฤษเท่านั้นครับ
หน้า: 1 2 [3] 4
  พิมพ์  
อ่าน: 19937 ข้อสังเกตและเกร็ดบางประการ จาก "หนึ่งในร้อย" ของ ดอกไม้สด
SILA
หนุมาน
********
ตอบ: 8424


ความคิดเห็นที่ 30  เมื่อ 10 ต.ค. 24, 10:53

           ไม่ได้ดูซีรีส์ ไทย เทศ นานมากแล้ว แต่ก็ยังพอเห็นผ่านหู,ผ่านตาบ้าง
           อะไรที่ไม่ตรง,ที่แปลงเปลี่ยนไป ก็ถือว่าผู้สร้างใช้  (Dramatic) Poetic license

Poetic license สิทธิพิเศษที่เป็นบัตรผ่านของกวีและศิลปิน

http://www.reurnthai.com/index.php?topic=5075.0

            ขอกลับเข้าซอยตื้นๆ เรื่องสูทผิวฉลาม ครับ

ที่ nksuit.com บอกว่า

            ลวดลายแพทเทิร์นผ้าที่ใช้สำหรับสูทของผู้ชายนั้นเกิดจากการทอด้ายสีต่างๆ และรูปแบบลายแพทเทิร์นผ้าที่พบบ่อยที่สุด

1. Sharkskin  ( และ Pinstripe Chalk Stripe Windowpane Glen Check Herringbone Birdseye Plaid/Tartan
                     Houndstooth 10. Gingham)

            Sharkskin เป็นลวดลายที่ทำจากผ้าขนสัตว์ที่นุ่มและเรียบ โดยการทอเส้นด้ายสองแบบเข้าด้วยกัน ทำให้มีความโดดเด่น
ด้วยเนื้อผ้าทอที่นุ่มและมีความเงาเล็กน้อยที่กล่าวกันว่าคล้ายกับผิวของฉลาม โดยผ้าลวดลายนี้ถึงแม้จะลายดูเรียบๆ แต่ดูดี และแฝงด้วย
ความหรูหรา ตัดสูทโดยใช้ผ้าลวดลาย Sharskin สามารถใส่ได้ตลอด เป็นสูทตัวแรกๆ ที่คุณควรมีติดตู้เสื้อผ้าไว้


บันทึกการเข้า
เพ็ญชมพู
หนุมาน
********
ตอบ: 16057



ความคิดเห็นที่ 31  เมื่อ 10 ต.ค. 24, 12:35

สูทชาร์กสกินสีขาวนิยมใส่กันในสมัยจอมพลป. พิบูลสงคราม

ในหนังสือ ความลับของพระแก้วมรกต แต่งโดยอารยันต์คุปต์ หน้า ๘๙๖ เรื่องกบฏแมนแฮตตัน บรรยายว่า

วันที่ ๒๙ มิถุนายน ๒๔๙๔  ที่ท่าราชวรดิตฐ์ นายวิลเลียมเทอเนอร์ อุปทูตอเมริกัน เป็นผู้มอบเรือขุดให้

จอมพล ป. พิบูลสงครามในเครื่องแต่งกายชุดชาร์กสกินสีขาว เนคไทเขียว กระเป๋าเสื้อนอกมีผ้าเช็ดหน้าพื้นเขียวขลิบขาวแลบออกมาเล็กน้อย

เมื่อเดินเข้าสู่โรงพิธีแล้ว  พระสงฆ์ก็เริ่มสวดชัยมงคลตามประเพณี  บรรดาทูตานุทูตและครอบครัวนายทหารชั้นผู้ใหญ่  พร้อมด้วยหม่อมกอบแก้ว อาภากร  ก็ได้ไปเข้าร่วมในพิธี

จาก ศิลปะ วัฒนธรรมยุคท่านผู้นำ - จอมพลป.


บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 41269

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 32  เมื่อ 10 ต.ค. 24, 18:11

ฟุตบอลประเพณีครั้งแรก พ.ศ. 2477
พระอรรถคดีวิชัยน่าจะแต่งกายแบบนี้เวลาออกงานออกการ


บันทึกการเข้า
ภศุสรร อมร
พาลี
****
ตอบ: 216


ความคิดเห็นที่ 33  เมื่อ 11 ต.ค. 24, 08:16

ผมเองแปลกใจเหมือนกันว่าถ้าหากสูตขาวเป็นมาตรฐานในสมัยก่อน เหตุใดสูตขาวจึงไม่ค่อยเป็นที่นิยมในสมัยนี้แล้วล่ะครับ
สมัยนี้ในแวดวงธุรกิจ ก็เห็นใช้สูตดำเป็นหลัก
บันทึกการเข้า
พี่วรภัทรของพี่ชายใหญ่
มัจฉานุ
**
ตอบ: 74


ความคิดเห็นที่ 34  เมื่อ 11 ต.ค. 24, 22:57

เหมือนคุ้น ๆ ว่าสูทดำหรือสูทสีเข้ม เช่น สีน้ำเงินเข้ม คนไทยเริ่มนิยมใส่กันในช่วงหลัง พ.ศ.2500 ไปแล้ว แต่จำไม่ได้ว่าปีไหน
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 41269

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 35  เมื่อ 12 ต.ค. 24, 08:40

ผมเองแปลกใจเหมือนกันว่าถ้าหากสูตขาวเป็นมาตรฐานในสมัยก่อน เหตุใดสูตขาวจึงไม่ค่อยเป็นที่นิยมในสมัยนี้แล้วล่ะครับ
สมัยนี้ในแวดวงธุรกิจ ก็เห็นใช้สูตดำเป็นหลัก
เปลี่ยนความนิยมตามต้นแบบ คือแฟชั่นตะวันตก ค่ะ
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 41269

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 36  เมื่อ 12 ต.ค. 24, 09:43

    มีการแต่งกายชายอีกแบบหนึ่งในรัชกาลที่ 7   คือนุ่งกางเกงแพรแบบกางเกงแพรจีน  สวมกับเสื้อผ้าป่านหลวมๆแบบจีนเรียกว่าเสื้อกุยเฮง เวลาอยู่บ้านหรือไปไหนใกล้ๆ   แต่ถ้าออกจากบ้านก็สวมเสื้อราชปะแตนกับกางเกงแพร
    คุณพระอรรถ ก็น่าจะนุ่งกางเกงแพรในฉากอยู่บ้าน


บันทึกการเข้า
พี่วรภัทรของพี่ชายใหญ่
มัจฉานุ
**
ตอบ: 74


ความคิดเห็นที่ 37  เมื่อ 12 ต.ค. 24, 16:17

กางเกงแพรนั้น ที่คุ้น ๆ มากรู้สึกจะเป็นแพรปังลิ้น และเหมือนว่าคนไทยจะนุ่งตามคนจีน ช่วงแรก ๆ ถึงเรียกกางเกงแพรว่า กางเกงจีน หรือ กางเกงแพรจีน

คุ้น ๆ ว่านอกจากใน พล นิกร กิมหงวน แล้ว ใน อยู่กับก๋ง ของ หยก บูรพา จะกล่าวถึงด้วยว่าเป็นกางเกงที่ก๋งใส่ตอนวันแซยิด (ฉากจบของเรื่อง)
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 41269

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 38  เมื่อ 13 ต.ค. 24, 10:06

    กางเกงแพรปังล้ิ้น  คนจีนออกเสียงว่า ปั๋งลิ้ง    
    ในยุคก่อน  ญาติผู้ใหญ่สวมกางเกงแพรอยู่บ้าน เพราะเย็นสบายและตัวหลวมกว้าง เคลื่อนไหวได้สะดวก  แต่ไม่มีใครสวมออกไปนอกบ้าน 
    วันสงกรานต์ก็เคยซื้อไปไหว้ เป็นผ้าไหว้ผู้ใหญ่  ตามร้านมีขายทุกสี
    แต่พอท่านล่วงลับไปกันหมด ก็ไม่มีโอกาสไปดูตามตลาดว่ากางเกงแพรยังมีขายอยู่หรือเปล่า  เพราะคนรุ่นหลังจากนั้นไม่มีใครนุ่งกางเกงแพรกันอีกแล้ว  กางเกงบ๊อกเซอร์ กางเกงวอร์ม  กางเกงยีนส์ เข้ามาแทนที่
    มาถึงยุคนี้น่าจะหายาก หรือไม่มีแล้วค่ะ
บันทึกการเข้า
ภศุสรร อมร
พาลี
****
ตอบ: 216


ความคิดเห็นที่ 39  เมื่อ 14 ต.ค. 24, 14:23

ผมเองใส่กางแกงแพรดั่งกล่าวนี้อยู่บ้านทุกวันครับ นุ่มสบายอย่างไม่น่าเชื่อ ผมเองซื้อมาจากร้านย่านบางลำพูซึ่งขายแพรโดยเฉพาะ เท่าที่ทราบ ร้านที่ขายกางเกงแพรโดยเฉพาะ ก็น่าจะมีร้านนี้เป็นหนึ่งในร้านสุดท้าย หากร้านนี้ปิดไป ผมเองก็ไม่รู้จะหาซื้อที่ไหนเหมือนกัน
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 15 ต.ค. 24, 08:54 โดย เทาชมพู » บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 41269

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 40  เมื่อ 15 ต.ค. 24, 09:06

     ศาสตราจารย์ม.ล.บุญเหลือ เทพยสุวรรณ  ได้วิจารณ์ "หนึ่งในร้อย" เอาไว้   เสียดายหาไม่เจอในเว็บ  จึงขอเล่าคร่าวๆจากความทรงจำ 
     ท่านเห็นว่า คำ"หนึ่งในร้อย" ที่คนอ่านส่วนมากนึกว่าหมายถึงคุณพระอรรถคดีวิชัย    ที่จริงมีตัวละครหลายตัวที่เข้าข่าย "หนึ่งในร้อย"   เช่นหญิงสาวที่มีความคิดล้ำยุคอย่างอนงค์ นี่ก็หนึ่งในร้อย     แม่ที่สุดแสนจะเจ้าโทสะ เห็นแก่ตัวและลำเอียงเลือกที่รักมักที่ชังสุดๆ อย่างคุณนายชื่นแม่ของวิชัย  นี่ก็ยิ่งหนึ่งในร้อย 
    ส่วนนิสัยใจคอของวิชัย  ม.ล.บุญเหลือเห็นว่า ในครอบครัวไทย ลูกชายคนโตที่ทำหน้าที่หัวหน้าครอบครัวเพราะบิดาเสียชีวิต มักจะวางตัวเป็นพี่ใหญ่  แม่และน้องๆให้ความเกรงใจ     แต่วิชัยไม่ได้ทำตัวเช่นนั้น  กลับทำตัวน่าเอ็นดู  รักและเกรงกลัวแม่เป็นล้นพ้น    ยอมรับความอยุติธรรมของแม่ที่มีต่อตนเองโดยไม่ปริปาก
   ดิฉันขอแถมว่า  แม้ว่าจะต่อสู้เพื่ออะไรถูกอะไรผิด แต่ก็สู้แบบกัดฟันสู้แม่ ยอมให้แม่กระหน่ำสารพัด  ไม่ใช่สู้แบบทำให้แม่เกรงใจ  นิสัยข้อนี้ของวิชัยทำให้อนงค์เกิดความสงสารจับใจ   ว่าได้รับความเจ็บปวดมามากทั้งๆไม่มีความผิด   เธอก็เลยเอาตัวเองเป็นเครื่องเยียวยาคุณพระ  ด้วยความเชื่อว่าคุณพระเป็นคนดี  อนงค์บูชาความดีย่ิ่งกว่าความหล่อเหลา หรือความหรูหราของชายหนุ่ม 
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 41269

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 41  เมื่อ 15 ต.ค. 24, 09:13

คำสารภาพรักของอนงค์

“ดิฉันติดใจในความดีอย่างประเสริฐของคน ๆ หนึ่ง เธอเป็นคนดีอย่างประหลาด ซื่อสัตย์ เที่ยงตรง มีศีลธรรมอย่างสูงและมีศรัทธาในการเสียสละอย่างแรงกล้า ดูเหมือนไม่มีสิ่งใดที่ใครเขาขอแล้วเธอไม่ให้แต่คน ๆ นี้มีเสียอยู่อย่างหนึ่ง คือทั้งขาดความระแวงและความระวัง เพราะเช่นนั้นเมื่อเธอรักผู้หญิงคนหนึ่งก็ถูกคนรักซ้อน เมื่อเธอรู้ความจริงนั้นเธอมีทางที่จะขัดขวางต่อสู้เพื่อความรักของเธอได้ง่าย แต่เธอไม่ทำกลับสละหญิงนั้นให้เขาไป”

และอีกตอนหนึ่ง

"ตัวบุคคลไม่ชนะใจอนงค์ได้ง่าย ๆ หรอกค่ะ แต่ความดีในตัวบุคคลนั่นแหละอนงค์เห็นแล้วก็รักจับจิตจับใจ และเพื่อที่จะได้ความดีนั้นมาคุ้มครองตัวอนงค์เพื่อความสุขใจภายหน้า อนงค์ขออุทิศทุก ๆ สิ่งให้แก่บุคคลที่เป็นเจ้าของความดีเมื่อท่านได้​ให้อะไรใคร ๆ เขามากแล้ว ท่านจะไม่ยอมรับสิ่งที่เขาให้ท่านด้วยความเคารพบูชาอย่างสูงหรือคะ”
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 41269

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 42  เมื่อ 15 ต.ค. 24, 09:19

  นวนิยายเรื่องนี้จบแบบแฮปปี้เอนดิ้ง   พระอรรถคดีตกลงใจแต่งงานกับอนงค์    เป็นอันว่าคนดีก็ลงเอยได้ผลดีมากกว่าที่ตัวเองคาดคิดด้วยซ้ำ คือได้หญิงสาวที่ทั้งสวย รวยและฉลาด มาเป็นภรรยา    เหนือกว่าผู้หญิงทุกคนในเรื่อง
  ตอนที่อ่าน "หนึ่งในร้อย" ครั้งแรกดิฉันก็ไม่ได้คิดอะไรมาก    เห็นอย่างข้างบนนี้ละค่ะ     แต่เมื่อยุคสมัยผ่านไปจนถึงปัจจุบัน  มองเห็นความเปลี่ยนแปลงของสังคมมาหลายยุค    กลับมีความเห็นเพิ่มเติมว่า อนงค์กับคุณพระน่าจะอยู่กันได้ในชีวิตสมรสสมัยพ.ศ. 2477  แต่ถ้าเป็นยุคปัจจุบัน   ถ้าอนงค์เป็นลูกสาวดิฉัน  ดิฉันจะคัดค้านเต็มที่ไม่ให้แต่งงานกับผู้ชายอย่างพระอรรถคดีวิชัย   เพราะยังไงก็ไปไม่รอด 
   รอความเห็นท่านสมาชิกอื่นๆก่อน  ยังไม่เฉลยว่าทำไมคิดแบบนี้
บันทึกการเข้า
พี่วรภัทรของพี่ชายใหญ่
มัจฉานุ
**
ตอบ: 74


ความคิดเห็นที่ 43  เมื่อ 15 ต.ค. 24, 11:49

ไม่รู้ถูกหรือผิดนะครับ แต่ถ้าเป็นใจผมผมคงคิดว่า

ถ้าสิ่งเร้าอารมณ์มากระทบมาก ๆ เข้า จะดีไปได้นานสักเพียงไหนกันก็ไม่รู้ได้ เหมือนที่โบราณว่าเสาหินใครผลักเข้าก็ต้องไหว แม้กระทั่งหินแข็งยังกร่อนได้ด้วยแรงลมและน้ำ

สังคมยุค 2477 สิ่งเร้าอารมณ์อาจจะน้อยจนพอนับและจำแนกได้ แต่มองมาถึงยุคนี้ สิ่งเร้าอารมณ์มันเกิดขึ้นเร็วและเข้าถึงง่ายดาย คนที่มองว่าดีเยี่ยมโดยตลอดแล้วมาเสียด้วยเรื่องเล็กบ้างเรื่องใหญ่บ้างก็มีให้เห็นกันเรื่อย ๆ
บันทึกการเข้า
SILA
หนุมาน
********
ตอบ: 8424


ความคิดเห็นที่ 44  เมื่อ 17 ต.ค. 24, 15:00

            (ออกตัวอีกครั้งว่า ไม่เคยอ่านและไม่ได้ดูจริงจัง)

            เท่าที่ผ่านตา,รู้สึก คือ อนงค์ มีความเป็นคุณหนู สวย รวยเสน่ห์ มั่นใจ ผู้ชายที่จับคู่ดูแลได้
ต้องมีความเป็นผู้ใหญ่ ผ่าน,เข้าใจชีวิตมาก่อน อย่างคุณพระวิชืด(จืด) แสนดี มีความสงบ,สยบด้วยความดี
ในยุคนั้น น่าจะครองคู่มีลูกเต้าอยู่กันยาว ถ้ามีเรื่องราวระหองระแหงที่มักเกิดจากอนงค์คุณพระก็อภัย(ไม่หวง)
อดทนกลืนกล้ำ(เลิศล้ำ) ความดีระดับหนึ่งในร้อยที่อนงค์คงเห็นค่าก็จะพาชีวิตคู่ยั่งยืน
           ส่วนกรณีเป็นยุคปัจจุบัน สังคมเปลี่ยน มีตัวแปรมากมายและรวดเร็ว คาดเดาได้ทั้งทางที่
           อนงค์ยังคงแพ้ความดีแบบยอดคน และเกิดติดใจหันมาใช้ชีวิตสงบเป็นสุข,เป็นคุณแม่ลูกสอง-สาม หรือ
           อนงค์พบกับสิ่งแปลกแตกต่าง รสชาติใหม่ท้าทายไม่จืดชืด จนอาจเห็นคุณพระกลายเป็นน่ารำคาญ
หรือ คุณพระยังคงอดทนยอมให้คุณแม่มาก่อเหตุ หรือ อาจเกิดมีอุบัติเหตุ,ตัวแปร เช่น ปัญหาธุรกิจที่คุณพระ
ไม่มีทางใช้หน้าที่การงานช่วยเหลือเอื้ออำนวย หรือ ... จึงเกิดปัญหาขัดแย้งกัน ยิ่งสมัยนี้ เป็นม่าย,ไม่เป็นไร
ผู้หญิงไม่ต้องทน สุดท้ายจึงแยกจากกันไป
บันทึกการเข้า
หน้า: 1 2 [3] 4
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2006, Simple Machines
Simple Audio Video Embedder

XHTML | CSS | Aero79 design by Bloc หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.041 วินาที กับ 20 คำสั่ง