เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
    
ตอบ: 41289
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 45 เมื่อ 05 ส.ค. 24, 09:26
|
|
นักอ่านที่สนใจเรื่องสงครามโลกครั้งที่ 2 คงจะเคยได้ยินชื่อแอนน์ แฟรงค์ (Anne Frank) มาบ้าง เธอเป็นเด็กหญิงในครอบครัวชาวยิวที่ต้องหลบซ่อนพวกเยอรมันอยู่ 2 ปีในอัมสเตอร์ดัม ก่อนจะถูกจับได้ และนำไปกักกันตัวในค่ายเชลย เธอป่วยและเสียชีวิตในค่ายนั้นเมื่ออายุเพียง 15 ปี ในค.ศ. 1945 สิ่งที่ทำให้ชื่อเสียงเธอเป็นที่รู้จักทั่วโลกคือบันทึกประจำวันที่เขียนไว้ระหว่างหลบซ่อน พ่อของเธอที่รอดชีวิตจากค่ายเชลยมาได้พบบันทึกนี้ และนำติดตัวไปอเมริกาด้วย เมื่อสงครามสิ้นสุดลง บันทึกนี้ได้รับการเผยแพร่ ก็กลายเป็นหนังสือบันลือโลก แปลเป็นภาษาต่างๆถึง 70 ภาษารวมทั้งไทยด้วย แอนน์เป็นเด็กมีพรสวรรค์ทางขีดเขียน บันทึกของเธอไม่ได้เป็นแค่คำบอกเล่าว่าวันๆทำอะไรบ้าง แต่เขียนด้วยความฉลาดเฉลียว มีเสน่ห์ในตัวหนังสือ ที่ทำให้คนอ่านเห็นภาพความทารุณโหดร้ายของสงคราม และชีวิตของเด็กหญิงที่ค่อยๆเติบโตขึ้นจากเด็กน้อยเป็นเด็กสาว แต่พรสวรรค์นี้กลับไม่ได้มีการใช้ให้คุุ้มค่า เพราะสงครามบั่นทอนชีวิตเธอเสียก่อน
หลังจากแอนน์ แฟรงค์ ตายไป 9 ปี เด็กหญิงชาวสวีเดนคนหนึ่งถือกำเนิดมาในปี 1954 ชื่อ Barbro Karlén ( ออกเสียงแบบสวีเดนว่า บารฺบรุ คาร์เลน) เด็กน้อยมีพรสวรรค์ทางขีดเขียนมาตั้งแต่เยาววัย พออายุ 12 ก็มีผลงานหนังสือชื่อ Människan på jorden (Man on Earth) ตีพิมพ์จำหน่ายแล้ว จากนั้นก็มีผลงานออกมาเรื่อยๆจนอายุ 16 มีถึง 11 เล่มทางด้านกวีนิพนธ์และร้อยแก้ว (prose) จนมีชื่อเสียงเลื่องลือไปทั่วประเทศสวีเดนว่าเป็นเด็กมีพรสวรรค์ แต่สิ่งที่น่าอัศจรรย์มากกว่านี้ คือบารฺบรุ จำได้เมื่ออายุ 3 ขวบ ว่าตัวเองเคยมีกำเนิดก่อนหน้านี้ ในชื่อว่า แอนน์ แฟรงค์
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
    
ตอบ: 41289
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 46 เมื่อ 05 ส.ค. 24, 09:27
|
|
ภาพซ้ายคือแอนน์ แฟรงค์ ภาพขวาคือบารฺบรุ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ภศุสรร อมร
|
ความคิดเห็นที่ 47 เมื่อ 05 ส.ค. 24, 18:23
|
|
น่าสนใจมากครับ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
    
ตอบ: 41289
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 48 เมื่อ 06 ส.ค. 24, 10:11
|
|
ตอนแรก พ่อแม่คิดว่าลูกน้อยมโนไปเองตามประสาเด็ก แต่เมื่อเธอเริ่มให้รายละเอียดมากขึ้น พ่อแม่ก็ชักไม่สบายใจว่าลูกสาวมีอะไรผิดปกติทางจิตหรือเปล่า ก็เลยพาไปหาจิตแพทย์ แต่พออยู่ต่อหน้าหมอ บารฺบรุกลับไม่ยอมพูดแม้แต่คำเดียว เธอสังเกตว่าเวลาพูดเรื่องชาติก่อนทีไร ผู้ใหญ่รอบตัวจะมีท่าทีอึดอัดอิหลักอิเหลื่อ นอกจากนี้เธอไม่ต้องการพูดเรื่องนี้กับคนแปลกหน้า เมื่อเธอหุบปากสนิท ก็เลยไม่มีใครได้รู้อะไรเพิ่ม หมอก็เลยตัดสินว่าหนูน้อยไม่ได้ป่วย ปกติดีทุกอย่าง
เมื่ออายุ 7 ขวบ บารฺบรุเข้าโรงเรียน หัดอ่านหัดเขียน เธอรู้สึกโล่งใจที่ตอนนี้เธอสามารถบรรยายถึงสิ่งที่จำได้ลงบนกระดาษได้แล้ว ไม่ต้องอ้าปากพูดกับใครอีก เช่นเดียวกับแอนน์ แฟรงค์ บารฺบรุบรรยายทุกสิ่งทุกอย่างในใจลงในสมุด เธอบอกว่า "กระดาษปิดปากได้สนิทกว่ามนุษย์" เมื่ออายุ 11 เพื่อนของพ่อแม่มาเยี่ยมที่บ้าน เห็นกระดาษวางเกลื่อนอยู่ในห้องเด็กหญิง เขาก็เลยหยิบมาอ่าน แล้วบอกพ่อแม่ว่าจะลองส่งไปให้สำนักพิมพ์ดู มันคือกระดาษเขียนโคลงกลอนที่เธอแต่งเอง สำนักพิมพ์ตกลงพิมพ์รวมเล่มบทกวีของเธอ ชื่อ Man on Earth เมื่อกวีน้อยอายุเพียง 12 ปี
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
    
ตอบ: 41289
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 49 เมื่อ 07 ส.ค. 24, 13:37
|
|
เมื่อบารฺบรุอายุ 10 ขวบ พ่อแม่พาไปเที่ยวยุโรป หลังจากแวะเที่ยวมาหลายเมืองก็มาถึงกรุงอัมสเตอร์ดัม ที่ซ่อนสุดท้ายของแอนน์ แฟรงค์ ก่อนถูกส่งเข้าค่ายเชลย พอไปถึงโรงแรมที่พัก พ่อแม่จะเรียกแท็กซี่ให้พาไปบ้านของแอนน์ แฟรงค์ตามที่ลูกสาวร่ำร้องอยากไป แต่หนูน้อยบอกว่าไม่ต้องเรียก บ้านอยู่ใกล้โรงแรมนิดเดียว จากนั้นเธอก็พาพ่อแม่เดินไปราว 10 นาทีก็ถึงที่หมายอย่างไม่ผิดพลาด ทั้งๆถนนในเมืองเล็กและคดเคี้ยว ชวนให้สับสนเดินหลงทางเอาง่ายๆ สำหรับคนไม่เคยไป พอไปถึง บารฺบรุบ่นว่าบ้านเปลี่ยนไปไม่เหมือนเดิม ซึ่งก็จริง เพราะมีการทำบันไดใหม่ จากนั้นเธอเดินขึ้นไปที่ห้องใต้หลังคาซึ่งครอบครัวแฟรงค์ซ่อนอยู่นานถึง 2 ปี เธอมีท่าทีดีใจมากที่ได้เห็นสภาพของภายในบ้านที่จัดเอาไว้อย่างเดิม เมื่อไปถึงห้องของแอนน์ เธอบอกว่าที่ผนังมีรูปโปสเตอร์ดาราหนังที่เคยแปะติดไว้ ทำไมไม่มี เหลือแต่ผนังว่างๆ แม่ลงไปถามเจ้าหน้าที่ ก็ได้คำตอบว่า ตรงนี้เคยมีภาพดาราแปะติดผนังอยู่จริงๆ แต่เพิ่มเอาออกไปเพื่อไปใส่กรอบกระจก จะได้รักษาสภาพไว้ให้ทนทานขึ้น บารฺบรุ รู้รายละเอียดเหล่านี้ได้อย่างไร
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
    
ตอบ: 41289
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 50 เมื่อ 07 ส.ค. 24, 13:41
|
|
ซ้ายคือบ้านที่ครอบครัวแฟรงค์หลบซ่อนตัว ขวาคือห้องใต้หลังคาที่พวกเขาซ่อนอยู่ 2 ปี ตอนกลางวันทุกคนต้องนั่งนิ่งๆไม่กระดุกกระดิก ไม่ทำเสียงใดๆ เพราะข้างล่างถูกนำไปใช้งานเป็นออฟฟิศ จนพนักงานกลับไปหมด พวกเขาถึงขยับเขยื้อนเคลื่อนไหวได้ ส่วนอาหารและการทิ้งขยะ พวกเขามีเพื่อนที่ช่วยซ่อนตัวมาจัดการให้ค่ะ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
    
ตอบ: 41289
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 51 เมื่อ 08 ส.ค. 24, 09:14
|
|
อย่างไรก็ตาม หนูน้อยก็ดำเนินชีวิตไปตามปกติ เขียนหนังสือ เรียนหนังสือ ไปตามวัย ความทรงจำเรื่องชาติก่อนก็เหมือนกรณีเด็กระลึกชาติก่อนๆคือค่อยจางไปตามวัย จนกระทั่งเข้าสู่วัยกลางคน มันก็กลับมาอีกครั้ง ครอบครัวของแอนน์ แฟรงค์เสียชีวิตไปหมดแล้ว คนสุดท้ายในตระกูลนี้เป็นญาติลูกพี่ลูกน้องชื่อบัดดี้ อีเลียส(Buddy Elias) นามสกุลนี้ออกเสียงได้หลายแบบ แล้วแต่ชนชาติ เลยขอเรียกแบบอังกฤษว่า อีเลียส แล้วกันค่ะ อีเลียสได้ข่าวว่ามีเด็กบอกว่าเป็นแอนน์ แฟรงค์มาเกิด เขาตัดสินใจติดต่อผ่านสำนักพิมพ์ของเธอแล้วเดินทางมาพบ แม้อีเลียสเป็นคนไม่เชื่อถือเรื่องกลับชาติมาเกิด แต่เขาก็อยากรู้เรื่องของญาติเขามากเกินกว่าจะปล่อยผ่านไปได้ เขาขอนัดดินเนอร์กับบารฺบรุ เมื่อถึงเวลานัด เธอปรากฏตัวขึ้น ทั้งสองจ้องมองกันอยู่อึดใจ ก่อนจะโผเข้ากอดกัน หลังจากนั้นเมื่อสื่อไปสัมภาษณ์อีเลียสว่า เขาเชื่อว่าบารฺบรุ คือแอนน์ แฟรงค์กลับชาติมาเกิดจริงๆหคือ อีเลียสตอบสั้นๆแต่ชัดเจนว่า "ใช่ครับ"
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ภศุสรร อมร
|
ความคิดเห็นที่ 52 เมื่อ 08 ส.ค. 24, 17:08
|
|
เรื่องนี้ไม่แปลกถ้าเทียบกับกรณีระลึกชาติหลายเรื่อง ล้วนมีลักษณะคล้ายกัน แอบสงสัยว่ากรณีที่แอนตร์ แฟรค์ถูกฆ่าอย่างทารุณในชาติก่อน ไม่มีผลกระทบมาต่อชาติใหม่ เช่นรอยบาดแผล หรือความกลัวคนเยอรมันอย่างไม่ทราบสาเหตุ บ้างรึอย่างไร
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
    
ตอบ: 41289
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 53 เมื่อ 08 ส.ค. 24, 17:54
|
|
แอนน์ แฟรงค์ไม่ได้ถูกทหารนาซีฆ่าค่ะ เธอป่วยตายในค่ายเชลย เพราะฉะนั้นไม่มีรอยบาดแผลใดๆบนตัว ส่วนความกลัว แน่นอน บารฺบรุกลัวคนในเครื่องแบบมาก ไม่ว่าทหารหรือตำรวจ เธอจะกลัวตัวสั่นตั้งแต่เด็กๆ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ประกอบ
|
ความคิดเห็นที่ 54 เมื่อ 08 ส.ค. 24, 23:12
|
|
Barbro Karlén เป็นนักเขียนชาวสวีเดนที่มีความสามารถทางวรรณกรรมตั้งแต่อายุยังน้อย โดยเธอเกิดในปี 1954 ในครอบครัวที่มีฐานะปานกลางที่สวีเดน ความสนใจในวรรณกรรมของเธอเริ่มต้นตั้งแต่วัยเด็ก และในวัยเพียง 12 ปี Karlén ได้ตีพิมพ์หนังสือเล่มแรกของเธอ ซึ่งเป็นบทกวีที่ได้รับความสนใจอย่างมากในสวีเดน ทำให้เธอกลายเป็นนักเขียนที่ประสบความสำเร็จในวัยเด็ก
สิ่งที่ทำให้ Karlén โดดเด่นและเป็นที่รู้จักในวงกว้างนอกเหนือจากความสามารถทางวรรณกรรม คือการที่เธอเชื่อว่าตัวเองเป็นการกลับชาติมาเกิดของ Anne Frank เด็กหญิงชาวยิวที่เสียชีวิตในค่ายกักกันนาซีเมื่อปี 1945 ระหว่างสงครามโลกครั้งที่สอง
ตั้งแต่วัยเด็ก Karlén มีความทรงจำที่สดใสเกี่ยวกับการถูกไล่ล่าและการซ่อนตัวในสถานการณ์ที่น่ากลัว เมื่ออายุประมาณ 2 ขวบ เธอได้บอกพ่อแม่ของเธอว่าเธอไม่ใช่ Barbro แต่เป็น Anne Frank แต่ครอบครัวของเธอไม่เข้าใจและคิดว่าเธอแค่จินตนาการไปเอง
เมื่อเธอโตขึ้น ความทรงจำเหล่านี้ยังคงอยู่และเข้มข้นขึ้น จนในที่สุด Karlén ได้เขียนหนังสือเรื่อง "And the Wolves Howled" ซึ่งตีพิมพ์ในปี 1997 เพื่อเล่าเรื่องราวของเธอ ในหนังสือเล่มนี้ เธอได้บรรยายถึงประสบการณ์ของเธอที่เธอรู้สึกว่าตัวเองเป็น Anne Frank และได้เล่าถึงการเดินทางไปยังกรุงอัมสเตอร์ดัม ประเทศเนเธอร์แลนด์ ที่ซึ่งเธอสามารถจดจำรายละเอียดของบ้านที่ Anne Frank ซ่อนตัวอยู่ได้อย่างถูกต้องแม้ว่าจะไม่เคยไปมาก่อน
นอกจากเรื่องราวเกี่ยวกับความเชื่อในการกลับชาติมาเกิดแล้ว Karlén ยังเป็นนักเขียนที่ประสบความสำเร็จในสวีเดน โดยเธอได้ตีพิมพ์หนังสือหลายเล่มในหลากหลายประเภท นอกจากนี้ เธอยังมีบทบาทในการทำงานด้านสิทธิมนุษยชน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการส่งเสริมความเข้าใจและการยอมรับในเรื่องการกลับชาติมาเกิดและเรื่องวิญญาณ
"And the Wolves Howled: Fragments of Two Lifetimes" เป็นหนังสืออัตชีวประวัติของ Barbro Karlén ซึ่งเธอเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับความเชื่อที่ลึกซึ้งว่าเธอเป็นการกลับชาติมาเกิดของ Anne Frank เด็กหญิงชาวยิวที่มีชื่อเสียงจากไดอารี่ที่บันทึกเรื่องราวในช่วงที่เธอหลบหนีการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ของนาซีในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง
ในหนังสือเล่มนี้ Karlén บรรยายถึงประสบการณ์ในวัยเด็กของเธอที่เติบโตขึ้นมาในสวีเดนพร้อมกับความทรงจำที่สดใสเกี่ยวกับชีวิตที่ไม่ใช่ของเธอเอง เธอจดจำรายละเอียดเกี่ยวกับชีวิตของ Anne Frank ได้อย่างชัดเจน รวมถึงความฝันที่เต็มไปด้วยความกลัวและความรู้สึกที่อธิบายไม่ได้เกี่ยวกับการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวยิว ซึ่งทำให้เธอสับสนและหวาดกลัวตั้งแต่วัยเด็ก
Karlén เล่าถึงความยากลำบากในการรับมือกับความทรงจำเหล่านี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อครอบครัวของเธอไม่เข้าใจหรือเชื่อในสิ่งที่เธอเล่า อย่างไรก็ตาม ประสบการณ์ที่เธอไปเยือนกรุงอัมสเตอร์ดัมและสามารถจำบ้านของ Anne Frank ได้โดยไม่มีความรู้มาก่อน ทำให้เธอมั่นใจมากขึ้นว่าเธอคือการกลับชาติมาเกิดของ Anne Frank
หนังสือเล่มนี้สำรวจประเด็นเกี่ยวกับตัวตน ธรรมชาติของจิตวิญญาณ และแนวคิดเรื่องการกลับชาติมาเกิด รวมถึงความท้าทายทางจิตใจและอารมณ์ที่ Karlén ต้องเผชิญจากประสบการณ์ที่ไม่ธรรมดาของเธอ เธอยังได้สะท้อนถึงผลกระทบของความทรงจำเหล่านี้ที่มีต่อชีวิตของเธอและวิธีที่มันหล่อหลอมความเข้าใจของเธอเกี่ยวกับโลกและบทบาทของเธอในโลกนี้
"And the Wolves Howled" ไม่ใช่แค่เรื่องราวเกี่ยวกับการกลับชาติมาเกิดเท่านั้น แต่ยังเป็นการเดินทางเพื่อค้นพบตัวตน การเยียวยา และการยอมรับกับอดีตที่ดูเหมือนจะอยู่เหนือกาลเวลา หนังสือเล่มนี้ได้รับการตอบรับจากผู้อ่านที่สนใจในเรื่องจิตวิญญาณ การกลับชาติมาเกิด และความลึกลับของจิตสำนึกของมนุษย์
คำตอบข้างบนถาม chatGPT เอาครับ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
วิรุศฑ์ษมาศร์ อัฐน์อังการจณ์
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
    
ตอบ: 41289
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 55 เมื่อ 09 ส.ค. 24, 09:58
|
|
หากูเกิ้ลว่าง่ายแล้ว chatGPT ยังง่ายกว่าอีก กำลังจะเล่าถึงหนังสือเล่มนี้พอดีค่ะ คุณประกอบมาช่วยประหยัดเวลาเสียก่อน ขอขอบคุณ ขอเล่าต่อว่า เมื่อเอเลียสพบหน้าบารฺบรุแล้ว เขาเชื่ออย่างไม่มีข้อสงสัยว่าเธอคือญาติของเขากลับมาในชาติใหม่ เขาจึงให้สัมภาษณ์เต็มปากเต็มคำว่าเขาเชื่อ จากนั้นเขาก็ช่วยประชาสัมพันธ์หนังสือ"And the Wolves Howled"ให้รู้จักกันกว้างขวางต่อไปอีก ปัญหาก็เลยเกิดขึ้นจากตรงนี้ เอเลียสเป็นหนึ่งในกรรมการมูลนิธิแอนน์ แฟรงค์ซึ่งทำหน้าที่ดูแลผลประโยชน์ของผลงานของแอนน์ พอเขาไปโฆษณาหาเสียงให้ผลงานของนักเขียนอื่น โดยอ้างว่าเป็นแอนน์ แฟรงค์กลับชาติมาเกิด เอเลียสก็เลยถูกคณะกรรมการสอบสวนอย่างหนัก ว่ามีเอี่ยวกับนักเขียนอื่น หรือแสวงหาผลประโยชน์จากชื่อเสียงของแอนน์ แฟรงค์หรือไม่ เพราะเรื่องอ้างว่ากลับชาติมาเกิด นักต้มตุ๋นทำกันมาเยอะแล้ว เอเลียสถูกสอบสวนหนักจนเกิดอาการหัวใจวาย แต่รอดมาได้ จากนั้นเขาตัดสินใจเก็บตัวไม่พูดเรื่องนี้อีก แต่เขาก็ยังติดต่อกับบารฺบรุอย่างสม่ำเสมอ เวลาเขาไปอเมริกาเขาก็ไปพักอยู่บ้านเธอ เวลาเธอมายุโรปเธอก็มาพักบ้านเขา ทั้งสองติดต่อกันฉันญาติเรื่อยมาจนเอเลียสถึงแก่กรรมในปี 2015 จากนั้น บารฺบรุจากไปในปี 2022
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
    
ตอบ: 41289
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 56 เมื่อ 09 ส.ค. 24, 10:09
|
|
การระลึกชาติในกรณีนี้ พอจะมองเห็นได้อีก ๒-๓ อย่าง ข้อแรกคือ คุณสมบัติบางอย่างนอกจากความทรงจำ สามารถติดตามมาข้ามภพข้ามชาติได้ เช่นพรสวรรค์ของแอนน์ เมื่อมาเกิดใหม่ก็เหมือนเธอมาสานต่อสิ่งที่ต้องหยุดชะงักไปเพราะเสียชีวิตจากสงคราม เหมือนเรียนค้างอยู่มหาวิทยาลัยปี 1 เกิดใหม่ก็มาต่อปี 2 ได้เลย ไม่ต้องมาเริ่มตั้งแต่อนุบาลอย่างเด็กทารกอื่นๆ ข้อนี้น่าจะคล้ายบารมีทางพุทธศาสนา พระพุทธเจ้าได้บำเพ็ญบารมีนานัปการก่อนจะบรรลุชาติสุดท้ายเป็นเจ้าชายสิทธัตถะ ข้อสอง ถ้าหากว่าแอนน์ แฟรงค์กลับชาติมาเกิดจริง การระลึกชาติก็ดูจะไม่เป็นประโยชน์กับเธอเท่าใดนัก เพราะต่อให้ระลึกชาติไม่ได้ เธอก็เก่งด้วยพรสวรรค์ทางเขียนหนังสือจนสร้างชื่อเสียงเองได้ โดยไม่ต้องอ้างอิงถึงชาติก่อนว่าเป็นใคร ระลึกชาติได้เสียอีกกลับจะเป็นความซวยมากกว่าช่วยให้เกิดผลดี เพราะคนจำนวนมากจะประทับตราลงไปว่า ไม่น่าเชื่อถือ ต้มตุ๋น ป่วยทางจิต เพี้ยน ฯลฯ กระทบกระเทืองเครดิตของเธอโดยไม่จำเป็น
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
    
ตอบ: 41289
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 57 เมื่อ 13 ส.ค. 24, 09:58
|
|
เจฟฟ์ คีนทำงานเป็นผู้ช่วยหัวหน้าพนักงานดับเพลิงในเมืองเวสพอร์ต รัฐคอนเนคติกัตมาจนเกษียณอายุ ก่อนหน้ามาเป็นพนักงานดับเพลิง เขาเคยเป็นทหารอากาศมาก่อนจะปลดประจำการในยศจ่าอากาศเอก ชีวิตดำเนินไปด้วยดี ในแบบปกติธรรมดา ไม่มีอะไรพิเศษ จนกระทั่งวันหนึ่งเมื่อเกษียณแล้ว ในพ.ศ. 2534 เขากับภรรยาใช้เวลาท่องเที่ยวไปตามรัฐต่างๆ จนมาถึงเมืองชาร์ปสเบิร์ก รัฐเมรี่แลนด์ เมืองนี้เป็นที่ตั้งของเหตุการณ์สำคัญในสงครามกลางเมืองของอเมริกา เรียกว่ายุทธการแอนตีแทม (Battle of Antietam) หรือรู้จักกันในอีกชื่อว่า ยุทธการที่ชาร์ปสเบิร์ก เป็นการเผชิญหน้ากันในระดับกองทัพสนามครั้งแรกระหว่างทหารฝ่ายเหนือกับฝ่ายใต้ เป็นการรบที่นองเลือด และมีความสูญเสียมากที่สุดในประวัติศาสตร์ของสหรัฐอเมริกา โดยมียอดผู้สูญเสีย(ตาย, บาดเจ็บ, และหายสาปสูญ) ถึง 22,717 คน ชัยชนะของฝ่ายเหนือที่แอนตีแทม ถือเป็นจุดพลิกผันของสงคราม ทำให้สะกัดการรุกของนายพลลีหัวหน้าฝ่ายใต้ได้เด็ดขาด และยังให้ประธานธิบดีลินคอล์น ใช้เหตุชัยชนะครั้งนี้ประกาศเลิกทาสอีกด้วย ตอนแรกสองคนนี้ไปเดินดูโบราณวัตถุในเมือง อยู่ๆ คีนเกิดความรู้สึกอยากมากๆที่จะไปเยี่ยมชมพื้นที่เคยเป็นสนามรบ ปัจจุบันเป็นอนุสรณ์สถาน เขาก็เลยเดินไปที่นั่น
|
|
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 16 ส.ค. 24, 09:27 โดย เทาชมพู »
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
    
ตอบ: 41289
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 58 เมื่อ 13 ส.ค. 24, 10:26
|
|
เมื่อไปถึง คีนประสบความรู้สึกประหลาด เป็นอารมณ์แรงกล้าซึ่งเขาเองก็อธิบายไม่ถูกว่ามันคืออะไร มันเป็นความรู้สึกเจ็บปวดทั้งกายและใจแสนสาหัส จนเขารู้สึกว่าตัวเองอาจกำลังหัวใจวายก็ได้ แต่พอความรู้สึกเจ็บปวดทางกายผ่านไป เขาก็พบว่าตัวเองเกิดความผูกพันอย่างแรงกล้ากับสถานที่นั้น ทั้งๆไม่เคยมาที่นี่มาก่อน คีนไม่อาจอธิบายได้ว่ามันคืออะไร เหตุการณ์ผ่านไปจนกระทั่งวันหนึ่งเขาไปงานปาร์ตี้บ้านเพื่อน ได้พบนักพลังจิตเข้าคนหนึ่ง ระหว่างคุยกัน เธอถามเขาว่าเขาเชื่อเรื่องการกลับชาติมาเกิดหรือไม่ เขาก็เล่าประสบการณ์ของเขาให้เธอฟัง ขณะที่กำลังคุยกัน จู่ๆคำว่า “ยัง” (Not yet)ผุดขึ้นในใจเขาอย่างไม่มีต้นสายปลายเหตุ และเขาก็โพล่งคำนี้ออกไป ทั้งๆไม่รู้ความหมาย เมื่อคีนกลับมาที่บ้าน เขาเกิดความสนใจเรื่องสงครามกลางเมืองอย่างมาก ก็เลยลองไปค้นหนังสือในบ้านดู เขาพบนิตยสารเกี่ยวกับสงครามกลางเมืองที่ซื้อมาแต่ยังไม่ได้อ่าน พอเปิดอ่าน ก็เจอคำว่า "Not Yet" อยู่ในเครื่องหมายคำพูด เป็นที่สะดุดตา คำนี้เป็นคำที่นายพลจอห์น บราวน์ กอร์ดอน ใช้ตะโกนซ้ำๆกันระหว่างยกพลเข้ารบในสงครามกลางเมือง เขาเป็นนายพลทหารฝ่ายใต้ หนึ่งในมือขวาของนายพลลี ผู้นำกองทัพฝ่ายใต้ ในการรบที่ชาร์ปสเบิร์ก กอร์ดอนถูกยิงหลายแห่ง รวมทั้งเข้าแก้มซ้ายไปทะลุขากรรไกร นอนจมกองเลือด ไม่มีใครคิดว่าเขารอดมาได้ แต่เขาก็รอดมาได้ราวปาฏิหาริย์ หลังสงครามยุติด้วยชัยชนะทางฝ่ายเหนือ กอร์ดอนได้รับเลือกเป็นผู้ว่าการรัฐจอร์เจียในปี พ.ศ. 2429 ต่อมาเขาได้รับเลือกจากสภานิติบัญญัติแห่งรัฐให้ดำรงตำแหน่งวุฒิสภาสหรัฐอเมริกาในปี พ.ศ. 2433 และดำรงตำแหน่งระหว่าง พ.ศ. 2434 ถึง พ.ศ. 2440 กอร์ดอนถึงแก่กรรมเมื่ออายุ 71 ปี
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
    
ตอบ: 41289
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 59 เมื่อ 14 ส.ค. 24, 09:36
|
|
ปรากฏการณ์ประหลาดที่เกิดกับตัวเอง ทำให้คีนเริ่มค้นคว้าเกี่ยวกับนายพลกอร์ดอนมากขึ้น เขาพบด้วยความอัศจรรย์ใจเมื่อเห็นรูปถ่ายนายพลเป็นครั้งแรก ว่าช่างเหมือนตัวเขาเอามากๆ ทั้งๆไม่มีความสัมพันธ์ใดๆทางสายเลือดแม้แต่น้อย นอกจากนี้ เมื่ออายุ 30 ปี นายพลกอร์ดอนที่ตอนนั้นเป็นร้อยเอก ถูกกระสุนที่ใบหน้า คีนจำได้ว่าในวันเกิดครบรอบปีที่ 30 จู่ๆเขาก็เจ็บปวดแสนสาหัสที่ใบหน้า จะต้องถูกนำส่งโรงพยาบาล แต่แพทย์ก็ไม่พบโรคภัยไข้เจ็บหรืออุบัติเหตุอะไรที่เป็นสาเหตุ ต่อมามันก็หายไปเอง นอกจากนี้คีนค้นพบบทความของนายพลกอร์ดอน เมื่อเอามาเทียบกับบทความของเขาที่เคยเขียนเกี่ยวกับการปฏิิบัติการดับเพลิง นำไปให้ผู้เชี่ยวชาญตรวจก็พบว่าข้อเขียนทั้งสองมีสไตล์การเขียนที่เหมือนกันมาก ราวกับเขียนโดยบุคคลคนเดียวกัน ยิ่งกว่านี้ เมื่อคีนค้นคว้าต่อไปเกี่ยวกับกองทหารที่นายพลกอร์ดอนเป็นผู้บังคับบัญชา เขาก็พบว่าทหารบางคนที่เคยอยู่ใต้บังคับบัญชาของนายพล ช่างหน้าตาเหมือนเพื่อนร่วมงานบางคนของเขา ถึงแม้ชาตินี้ ชีวิตของคีนไปคนละทางคนละอาชีพกับนายพลกอร์ดอน แต่เขาก็มีชีวิตเป็นทหารเหมือนกัน มีอาชีพที่ต้องต่อสู้ผจญภัยเสี่ยงตายเหมือนกัน ชอบสไตล์การแต่งกายคล้ายๆกัน นอกจากนี้ยังชอบยืนกอดอกเหมือนกัน นอกจากนี้ยังมีแผลเป็นบนดวงหน้า และตามร่างกายตรงส่วนที่นายพลกอร์ดอนได้รับบาดเจ็บ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
|