เรือนไทย
ยินดีต้อนรับ ท่านผู้มาเยือน
กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
ส่งอีเมล์ยืนยันการใช้งาน?
ข่าว: การแนบไฟล์ กรุณาใช้ชื่อไฟล์ภาษาอังกฤษเท่านั้นครับ
หน้า: 1 ... 3 4 [5] 6
  พิมพ์  
อ่าน: 10680 แย่กับแย่กว่า: เมื่อคุณปู่เชื่องช้าท้าชนคุณตาขี้จุ๊
ปัญจมา
อสุรผัด
*
ตอบ: 247


ความคิดเห็นที่ 60  เมื่อ 25 ก.ค. 24, 12:44

     ทีนี้ มาดูกันว่า ถ้าคุณตาทรัมป์เกิดได้รับคะแนนเสียงมากกว่า กลับมาเป็นประธานาธิบดีอีกครั้ง    โลกจะเจออะไรบ้าง
     ตาทรัมป์แกหาเสียงไว้้ว่า ถ้าแกได้กลับคืนสู่ทำเนียบขาวอีกครั้ง   แกจะ
     1  ยุติสงครามยูเครน  ด้วยการลดความช่วยเหลือทางทหารแก่ยูเครน  ขนาดคุยว่า " จะยุติสงคราม ภายใน 24 ชั่วโมง"  แปลง่ายๆคือไม่จ่ายตังค์ไม่ส่งกำลังรบให้อีกละ   ปล่อยยูเครนกลับเข้าปากเสือรัสเซียไป  ตัวใครตัวมัน
     2  เอาสหรัฐฯ ออกจากนาโต
      นาโตหรือองค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ  เป็นพันธมิตรทางทหารที่ประกอบด้วย 32 ประเทศ รวมถึงสหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักร เยอรมนี และฝรั่งเศส   คุณตาแกไม่ถูกชะตากับองค์การนี้ ขู่ฟ่อๆมาตั้งแต่สมัยแกเป็นประธานาธิบดีว่า ไม่เอาด้วยละ  เพราะแกรู้สึกว่ามันไม่คุ้มที่สหรัฐฯเป็นพี่ใหญ่ต้องจ่ายมากกว่าคนอื่น    ประเทศอื่นๆน่าจะลงขันมากกว่านี้    ไม่งั้นก็ต้องตัวใครตัวมัน
     3  ขับไล่ผู้อพยพออกจากอเมริกา   ทรัมป์เป็นไม้เบื่อไม้เมากับเมกซิโกและประเทศอื่นๆที่มีผู้ลี้ภัย แล้วเข้าอเมริกามาทั้งถูกต้องตามกฎหมาย และลักลอบเข้ามาตั้งถิ่นฐานในอเมริกา   ทำให้ทรัมป์เห็นว่าเป็นภาระแก่คนอเมริกันที่อยู่กันมาก่อน ต้องมาจ่ายภาษี หรือถูกคนพวกนี้แย่งอาชีพ  หรืออะไรอีกสารพัด ที่ก่อปัญหา
    ก่อนหน้านี้ลูกของคนพวกนี้ถ้าเกิดในอเมริกาจะได้สัญชาติอเมริกัน   แต่ถ้าทรัมป์ได้รับเลือกอีกครั้ง  คนเหล่านี้ก็จะเคราะห์ร้าย ถูกผลักดันกลับออกไป
    4  ทรัมป์ถือหางอิสราเอลอย่างออกหน้าออกตา
    5  ทำสงครามการค้ากับจีน และสะกัดการแผ่ขยายอิทธิพลจีนในเอเชีย
    6  ไม่สนใจผลเสียทางสิ่งแวดล้อม   เช่นจะเดินหน้าขุดน้ำมันต่อไป

เรื่องนาโต้นี่นับว่าเป็นอะไรที่สะท้อนถึงความโง่เขลาเบาปัญญาของทรัมป์เองจริงๆ ค่ะ    สื่อฝรั่งและนักวิชาการพยายามอธิบายจนปากเปียกปากแฉะมาตั้งแต่ทรัมป์หยิบยกเรื่องนี้ขึ้นมาเป็นประเด็นใหม่ๆ แล้วว่า  ไม่มีใครต้องจ่ายเงินเข้านาโต้สำหรับสนับสนุน defense spending   เพียงแต่สมาชิกของนาโต้นั้นได้มีความเห็นชอบร่วมกันว่า  สัดส่วนของงบประมาณทางการทหารของแต่ละประเทศนั้นไม่ควรต่ำกว่า 2% ของจีดีพีเพื่อให้นาโต้ในฐานะองค์กรมีความพร้อมที่จะปฏิบัติการทุกเมื่อ   แล้วเวลามีปฏิบัติการร่วมอะไรแต่ละฝ่ายก็รับผิดชอบค่าใช้จ่ายกันเอาเอง  ส่วนค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานวันต่อวันนั้นก็มาจากเงินที่สมาชิกต้องส่งเข้าตามฐานะของตัวเอง
 
ที่ผ่านมาสหรัฐกับประเทศใหญ่ๆ 3-4 ประเทศอาจจะเป็น top defense spenders ก็จริง (สหรัฐนี่ต่อให้ไม่มีนาโต้ก็ยังน่าจะเป็น big defense spender อยู่ เพราะมีภารกิจทั้งในฝั่งแอตแลนติกและฝั่งแปซิฟิก)   แต่ปัจจุบันนี้  สมาชิกกว่าครึ่งของนาโต้ก็สามารถจัดสรรงบประมาณทางการทหารได้ตามเป้าหมายที่นาโต้ตั้งไว้แล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งประเทศที่คาดว่าตัวเองจะเป็นเป้าหมายต่อไปของรัสเซียหลังจากยูเครน เช่น โปแลนด์และเอสโตเนีย ซึ่งตอนนี้กลายเป็นเบอร์หนึ่งกับเบอร์สองของนาโต้ในเรื่องของงบประมาณทางทหารเมื่อคิดเป็นสัดส่วนต่อจีดีพี  แซงหน้าสหรัฐไปเรียบร้อย

https://www.aljazeera.com/news/2024/7/11/how-much-does-each-nato-country-spend-in-2024#:~:text=How%20much%20does%20each%20NATO,largest%20military%20spender%20by%20far.

เห็นด้วยกับอาจารย์เรื่องถ้าทรัมป์กลับมาสหรัฐคงออกจากนาโต้แน่ๆ ค่ะ  เพราะทรัมป์คงจะทำในสิ่งที่ทำให้ตัวเองดูเป็นผู้นำที่องอาจหาญกล้าในสายตาฐานเสียง  โดยไม่คำนึงว่ามันจะมีผลกระทบอย่างใหญ่หลวงแค่ไหนต่อสันติภาพโลก  ที่ผ่านมาเราต้องยอมรับว่า  สาเหตุที่ประชากรของทั้งสองฟากฝั่งแอตแลนติกไม่ต้องเผชิญกับภัยสงครามมาตั้งแต่ WWII สงบลงนั้นก็เป็นเพราะเรามีนาโต้   เมื่อไหร่ก็ตามที่ปูตินตระหนักว่านาโต้ไม่มีสหรัฐคอยหนุนหลังอีกต่อไปแล้ว โปแลนด์กับเอสโตเนียก็เตรียมเสียเอกราชให้กับรัสเซียได้เลย
บันทึกการเข้า
ปัญจมา
อสุรผัด
*
ตอบ: 247


ความคิดเห็นที่ 61  เมื่อ 25 ก.ค. 24, 12:48

ส่วนเรื่อง border problems นั้น  ทรัมป์ก็ดูเหมือนว่าจะไม่ได้อยากแก้ปัญหาจริงๆ  แค่ใช้วาทกรรมหลอกคนให้กลัวไปวันๆ เพื่อเรียกคะแนนเสียงเท่านั้น  เห็นได้จากการที่เมื่อต้นปีที่ผ่านมา  ทรัมป์สั่งให้นักการเมืองพรรครีพับลิกันคว่ำร่างกฎหมายสำหรับปรับปรุงความมั่นคงตามแนวพรมแดนสหรัฐ-เม็กซิโก  ซึ่งทั้งสองพรรคช่วยกันร่างมานานข้ามปีเพื่อให้เป็นอะไรที่แต่ละฝ่ายสามารถยอมรับได้   เพราะกลัวว่าถ้ากฎหมายฉบับนี้ผ่านไบเดนก็จะได้เครดิตในฐานะผู้แก้ปัญหา border control  ทรัมป์เองก็จะไม่มีประเด็นให้โจมตีไบเดนในช่วงหาเสียง  (เหมือนพรรคการเมืองใหญ่พรรคหนึ่งในบ้านเราที่สร้างกระแสกดดันรัฐบาลฝ่ายตรงข้าม  ไม่ให้อนุญาตให้นาซ่าเข้ามาตั้งสถานีวิจัย climate change ที่อู่ตะเภาเมื่อ10 กว่าปีก่อนโดยอ้างว่าจะทำให้จีนไม่พอใจ ทั้งๆ ที่ตัวเองเป็นคนริเริ่มโครงการนี้แท้ๆ น่ะค่ะ)
บันทึกการเข้า
superboy
สุครีพ
******
ตอบ: 818


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 62  เมื่อ 25 ก.ค. 24, 13:48

เรื่องนาโต้ผมมองว่าทรัมป์พูดไปแบบนั้นเอง

ครั้งก่อนเนื่องจากเยอรมันลดงบประมาณป้องกันประเทศโดยผู้นำหญิง ลดขนาดที่ว่าเรือดำน้ำทุกลำออกปฏิบัติการไม่ได้ เครื่องบินขับไล่พร้อมรบแค่เพียง 4 ลำ อาวุธในคลังก็เป็นของเก่าจากยุคเยอรมันตะวันออก มาได้ระบายออกในช่วงสงครามยูเครน-รัสเซียเนี่ยแหละ ถูกทรัมป์โวยวายใส่ถึงยอมเพิ่มงบประมาณมากกว่าเดิม ทหารเยอรมันทุกคนแอบขอบคุณทรัมป์ในใจ

ยุคสมัยที่ทรัมป์เป็นผู้นำ สหรัฐอเมริกาขายอาวุธได้อย่างยอดเยี่ยม ทั้งที่ในช่วงนั้นไม่มีสงครามขนาดใหญ่บนโลก

ทรัมป์บอกว่าไต้หวันต้องจ่ายค่าคุ้มครองให้สหรัฐอเมริกา ทรัมป์บอกว่าจะตีกับจีนแค่เรื่องปากท้องเท่านั้น แต่แล้วรัฐบาลตัวเองก็อนุมัติขายเครื่องบิน F-16 จำนวน 66 ลำให้ไต้หวัน ขายอาวุธปล่อยนำวิถีรุ่นต่างๆ อีกเจ็ดแปดร้อยนัด ไต้หวันอยากได้อะไรทรัมป์จัดให้หมดทุกอย่าง

ส่วนเรื่องนาโต้...นาโต้สร้างรายได้จากการขายอาวุธขนาดมหีมาให้กับสหรัฐอเมริกาตั้งแต่เริ่มก่อตั้ง ยิ่งมีสงครามขนาดใหญ่ยิ่งขายกระหน่ำผลิตกันไม่ทันลูกค้าต้องรอคิวหลายปี

ถ้าออกจากนาโต้ย่อมขายอาวุธน้อยลงตามกัน ไม่มีใครทำร้ายตัวเองแบบนี้หรอกครับ

เรื่องนาโต้ต้องตั้งกระทู้ใหม่คุยกันยาวๆ เพราะมันมีอะไรมากกว่าที่เห็น เพียงแต่ช่วงนี้ผมไม่มีเวลา  ร้องไห้


บันทึกการเข้า
superboy
สุครีพ
******
ตอบ: 818


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 63  เมื่อ 25 ก.ค. 24, 14:06

พูดถึงนาโต้ต้องให้ความเป็นธรรมกับสหรัฐอเมริกาด้วย

สมาชิกแต่ละชาติแสบยิ่งกว่าทิงเจอร์ราดแผลสด วันดีคืนดีก็ตบตีกันเองให้สหรัฐอเมริกาเข้ามาไกล่เกลี่ย ยกตัวอย่างกรีซกับตุรกีลุกล้ำน่านน้ำกันเองบ่อยครั้งถึงขนาดยิงเครื่องบินอีกฝ่ายตกมาแล้ว หลายชาติก็จ้องแต่จะขอของฟรี หลายชาติพอเป็นสมาชิกนาโต้ไม่ซื้ออาวุธเพิ่มเลย (ยังไงก็มีคนช่วยอยู่แล้ว) หลายชาติพร้อมทำทุกอย่างเพื่อผลประโยชน์ตัวเอง


สมาชิกนาโต้ที่จริงใจกับสหรัฐอเมริกามากที่สุดชาติแรกคืออังกฤษ ชาติที่สองคือฝรั่งเศสซึ่งเป็นคู่แข่งเรื่องค้าอาวุธแต่ไม่เคยแทงข้างหลัง ชาติที่สามคือแคนาดาปัญหาน้อยหน่อย ที่เหลือสำหรับผมไม่มีแล้วครับ
บันทึกการเข้า
ภศุสรร อมร
พาลี
****
ตอบ: 216


ความคิดเห็นที่ 64  เมื่อ 25 ก.ค. 24, 18:00

ใช่ครับ นาโต้เองรักษาสมดุลได้ยากหากวิกฤตจริง เป็นงานช้างของอเมริกาอยู่เหมือนกัน
บันทึกการเข้า
ปัญจมา
อสุรผัด
*
ตอบ: 247


ความคิดเห็นที่ 65  เมื่อ 27 ก.ค. 24, 11:00

เอาคลิปข่าวมาให้ดู  น่าสนใจที่ข่าววิเคราะห์ว่าลูกชายจอร์จ โซรอส ใบ้มาตั้งแต่ต้นปีว่าจะมีการลอบสังหาร
และอีกข่าวคือมีมือปืน 2 คนไม่ใช่คนเดียว
กระสุนที่ว่อนอยู่ในการปราศรัย มี 3 ชุด คือของมือปืน 2 คนคนละชุด กับชุดที่สาม ของมือสไนเปอร์ที่เก็บชีวิตเด็กหนุ่ม

https://youtu.be/kOOZMoAKI-8?si=bokhlGfWwWFbTBoW


เมื่ออาทิตย์ที่ผ่านมา  กรรมาธิการด้านการยุติธรรมแห่งสภาผู้แทนราษฎรของสหรัฐได้เรียกบุคคลซึ่งมีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้รวมทั้งนางคิมเบอร์ลี่ ชีเดิ้ล หน.หน่วยอารักขาบุคคลสำคัญหรือ Secret Service  นายคริสโตเฟอร์ เรย์ ผู้อำนวยการหน่วยสืบสวนกลาง (FBI) และพ.ต.ท.คริสโตเฟอร์ แพริส  ผบ. สนง.ตำรวจแห่งรัฐเพนซิลเวเนียไปให้การค่ะ     หนูขออนุญาตนำบทสรุปของคำให้การของทั้งสามท่านมารายงานนะคะ

อย่างที่ทราบกันแล้ว  คุณคิมเบอร์ลี่ซึ่งน่าจะเป็นบุคคลที่ให้ข้อมูลได้กระจ่างชัดที่สุดกลับปฏิเสธที่จะให้รายละเอียดอะไรทั้งสิ้น  โดยอ้างว่าไม่สามารถเปิดเผยข้อมูลในระหว่างที่การสอบสวนยังไม่สิ้นสุดได้  ทำให้นักการเมืองทั้งฝ่ายเดโมแครตและรีพับลิกันโกรธควันออกหูและพร้อมใจกันเรียกร้องให้เธอลาออกจากตำแหน่ง   (นับว่าเธอเก่งมากที่ทำให้สองพรรคนี้เป็นอันหนึ่งอันเดียวกันได้ 555)  เชื่อว่าตอนนั้นเธอรู้แล้วว่ายังไงก็ต้องออก  แต่ไม่อยากออกก่อนไปให้การที่รัฐสภาเพราะจะดูเหมือนจงใจหลีกเลี่ยงที่จะให้ข้อมูล  เลยรอไปยื่นใบลาออกในวันถัดไป   พอวันให้การเธอเลยนั่งบื้อใบ้ไม่รู้ร้อนรู้หนาว  ถามอะไรก็ไม่ตอบ

คำถามสำคัญที่คุณคิมเบอร์ลี่ไม่ยอมตอบให้ชัดทั้งๆ ที่มันแค่เยสหรือโน  ก็คือคำถามว่าทีมงานหาเสียงของทรัมป์ได้เคยขอให้ Secret Service เพิ่มการอารักขาแต่ไม่ได้รับการตอบสนองใช่หรือไม่   ตรงนี้ยิ่งทำให้กมธ.หงุดหงิด  เพราะเป็นที่ทราบกันดีว่าหน่วยความมั่นคงของรัฐบาลกลางได้รับข้อมูลเรื่องอิหร่านวางแผนที่จะสังหารทรัมป์มานานหลายเดือนก่อนหน้านี้   

แต่การที่นางอ้างซ้ำๆ ซากๆว่าทรัพยากรที่ Secret Service จัดให้แก่งานหาเสียงของอดีตปธน.นั้นสอดคล้องกับระดับภัยคุกคามของแต่ละงาน  มันก็เหมือนเป็นคำตอบอยู่ดีว่าใช่แล้ว  Secret Service ได้ปฏิเสธที่จะเพิ่มการอารักขาแก่ทรัมป์   แม้จะเชื่อได้ว่าเขามีความเสี่ยงสูงที่จะเป็นเป้าหมายของการลอบสังหารก็ตาม
บันทึกการเข้า
ปัญจมา
อสุรผัด
*
ตอบ: 247


ความคิดเห็นที่ 66  เมื่อ 27 ก.ค. 24, 11:02

ข้อมูลที่ช็อคคนฟังที่สุดน่าจะมาจาก FBI และผบ.ตร.เพนซิลเวเนีย  โดย FBI นั้นให้การว่ามือปืน นายโธมัส แมทธิว ครุกส์  ได้ส่งโดรนขึ้นไปตรวจสอบพื้นที่รอบบริเวณเวทีหาเสียงของทรัมป์แค่ 2 ชม.ก่อนการลอบยิง 

ตรงนี้ทำให้เกิดคำถามว่า Secret Service มาตรวจสอบความเรียบร้อยหน้างานกันกี่โมงล่วงหน้ากันแน่ถึงได้ไม่เห็นความผิดปกติดังกล่าว  และทำไมโดรนของ Secret Service ถึงตรวจจับโดรนของมือปืนไม่ได้   ถึงแม้ว่าโดรนของเขาจะบินอยู่ห่างจากพื้นที่ควบคุมออกไปพอสมควรก็ตาม (200 หลา)

FBI คาดว่าเหตุผลที่ทำให้ไม่มีคนเห็นเขาแบกอาวุธไปรอบๆ เวทีหาเสียงเป็นเพราะมือปืนใช้ไรเฟิ่ลแบบที่มีพานท้ายพับได้   (ตรงนี้มีผู้เชี่ยวชาญเรื่องอาวุธแย้งว่า  ต่อให้พับพานท้ายแล้วครุกส์ก็ไม่น่าจะซ่อนปืนใหญ่ยาวขนาดนั้นได้มิดอยู่ดี  คาดว่าเขาคงต้องพับปืนแล้วใส่ไว้ในเป้สะพายหลังมากกว่า)

ผบ.ตร.เพนซิลเวเนีย ให้การว่า มีจนท. 2 นายจากสนง.ตร.ท้องที่ประจำการอยู่บนหลังคาของตึกถัดจากตึกหลังที่ครุกส์ปีนขึ้นไป    แต่ทั้ง 2 นายได้ละจากตำแหน่งที่ประจำการอยู่เพื่อไปร่วมปฏิบัติการค้นหาครุกส์หลังจากที่เขาตกเป็นบุคคลผู้ต้องสงสัย  เลยมีคำถามตามมาว่าที่ทิ้งจุดประจำการไปนี่เพราะไม่เข้าใจหน้าที่ของตัวเอง  หรือไปเพราะตร.ท้องที่ขาดบุคลากรเลยต้องเรียกไปช่วย

ยังไม่แน่ชัดว่ามือปืนมีจุดประสงค์อะไรเนื่องจาก FBI ประสบปัญหาในการถอดรหัสข้อมูลในมือถือของครุกส์   แต่จากการตรวจสอบคอมพิวเตอร์ที่ยึดมาได้นั้นพบว่านายครุกส์ได้ทำการสืบค้นข้อมูลเกี่ยวกับบุคคลผู้มีชื่อเสียงจากทั้งสองขั้วการเมือง   แล้วมาเริ่มโฟกัสที่นายทรัมป์ในวันที่ 6 กค. เพราะนั่นคือวันที่เขาลงทะเบียนออนไลน์เข้าฟังทรัมป์ปราศรัยที่บัทเลอร์  และใช้กูเกิ้ลสืบค้นข้อมูลว่า “จุดที่ออสวอลด์ลอบยิงอยู่ไกลจากเคนเนดี้แค่ไหน”
บันทึกการเข้า
ปัญจมา
อสุรผัด
*
ตอบ: 247


ความคิดเห็นที่ 67  เมื่อ 27 ก.ค. 24, 11:03

FBI ระบุว่า  นายครุกส์ได้เดินทางไปยังพื้นที่หาเสียง 3 ครั้ง  ครั้งแรกประมาณ 1 สัปดาห์ก่อนงาน   ครั้งที่ 2 และ3 ในวันลอบสังหาร   เขาทิ้งบันไดที่ไปซื้อมาในตอนเช้าของวันเกิดเหตุไว้ในรถ  และอาศัยอุปกรณ์และท่อระบายอากาศด้านนอกตึกในการปีนขึ้นไปบนหลังคา  (นอกจากบันไดแล้วตร.ก็พบระเบิดที่ทำเองในรถของเขาอีก 2 ชิ้น  พอไปค้นที่บ้านก็เจออีก 1  รวมทั้งรีโมทคอนโทรลในตัวด้วย  ทำให้เชื่อว่าเขามีแผนที่จะทำมากกว่าแค่ลอบยิงทรัมป์) 

ตร.เพนซิลเวเนียให้การว่ามือปืนใช้เวลาบนหลังคาประมาณ 3 นาที  ซึ่งเท่ากับว่านั่นคือช่วงเวลาที่เขาขยับสถานะของตัวเองจาก  “บุคคลผู้น่าสงสัย” ไปเป็น “ภัยคุกคามต่อผู้อยู่ในอารักขา”   ยิ่งทำให้มีคำถามว่านั่นก็น่าจะเป็นเวลาที่มากพอสำหรับ Secret Service จะอพยพทรัมป์ไปยังบริเวณที่ปลอดภัย   ทำไมถึงยังปล่อยให้ทรัมป์ยืนล่อเป้าอยู่ได้อีกหลายนาที

มือปืนลั่นกระสุนทั้งหมด 8 นัด   โดยในระหว่างที่ให้การนั้น ผอ.FBI ไม่ยืนยันว่าที่โดนหูทรัมป์นั่นคือกระสุนหรือเศษเสี้ยวของอะไรที่กระสุนไปโดนกันแน่   แต่หลังจากที่ทรัมป์ออกมาโวยวายและนสพ.นิวยอร์คไทมส์เผยแพร่บทวิเคราะห์ที่ชี้ว่าเป็นกระสุนไม่ใช่เศษกระจกหรืออะไร    FBI ก็ออกแถลงการณ์ยืนยันเมื่อวันศุกร์ว่าเป็นกระสุนจริงๆ   แต่จะเป็นแค่เสี้ยวหนี่งหรือกระสุนทั้งนัดก็ยังไม่แน่ชัด 
บันทึกการเข้า
ปัญจมา
อสุรผัด
*
ตอบ: 247


ความคิดเห็นที่ 68  เมื่อ 27 ก.ค. 24, 11:08

ถึงแม้ว่าจนบัดนี้เราก็ยังไม่มีคำตอบว่า  เพราะอะไร Secret Service ถึงปล่อยให้ตร.ท้องที่เป็นคนรับผิดชอบการตรวจตราอาคารที่มือปืนไต่ขึ้นไปยิงทรัมป์  ทั้งๆ ที่มันใกล้กับเวทีมากพอที่ควรจะอยู่ในรัศมีควบคุมของ Secret Service    แต่สิ่งหนึ่งที่ชัดมากคือปัญหาเรื่องการประสานงานและการสื่อสารระหว่าง Secret Service กับตร. ท้องที่ซึ่งนำไปสู่ความล้มเหลวในครั้งนี้ 

ถ้าดูจากที่คุณคิมเบอร์ลี่พูดไว้  ดูเหมือนนางจะโทษตร.ท้องที่ว่าไม่ส่งข้อมูลให้ Secret Service  เพราะนางบอกว่าถ้า Secret Service ได้รับข้อมูลเกี่ยวกับภัยคุกคามต่อการอารักขาก่อนหน้าที่ทรัมป์จะขึ้นเวที   จนท.ที่หน้างานจะไม่มีวันยอมให้ทรัมป์ขึ้นเวทีเป็นอันขาด    แต่อัยการรัฐเพนซิลเวเนียได้ไปแย้งออกสื่อว่า  ทั้งตร.ท้องที่และ Secret Service นั้นอยู่ในช่องทางการสื่อสารกลางเดียวกัน   

ถ้าเป็นอย่างนั้นจริง   คำถามที่ตามมาก็คือ Secret Service  มีปฏิกิริยาทันท่วงทีแค่ไหนหลังจากที่ตร.ท้องที่รายงานว่าพบผู้มีพฤติกรรมน่าสงสัยปีนป่ายอยู่บนหลังคาตึกห่างจากทรัมป์ไปแค่ 100 กว่าหลา
 
ตรงนี้มีข้อมูล 2 อย่างที่มาจากการรายงานข่าวของสื่อ  ซึ่งอาจช่วยอธิบายว่าทำไมปฏิกิริยาตอบสนองของ Secret Service นั้นล่าช้ากว่าที่เราคาดหวัง  อยางแรกคือ Secret Service ทราบว่ามี snipers ของตร.ท้องที่อยู่ในบริเวณนั้น ก่อนจะลั่นไกยิงจึงอาจต้องเล็งให้แน่ใจว่าที่เห็นคืบคลานอยู่บนหลังคานั้นไม่ใช่ตร.ท้องที่   อย่างที่สองคือระหว่างมือปืนกับ snipers ทีมแรกนั้นมีต้นไม้บังอยู่  ทำให้ทีมแรกไม่สามารถเล็งเป้าได้อย่างชัดเจน  (เราจึงได้เห็นคลิปที่ทีม snipers ทีมที่สองซึ่งประจำการอยู่บนหลังคาตึกข้างหลังเวทีหาเสียงต้องปรับตำแหน่งปืนไปทางตึกที่มืือปืนอยู่) 
บันทึกการเข้า
ภศุสรร อมร
พาลี
****
ตอบ: 216


ความคิดเห็นที่ 69  เมื่อ 28 ก.ค. 24, 18:26

Secret service ผมเห็นว่ายังบกพร่องอย่างมากในกรณีนี้ ปรกติอดีดประธานาธิปดีทุกท่านย่อมต้องมีสิทธิ์ได้รับการคุ้มครองจากหน่วย secret service อยู่แล้วตลอดชีวิต ณ เวลานี้ พวกเราก็ห่างจากเหตุลอบสังหาร jfk มามากกว่า 50 ปีแล้ว ด้วยสภาพเทคโนโลยีปัจจุบัน น่าจะมีการปรับให้ดีกว่านี้ ไม่ใช่ให้ประวัติซ้ำรอย กรณีนี้ secret service รับผิดชอบ ก็ถือว่าเป็นยุติธรรมแล้วตามหลักการ
บันทึกการเข้า
ปัญจมา
อสุรผัด
*
ตอบ: 247


ความคิดเห็นที่ 70  เมื่อ 30 ก.ค. 24, 06:54

กลับมาดูคุณกมลาต่อนะคะ 

อย่างที่หลายท่านคงได้ทราบจากรายงานข่าวแล้วว่าคะแนนนิยมเธอทั้งในระดับชาติและในระดับรัฐนั้นพุ่งปรี๊ดหลังจากที่เธอประกาศลงแข่ง   ทำให้การเลือกตั้งครั้งนี้ดูสูสีกันขึ้นกว่าสมัยปู่เป็นผู้สมัครมาก   ยอดเงินบริจาคก็ไหลมาเทมาอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน  (ที่สำคัญยิ่งคือ 2 ใน 3 ของทุนทึ่ระดมได้นั้นมาจาก small dollar donors หรือผู้บริจาครายย่อย  ซึ่งจะถูกกม. เลือกตั้งของสหรัฐจำกัดจำนวนเงินบริจาคสูงสุด   ไม่เหมือนการบริจาคเข้า super PAC ต่างๆ)  เรียกว่าเธอมาจุดประกายความหวังให้แก่บรรดาผู้จงรักภักดีต่อพรรคและคนรุ่นใหม่ที่ก่อนหน้านี้เหนื่อยหน่ายการเมืองโดยแท้ 

นอกจากนี้  เธอยังช่วยให้การเข้าหาโหวตเตอร์ในรัฐซึ่งเป็น swing states (โดยเฉพาะโหวตเตอร์ที่เป็นคนผิวสี  ลาติโน่ ลาติน่า) นั้นง่ายขึ้นกว่าสมัยปู่เยอะ   อาสาสมัครดั้งเดิมของพรรคก็ดูมีกำลังใจมากขึ้น    แถมพรรคยังได้อาสาสมัครใหม่อีกแสนกว่าคนมาช่วยกันเคาะประตูบ้าน  แจกใบปลิว    แถมตอนนี้แคมเปญของเธอยังได้แรงหนุนจากวิดีโอสั้นที่แฟนานุแฟนต่างๆ ทั้งในและนอกอเมริกาโพสต์ลง Tiktok  ทำให้เธอกลายเป็นมีมที่คนส่งต่อกันอย่างแพร่หลายทางโซเชียลมีเดีย    อันนี้เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้การหาเสียงของโอบาม่า และพรรคก้าวไกลในบ้านเราประสบความสำเร็จมาแล้ว  จึงเป็นที่น่าจับตาว่ามีมมะพร้าวและเสียงหัวเราะอร่อยเหาะของคุณกมลาจะแรงพอที่จะพัดพายานแม่ของเธอให้ไปลงจอดในทำเนียบขาวได้หรือไม่ 
บันทึกการเข้า
ปัญจมา
อสุรผัด
*
ตอบ: 247


ความคิดเห็นที่ 71  เมื่อ 30 ก.ค. 24, 06:55

อุปสรรคทึ่สำคัญของเธอตอนนี้คือ ทำอย่างไรเธอจึงจะทำให้คนทั้งประเทศรู้จักเธอได้มากขึ้นภายในเวลาแค่ 100 วันที่เหลือ  เพราะเธอเป็นแค่เงาของปู่มาตลอด 3 ปีก่อนหน้า

ที่สำคัญมากอีกเรื่องคือการเฟ้นหารองปธน. หรือ running mate ที่จะมาช่วยเสริมสร้างหรือซ่อมแซมภาพลักษณ์ของเธอในสายตาโหวตเตอร์และเรียกคะแนนเสียงจาก swing states   ตอนนี้ผู้เข้ารอบสุดท้ายมี 2 คน  คือคุณจอช ชาร์พิโร่ ผู้ว่าการรัฐเพนซิลเวเนียที่เคยพูดถึงไปแล้ว และคุณมาร์ค เคลลี่ วุฒิสมาชิกจากรัฐอริโซน่า   

ตอนนี้หลายฝ่ายคาดว่าคนที่จะเข้าวินน่าจะเป็นคนหลัง  เพราะมีทั้งประวัติการทำงานที่เยี่ยมยอดและชีวิตส่วนตัวที่สร้างกระแสความสนใจในระดับประเทศได้ดี  (แกเคยเป็นทั้งนักบินรบกองทัพเรือและนักบินอวกาศมาแล้ว  ส่วนเมียแกนั้นก็เคยเป็นสส. ของรัฐมาก่อน  และเคยเป็นข่าวพาดหัวไปทั่วอเมริกาเมื่อปี 2011 หลังจากที่โดนยิงที่หัวในขณะกำลังเดินหาเสียง  เดชะบุญที่รอดมาได้)  ที่สำคัญ คุณมาร์คแกมีประวัติออกเสียงคัดค้านนโยบายพรมแดนของปู่ไบเดนในสภา  ทำให้แกมีจุดเด่นในเรื่องที่คุณกมลาอาจจะด้อย   อันเป็นจุดอ่อนที่ฝั่งทรัมป์กำลังนำมาโจมตีเธอเพื่อสร้างความไม่พอใจในหมู่โหวตเตอร์ที่มองว่าไบเดนล้มเหลวในเรื่องการป้องกันการเข้าเมืองอย่างผิดกม.

เราคงจะได้ทราบกันในอีกไม่กี่วันข้างหน้าแล้วล่ะค่ะว่าตั๋วหนังเรื่องนี้จะมีแฮร์ริส-ชาร์พิโร่ หรือแฮร์ริส-เคลลี่เป็นดารานำ  เพราะภายในพุธหน้าพรรคก็ต้องจัดประชุมเลือกผู้สมัครออนไลน์แล้ว 
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 41289

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 72  เมื่อ 30 ก.ค. 24, 10:16

  ก็ลุ้นระทึกว่ากลุ่มสนับสนุนทุ้่มทุนถึงขนาดนี้   ป้ากมลาจะมีสิทธิ์พุ่งแรงแซงโค้งได้ไหมนะคะ
  ต้องดูใกล้ๆ ว่าทรัมป์ยังดวงแข็งเป๊กอยู่หรือเปล่า   
   แต่จะรีพับลิกันหรือเดโมแครต  นโยบายต่อไทยก็ดูเหมือนจะไม่แตกต่างกันนักหรือเปล่าคะ คุณปัญจมา  ดิฉันอยากรู้ข้อนี้มากกว่าค่ะ ว่าเราจะเป็นยังไงหากทรัมป์ได้  และเป็นยังไงถ้ากมลาได้ขึ้นมา
บันทึกการเข้า
ปัญจมา
อสุรผัด
*
ตอบ: 247


ความคิดเห็นที่ 73  เมื่อ 30 ก.ค. 24, 13:12

 ก็ลุ้นระทึกว่ากลุ่มสนับสนุนทุ้่มทุนถึงขนาดนี้   ป้ากมลาจะมีสิทธิ์พุ่งแรงแซงโค้งได้ไหมนะคะ
  ต้องดูใกล้ๆ ว่าทรัมป์ยังดวงแข็งเป๊กอยู่หรือเปล่า    
   แต่จะรีพับลิกันหรือเดโมแครต  นโยบายต่อไทยก็ดูเหมือนจะไม่แตกต่างกันนักหรือเปล่าคะ คุณปัญจมา  ดิฉันอยากรู้ข้อนี้มากกว่าค่ะ ว่าเราจะเป็นยังไงหากทรัมป์ได้  และเป็นยังไงถ้ากมลาได้ขึ้นมา

คิดว่าผลกระทบต่อไทยคงจะมีน้อย  เพราะนโยบายการต่างประเทศของคุณกมลาไม่น่าจะแตกต่างจากยุคคุณปู่ไบเดนมากนักค่ะ  

ข้อจำกัดหนึ่งที่คุณกมลามีคือนางเพิ่งมารับตำแหน่งระดับชาติได้ไม่นาน  และมาในตำแหน่งรอง  เลยยังไม่มีประวัติที่เด่นชัดในด้านนี้   อีกอย่างคือคนอเมริกันเดี๋ยวนี้ไม่ค่อยจะสนใจเรื่องการต่างประเทศมากเมือนสมัยสงครามเย็น    ทีมงานนางเลยยังไม่ได้ให้นางพูดเรื่องนี้มากในระหว่างหาเสียง เพราะอาจจะกลายเป็นดาบสองคมทำให้คนตำหนิได้ว่าสนใจแต่เรื่องนอกบ้าน 
บันทึกการเข้า
ปัญจมา
อสุรผัด
*
ตอบ: 247


ความคิดเห็นที่ 74  เมื่อ 30 ก.ค. 24, 13:21

แต่ที่ปรึกษาด้านการต่างประเทศของนางคือคุณฟิลิป กอร์ดอน  ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญเรื่องทวีปยูเรเชียคนหนึ่ง  และเป็นคนที่ไม่ hawkish เหมือนสมัยก่อนๆ  แกมีความเชื่อว่าการทูตดีกว่าการทหาร  รวมทั้งเคยไปถกเถียงในเวทีสาธารณะว่าอำนาจของอเมริกาในการสร้างความเปลี่ยนแปลงต่อสถานการณ์ความขัดแย้งต่างๆ ในโลกนั้นมีจำกัด  จะใช้พร่ำเพรื่อไม่ได้     ก็อาจเป็นไปได้ว่าการต่างประเทศของปธน.กมลาจะเป็นไปในแนวนั้น  คือแม้ว่าจะยังเห็นประเทศบางประเทศเป็นภัยคุกคาม  แต่ก็ไม่ตัดโอกาสที่จะใช้การทูตแก้ปัญหา   
บันทึกการเข้า
หน้า: 1 ... 3 4 [5] 6
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2006, Simple Machines
Simple Audio Video Embedder

XHTML | CSS | Aero79 design by Bloc หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.076 วินาที กับ 20 คำสั่ง