แย่กับแย่กว่า: เมื่อคุณปู่เชื่องช้าท้าชนคุณตาขี้จุ๊

[ภศุสรร อมร]

ในส่วนนีผมว่าไม่แปลก อิหร่านมีอคติกับตะวันตกมาตั้งแต่การปฎิวัติเมื่อกว่าสี่สิบปีก่อน

[เทาชมพู]

   หลังจากทรัมป์ถูกลอบสังหาร  คำถามที่ตามมาคือทำไมหน่วยรักษาความปลอดภัย (Secret Service) ถึงได้หละหลวมขนาดปล่อยคนร้ายให้ขึ้นไปบนหลังคาห่างจากบุคคลสำคัญเพียง 100 กว่าเมตร   โดยไม่มีใครผิดสังเกตอะไรเลย
   หลังจากขุดคุ้ยหาคำตอบ  ก็มีหลักฐานว่าตำรวจในพื้นที่สังเกตความผิดปกติของคนร้ายมาก่อนหน้านี้รวมถึงแจ้งไปยังหน่วย Secret Service ให้รับทราบแล้ว   ในตอนเกิดเหตุนั้นมีพยานเห็นว่ามีคนเดินอยู่บนหลังคา  ดูไม่น่าไว้ใจ  แต่ Secret Service ก็ไม่ยักทำอะไร  ไม่จู่โจมขึ้นไปบนหลังคา  จึงระงับเหตุไม่ทัน
   เสียงบ่นและก่นด่าก็เลยระงมตามมาว่า Secret Service สุดแสนหละหลวม  ไม่มีประสิทธิภาพ  คนร้ายปีนไปบนหลังคาอาคารที่มีอยู่อาคารเดียวในแถบนั้นได้อย่างชิวๆ  โดยไม่มีใครห้ามปรามหรือเข้าระงับเหตุ   
      คนอื่นๆที่มาฟังเขาอยู่บนพื้นดินกันทั้งนั้น  มีเจ้านี่คนเดียวปีนขึ้นหลังคา ทำอะไรง่วนอยู่ตรงนั้นก็ไม่มี SS คนไหนเฉลียวใจ    ขนาดคนมาฟังต้องตะโกนบอกตีำรวจ  จึงระงับเหตุไม่ทัน    รอจนคนร้ายยิงทรัมป์เรียบร้อยแล้ว หน่วยซุ่มยิง หรือ Counter Sniper Team ที่อยู่บนตึกอีกฝั่งจึงยิงสังหารคนร้ายด้วยปืน Remington M700  เด็ดชีวิตใน 26 วินาทีเอง
     หลายฝ่ายก็มองว่า ก่อนหน้านี้คะแนนของทรัมป์ก็มาแรงอย่างไม่น่าไว้ใจ  ยิ่งเจอเหตุการณ์พิสูจน์ว่าดวงแข็งขนาดนี้  อาจเรียกคะแนนเห็นใจได้มากขึ้น   พร้อมๆกับปู่ไบเดนก็กำลังซวดเซเพราะสังขาร   แต่ยังไม่ยอมถอย    ประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนใหม่แต่หน้าเก่าชื่อ โดนัลด์ ทรัมป์ อาจกลับไปนั่งในทำเนียบขาวอีก 4 ปี

[เทาชมพู]

  คุณตาทรัมป์ดวงแข็ง แต่คนที่ดวงอาจดับคือผู้หญิงชื่อ คิมเบอร์ลี ชีเทิล วัย 53 ปี  นางเป็นผู้อำนวยการ U.S. Secret Service รับผิดชอบความปลอดภัยของบุคคลสำคัญโดยตรง   แต่กลับหละหลวมปล่อยให้คนร้ายอุกอาจขนาดนี้   ในเมื่อนางก็มีประสบการณ์คุ้มกันบุคคลสำคัญมาตั้งหลายสิบปี
   ผู้แทนราษฎรสหรัฐกำลังตั้งคณะทำงานเฉพาะกิจ  ประกอบด้วยสมาชิกผสมทั้งพรรครีพับลิกันและเดโมแครต เพื่อสืบสวนเหตุการณ์นี้
   
จาก FB ของ Drama-addict

เมื่อวานมีการเรียกหัวหน้าหน่วย secret service เข้ามาถามถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันที่มีการลอบสังหารทรัมพ์   ซึ่ง สมาชิกวุฒิสภา Josh Hawley ได้เล่าให้สื่อฟังว่าหัวหน้าหน่วย Kimberly Cheatle ตอบคำถามอะไรไม่ได้เลย   ไม่ได้มีการเตรียมตัวมาเพื่อตอบคำถามของสภาเลย  และ สว ยังบอกว่า เราควรทำ public hearing   คือรอบหน้าตอนเชิญนางมาถาม จะมีการเผยแพร่ภาพให้ประชาชนได้ดูกันว่านางจะตอบคำถามเหล่านั้นอย่างไร
ประวัติการทำงานของนาง อยู่หน่วย secret service ตั้งแต่ปี 1995  เคยได้รับหน้าที่อารักขาและอพยพ รอง ปธน สมัยเกิดเหตุการณ์ 911  และเป็นผู้อารักขาไบเดนในสมัยที่โอบาม่าเป็น ปธน
ต่อมาช่วงที่ทรัมพ์เป็น ปธน เธอไปทำงานเป็นหัวหน้าแผนกความปลอดภัยให้บริษัทน้ำอัดลมชื่อดัง ก่อนจะย้ายกลับมารับตำแหน่งหัวหน้าหน่วย secret service หลังจากไบเดนขึ้นเป็น ปธน
นโยบายที่เธอกำลังขับเคลื่อนอยู่ คือเพิ่มอัตราจ้างผู้หญิงมาทำหน้าที่ secret service ให้ถึง 30% ในปี 2030 ตามนโยบาย DEI

หมายเหตุ DEI ย่อมาจาก Diversity, Equity and Inclusion  หมายถึงนโยบายเปิดรับความหลากหลายของผู้คน ทั้งด้านเพศ  รสนิยมทางเพศ  ชาติพันธุ์ ศาสนา ฐานะทางเศรษฐกิจ แนวคิด มุมมอง ทัศนคติ ความสนใจ ฯลฯ ถือว่าทุกคนเป็นมนุษย์ร่วมโลกเช่นกัน จึงต้องให้ความเท่าเทียมกัน ยอมรับในความแตกต่างและให้โอกาสกัน  เพื่อจะอยู่ร่วมกันได้อย่างสงบสุข

[ปัญจมา]

คุณปู่ประกาศถอนตัว สนับสนุนคุณกมลาให้เข้าแข่งขันแทน  และจะกล่าวสุนทรพจน์ต่อคนอเมริกันในสัปดาห์นี้ค่ะ

https://x.com/JoeBiden/status/1815080881981190320

[เทาชมพู]

    มาช้ายังดีกว่าไม่มา   ตัดสินใจช้ายังดีกว่าไม่ยอมถอนตัว ให้เสียประวัติว่าแพ้เลือกตั้ง
     ส่วนคุณกมลายังมีบารมีไม่เท่าตาทรัมป์    เพราะฉะนั้น 4 ปีนับจากปีหน้า ดูซิว่าสงครามยูเครนจะยุติลงตามปากของคุณตาแกรึเปล่า

     ใครอ่านประวัติของเด็กหนุ่ม Thomas Matthew Crooks มือลอบสังหาร แล้วจะงงงงันเมื่อพบว่า เขาคือเด็กหนุ่มแสนจะธรรมดาๆคนหนึ่ง ค่อนไปทางขี้อาย เรียบร้อย เงียบๆหงิมๆ แม้ถูกบุลลี่ในโรงเรียนอยู่บ้างตามประเภทเด็กเนิร์ดที่จะต้องเจอเรื่องพรรค์นี้ ก็ไม่เคยมีปัญหากับใคร    เป็นเด็กหัวดี ตั้งใจเรียน เป็นที่รักของครู  พอจบชั้นมัธยมก็ไปเรียนต่อที่วิทยาลัยชุมชน   จบออกมาได้งานที่เนิสซิงโฮมหรือสถานที่พักคนชรา ห่างจากบา้นไปเล็กน้อย   ระหว่างทำงานก็เป็นคนมีอัธยาศัยดี  เข้ากับเพื่อนร่วมงานและดูแลผู้สูงอายุได้ดี   สรุปว่าเป็นพลเมืองดีคนหนึ่ง
   ถ้ายังงงไม่พอ   ก็มีเรื่องให้งงได้อีกว่า เขาลงทะเบียนว่าเป็นสมาชิกพรรครีพับลิกันของคุณตาทรัมป์ แต่เคยบริจาคเงินให้พรรคเดโมแครต 1 ครั้งเป็นเงิน 15 ดอลล่าร์(พอกับค่าอาหาร 1 มื้อ)  จากนั้นก็ไม่มีวี่แววว่าเขาสนใจไยดีการเมืองมากกว่านี้   พ่อแม่เขาก็เช่นกัน  เป็นคนชั้นกลางธรรมดาๆ ที่ไม่มีหัวเอียงไปทางการเมืองมากไปกว่าชาวบ้านร้านถ่ิ่นทั่วไป
   แต่เด็กหนุ่มนิสัยดีเรียบร้อย ชีวิตดำเนินไปเรียบๆไม่มีปัญหาคนนี้แหละ เอาปืนของพ่อ พร้อมอุปกรณ์ ผ่านด่านตรวจของตำรวจเข้าไปฟังปราศรัยของนักการเมืองใหญ่ได้   ลอยนวลผ่านฝูงชนและตำรวจ  สามารถปีนขึ้นไปบนหลังคากลางวันแสกๆ โดยหน่วยอารักขาไม่เห็น   ขึ้นไปทำอะไรลับๆล่อๆอยู่บนหลังคาพักใหญ่ ทั้งๆหน่วย Secret Service  อยู่บนหลังคาอีกแห่งหนึ่ง  เห็นก็ไม่ยักทำอะไร   จนเขาสามารถรัวกระสุนตั้งหลายนัด  ไปโดนคนตายไป 1 คน บาดเจ็บ 2  บวกเป้าหมายจนหูแหว่งไป 1 ข้าง  SS ถึงเพิ่งหยุดยั้งเขาหลังจากทำการเหล่านี้สำเร็จไปแล้ว  ด้วยการยิงเขาตายภายใน 26 วินาที   น่างงงันอีกไหมล่ะคะ
    ความงงงันยังไม่จบ  จนบัดนี้ตำรวจก็ยังหาแรงจูงใจที่เด็กหนุ่มลงมืออุกอาจเช่นนี้ไม่เจอ   ค้นมือถือ 2 เครื่องก็ไม่มีหลักฐานการติดต่อกับใคร  หรือเหตุผลอะไรที่เขาลงมือทำขนาดนี้  จะว่าเป็นพวกหัวรุนแรงทางการเมืองก็ไม่มีหลักฐานส่อให้เห็น  เคยมีประวัติทำร้ายใครมาก่อน ก็ไม่มี   เพื่อนฝูงคนรอบข้างสงสัยอะไรไหม ก็ไม่มี  คนรอบข้างกลับพูดว่าเขาเป็นคนดีคนหนึ่ง ไม่เคยก่อปัญหาไม่ว่าในโรงเรียนหรือที่ทำงาน  พ่อแม่ก็ยังช็อคไม่หาย
   เพื่อนร่วมงานคนหนึ่งให้สัมภาษณ์ว่า วันที่เกิดเหตุ  เด็กหนุ่มลากิจ   แถมยังบอกเพื่อนอีกว่าเสร็จธุระแล้วก็จะกลับมาทำงานต่อ     เหมือนเขาไม่เคยคิดเลยว่า "ธุระ" นั้นเป็นเรื่องคอขาดบาดตาย  ชนิดที่เขาอาจไม่มีโอกาสกลับมาทำงานอีก

[ปัญจมา]

ภายในสัปดาห์นี้เราก็คงจะได้รับการยืนยันอย่างเป็นทางการจากพรรคเดโมแครตเรื่องกระบวนการส่งคุณกมลาลงสมัครแทนคุณปู่  รวมทั้งจากคุณกมลาเองเรื่องใครจะเป็น running mate ของเธอ

การที่คุณปู่ประกาศถอนตัวและสนับสนุนคุณกมลาให้ลงแทนนั้นนับว่าสร้างขวัญกำลังใจให้ผู้สนับสนุนพรรคเดโมแครตมากพอสมควร    เพราะนับตั้งแต่วันดีเบตเลือดเป็นต้นมามาพรรคก็ต้องระส่ำระสายอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน   นอกจากจะต้องเผชิญกับสภาวะที่คู่แข่งสำคัญได้รับคะแนนนิยมสูงขึ้นทันตาเห็นจากเหตุการณ์ลอบสังหาร  ทำให้พรรครีพับลิกันสามารถสร้างภาพลักษณ์ของความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันในระหว่างการประชุมใหญ่เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว  ยังต้องประสบกับความแตกแยกร้าวฉานภายในพรรคระหว่างคนที่สนับสนุนไบเดนกับคนที่อยากให้ปู่ถอนตัวอีกด้วย     เห็นได้จากการมีข่าวสีฟจากคนวงในที่มีใจความขัดแย้งกันเองออกมาในหน้าสื่อใหญ่ๆของประเทศไม่เว้นแต่ละวัน    แถมในหมู่คนที่อยากให้ปู่ถอยนั้นก็ยังเห็นไม่ตรงกันอีกว่าถ้าปู่ไปแล้วใครจะเสียบแทน   ทำให้ทรัมป์นั่งดูความเป็นไปของพรรคคู่แข่งตลอด 3 อาทิตย์ที่ผ่านมาอย่างกระหยิ่มใจ     

พอคุณกมลาออกตัวอย่างเป็นทางการ  เงินบริจาคก็หลั่งไหลกันเข้ามาในบัญชีเธออย่างท่วมท้นในเวลาแค่24 ชม. คิดเป็นยอดเงินสูงถึง 81ล้านเหรียญ ซึ่งไม่เคยมีมาก่อนในประวัติศาสตร์เลือกตั้งของอเมริกา  ยังไม่นับผู้บริจาครายใหญ่ๆ ที่จะทุ่มเงินกันเข้ามาอีกในอนาคต

[ปัญจมา]

ก่อนหน้านี้  มีคนในพรรคกังวลว่าคุณกมลาจะประสบชะตากรรมเดียวกับฮิลลารี่ คลินตันเมื่อปี 2016    เพราะไม่ค่อยแน่ใจว่าอเมริกาพร้อมหรือยังที่จะมีปธน.เป็นผู้หญิง (แถมผิวสีด้วย)    คนอเมริกันจำนวนมากยังไม่รู้เลยว่าเธอเป็นใคร  ขนาดชื่อยังออกเสียงกันไม่ถูกเลย (ตอนเธอเริ่มเป็นที่จับตามองของบรรดาสื่อและนักวิเคราะห์การเมืองระดับชาติใหม่ๆ นั้นคนส่วนใหญ่ยังอ่านออกเสียงว่า “คะม้าหล่า” ตามแบบอเมริกันชน  เพิ่งจะมาตอนไบเดนเลือกเธอเป็นรองปธน.นี่แหละที่เราได้ทราบว่ามันต้องออกเสียงว่า “ค้าหมะหล่า” ต่างหาก   แต่สำหรับลิ้นคนไทยอย่างเราก็กมลานี่แหละค่ะง่ายดี)
     
ภูมิหลังของคุณกมลาก็ค่อนข้างน่ากังวล  คือตอนที่เธอประกาศลงแข่งเป็นปธน.ในสมัยเลือกตั้งปี 2020 นั้นเธอได้รับแรงส่งดีมากในช่วงเริ่มต้น  แต่สุดท้ายเธอก็ต้องเก็บของกลับบ้านเป็นคนแรกเพราะเธอไม่สามารถทำให้คนอเมริกันเชื่อมั่นในตัวเธอได้ (ทรัมป์ยังเหน็บเธอออกสื่อเลยว่าขนาดสู้กันเองในพรรคยังเจ๊งไม่เป็นท่า  ริอ่านจะมาสู้นอกพรรคหรา) ตอนนั้นมีข้อครหากันมากว่าเธอไม่มีวิสัยทัศน์อะไร  สื่อสารไม่เก่ง  ข้อครหาเหล่านี้มันติดตัวเธอมาจนเป็นรองปธน.ก็ยังไม่สามารถหลุดพ้นได้ 

แล้วตำแหน่งรองปธน.เนี่ย ใครๆ ก็รู้ว่ามันไม่ใช่อะไรที่เป็นชิ้นเป็นอันหรอก  จะเด่นดังกว่าปธน.ก็ไม่ได้  มีหน้าที่ตัดริบบิ้น อุ้มเด็กถ่ายรูปออกสื่อเท่านั้น  แถมงานที่ไบเดนโยนให้เธอก็เป็นงานเกี่ยวกับการปกป้องพรมแดนจากการเข้าเมืองอย่างผิดกฎหมาย  ซึ่งแน่นอนว่าจะเป็นจุดที่ทรัมป์นำไปโจมตีเธอแน่ๆ     

[ปัญจมา]

แต่ตอนนี้สื่อหลายสำนักก็รายงานว่าสถานการณ์มันเปลี่ยนไปแล้ว  คนฝั่งเดโมแครตนั้นกระหายที่จะได้มีใครสักคนมากอบกู้พรรคให้เป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันอีกครั้งหลังจากที่ตีกันเองมาร่วมเดือน  พอปู่ประกาศถอนตัวก็เลยแห่หันมาชูมือสนับสนุนคุณกมลากันใหญ่   รวมทั้งคุณป้าแนนซี่ เปโลซี่  ซึ่งถือว่าเป็นผู้ทรงอิทธิพลมากที่สุดคนหนึ่งในพรรค   ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้คุณป้าเหมือนจะอยากให้พรรคเปิดโอกาสให้ผู้สมัครคนอื่นๆ มาแข่งขันกันได้อย่าเสรีมากกว่าจะส่งไม้ต่อให้คุณกมลาทันที

นิวยอร์คไทมส์รายงานว่าคุณกมลาทำให้ผู้หญิงอเมริกันในเขตเมืองรู้สึกมีความหวังมากขึ้น เพราะเชื่อว่าคุณกมลาจะเป็นแรงหนุนหลักในการต่อสู้เพื่อสิทธิในการคุมกำเนิดและการทำแท้ง   หลังจากที่ศาลสูงสหรัฐซึ่งมีผู้พิพากษาฝ่ายอนุรักษ์นิยมเป็นเสียงส่วนใหญ่ได้ล้มล้างคำพิพากษาว่าด้วยสิทธิในการทำแท้งอย่างถูกกฎหมายไปเมื่อปี 2022  (จริงๆ คุณปู่เองก็สนับสนุนสิทธิสตรี  แต่ความเป็นแคธอลิกของปู่นั่นก็ทำให้ปู่ต้องต่อสู้กับความขัดแย้งภายในพอสมควรเวลาพูดเรื่องทำแท้ง)    ส่วนกลุ่มคนที่น่าจะเป็นฐานเสียงสำคัญของพรรคในซิลิคอนแวลลี่ย์  ซึ่งก่อนหน้านี้ไม่ค่อยจะเห็นดีเห็นงามกับการที่ไบเดนลงแข่งเป็นสมัยที่สองเท่าไหร่   แถมมีบางส่วนหันไปสนับสนุนทรัมป์อย่างเปิดเผย   ก็เริ่มตื่นเต้นกับการเลือกตั้งมากขึ้นจนน่าจะช่วยให้ฝั่งคุณกมลาระดมเงินได้อีกมหาศาล

การส่งคุณกมลาเข้าแข่งขันก็ทำให้ทรัมป์กลายเป็นฝ่ายเสียเปรียบในเรื่องของอายุไป   เพราะมันทำให้เขากลายเป็นผู้สมัครเลือกตั้งปธน.ที่มีอายุมากที่สุดในประวัติศาสตร์  ขณะที่คุณกมลาเองอายุน้อยกว่าทรัมป์เกือบ 20 ปี  โหวตเตอร์ที่กลางๆ ไม่ค่อนไปทางฝ่ายไหนแต่โอนเอียงจะเลือกทรัมป์เพราะเห็นว่าไบเดนแก่และเชื่องช้าเกินไปสำหรับงานใหญ่นี้ก็อาจจะเปลี่ยนใจมาเลือกคุณกมลาแทน  

[ภศุสรร อมร]

น่าติดตามครับ ต้องยอมรับว่าภาพลักษณ์อันน่าติดตาของทรัมป์หลังจากเกิดเหตุน่าจะกลายเป็นภาพประวัติศาสน์ตลอดไป
ส่วนกมลานั้น ถ้าหากนางชนะเลือกตั้งได้ ก็จะเป็นประวัติศาสน์เช่นกัน

[ปัญจมา]

เพื่อความชัวร์  ตอนนี้คุณกมลาก็กำลังเฟ้นหา running mate ที่จะมาช่วยเพิ่มคะแนนเสียงให้แก่เธอได้    ในบรรดาคู่แข่งของคุณกมลาจากพรรคเดียวกันนั้น  คุณเกรทเช่น วิทเม่อร์ ผู้ว่าการรัฐมิชิแกนดูเหมือนจะมีคะแนนนิยมสูงกว่าใคร   แต่คงเป็นไปไม่ได้แน่ที่จะมีผู้สมัครปธน.และรองปธน.เป็นสตรีทั้งคู่   ความเห็นส่วนตัวเลยคิดว่าหวยน่าจะไปออกที่ผู้ว่าการรัฐเพนซิลเวเนีย จอช ชาร์พีโร่ เพราะเป็นนักการเมืองชายผิวขาวจากรัฐที่มีความไม่แน่นอนสูง  น่าจะช่วยเรียกคะแนนเสียงจากโหวตเตอร์ที่อยู่กลางๆ ไม่ซ้ายไม่ขวา ไม่ชอบปู่แต่ก็ไม่เอาทรัมป์ได้พอสมควร   (มีนักการเมืองชายผิวขาวจากรัฐที่มีความไม่แน่นอนสูงอีก 3-4 คนที่อยู่ในข่าย  เช่นผู้ว่าการรัฐนอร์ธแคโรไลน่าและเคนตั๊กกี้ รวมทั้งวุฒิสมาชิกจากรัฐอริโซน่า  แต่ทั้งหมดนี้เมื่อนำคะแนนนิยมไปเทียบกับทรัมป์ในโพลระดับชาติแล้วยังตามคุณชาร์พีโร่อยู่  เลยคิดว่าน่าจะเป็นชาร์พีโร่มากกว่าคนอื่นค่ะ)  

แม้จะยังไม่มีใครตอบได้ว่าคุณกมลาจะสามารถชนะทรัมป์ได้ไหม แต่การที่คุณปู่ถอนตัวนั้นก็น่าจะช่วยให้นักการเมืองของพรรคที่ต้องป้องกันตำแหน่งในระดับรัฐได้อานิสงส์ไปด้วย  เพราะก่อนหน้านี้การมีตัวเลือกที่ไม่เป็นที่พอใจทั้งฝั่งซ้ายและฝั่งขวาก็ทำให้โหวตเตอร์ที่เป็นวัยรุ่นและวัยทำงานเนือยมาก แต่พอเปลี่ยนหัวก็ดูเหมือนว่าโหวตเตอร์วัย 20 ต้นๆ  ผู้หญิง และคนผิวสีจะกระตือรือร้นที่จะออกไปใช้สิทธิมากกว่าเก่า   ผู้บริจาคก็เต็มใจทุ่มเงินเข้ามาช่วยเพื่อให้พรรคสามารถรักษาที่นั่งในวุฒิสภาและสภาผู้แทนไว้ได้บ้าง  ถ้าปู่ยังอยู่ก็เท่ากับเป็นการฆ่าตัวตายตั้งแต่หัวยันหาง   เสียทำเนียบขาวว่าเจ็บแล้ว  ถ้าต้องเสียอำนาจนิติบัญญัติให้ทรัมป์ครอบครองในสภาวะที่อำนาจตุลาการก็กลายเป็นของฝั่งอนุรักษ์นิยมไปแล้วด้วยคงเจ็บเกินทนแน่ๆ     ประเทศชาติเองก็อาจจะล่มจมเกินจะกอบกู้ไหว

อีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้คนฝั่งเดโมแครตกลัวมากกว่าทรัมป์ 2 จะสร้างความเสียหายมากกว่าทรัมป์ 1  ก็คือการที่ Heritage Foundation (มันสมองด้านนโยบายของพรรครีพับลิกัน) ได้ร่างแผนแม่บทสำหรับการบริหารราชการแผ่นดินที่เรียกว่า Project 2025 ขึ้นมา   และอยู่ในระหว่างการเปิดรับสมัครบุคลากรที่จะมาช่วยนำแผนไปปฏิบัติทันทีที่ทรัมป์ 2 ย้ายเข้าทำเนียบขาว    แผนแม่บทนี้เป็นเครื่องมือที่จะช่วยให้รัฐบาลทรัมป์ 2 ปฏิบัติภารกิจของฝ่ายอนุรักษ์นิยมไได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น    โดยมีหัวใจสำคัญอยู่ที่การกวาดล้างคนที่ไม่จงรักภักดีต่อทรัมป์และมีแนวคิดขัดต่อหลักการของขบวนการ MAGA ออกจากภาครัฐ  และทำให้กระทรวงยุติธรรมอยู่ภายใต้การสั่งการของทำเนียบขาวโดยตรง ไม่เป็นหน่วยงานที่เป็นเอกเทศไม่ติดยึดกับการเมืองเหมือนในอดีต  ปธน.จะกลายเป็นผู้มีอำนาจท่วมท้นใครแตะต้องไม่ได้  

 

[เพ็ญชมพู]

ซิมป์สันส์ ทำนายอนาคตอีกแล้ว

ตอนที่ ๑๗ ของฤดูกาลที่ ๑๑ ของเดอะซิมป์สันส์ มีการเขียนให้ลิซ่า ซิมป์สันส์ได้เป็นประธานาธิบดีหญิงคนแรกของสหรัฐอเมริกา โดยเธอแต่งตัวคล้ายกับกมลา แฮร์ริสในพิธีสาบานตนของโจ ไบเดน

ตอนนี้ซึ่งออกอากาศในปี ๒๐๐๐ แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าเจ้าพ่ออสังหาริมทรัพย์โดนัลด์ ทรัมป์ ขึ้นเป็นประธานาธิบดี้และทิ้งวิกฤตงบประมาณไว้เบื้องหลังเพื่อให้ลิซ่ารับมือ

โจ ไบเดน ลาออก และตอนนี้เขาได้รับรองกมลา แฮร์ริสขึ้นมาแทนเขาแล้ว

ด้วยขณะนี้กมลาได้เป็นตัวแทนพรรคเดโมแครต ในการชิงตำแหน่งประธานาธิบดีอย่างไม่เป็นทางการ  ขาดเพียงการรับรองจากที่ประชุมของพรรค

จะแม่นหรือไม่แม่น  ต้องรอดูกันต่อไป

[ปัญจมา]

ด่านแรกที่คุณกมลาจะต้องเจอ แต่นักวิเคราะห์หลายท่านชี้ว่าไม่น่าจะมีผลต่อการเลือกตั้ง คือการฟ้องร้องโดยคู่แข่งเพื่อให้การลงแข่งขันของเธอเป็นเรื่องผิดกฎหมาย  โดยเมื่อวานนี้ พรรครีพับลิกันได้ประกาศว่าจะยื่นฟ้องศาลไม่ให้มีการเปลี่ยนตัวผู้สมัครจากคุณปู่เป็นคุณกมลา โดยอ้างว่ากฎหมายเลือกตั้งไม่อนุญาตให้มีการเปลี่ยนชื่อผู้สมัครใน ballot หรือบัตรเลือกตั้ง และการทำเช่นนั้นคือการทำลายเสียงของปชช. 14 ล้านคนที่ออกไปโหวตเลือกไบเดนในไพรมารี่ (ทรัมป์เองถึงขนาดป่าวร้องว่าโดนพรรคเดโมแครตโกงด้วยการเปลี่ยนตัวผู้สมัครกลางคันทำให้เสียหายหลายล้าน และพยายามเรียกร้องให้ฝ่ายตรงข้ามจ่ายเงินชดเชย)     แต่เชื่อว่าฝั่งเดโมแครตจะสามารถสู้คดีนี้ได้โดยไม่เหนื่อย  เพราะความจริงคือยังไม่มีการพิมพ์ชื่อผู้สมัครคนใดในบัตรเลือกตั้งทั้งสิ้น เนื่องจากการเสนอชื่อผู้แข่งขันอย่างเป็นทางการของพรรคเดโมแครตนั้นจะไม่เกิดขึ้นจนกว่าพรรคจะมีการประชุมใหญ่ในวันที่ 19-22 สค. 

[เทาชมพู]

     ข่าวล่าคือเจ๊ผู้อำนวยการ Secret Service  นางคิมเบอร์ลี่ ชีเทิลยอมลาออกแล้วหลังจากถูกกดดันอย่างหนักให้สละเก้าอี้ เนื่องจากล้มเหลวในการอารักขาบุคคลสำคัญ    ตอนแรกนางไม่ยอมลาออกท่าเดียว แม้ยอมรับว่าล้มเหลวในการปฏิบัติงานก็ตาม
      ตอนที่ถูกกรรมธิการผสมระหว่างรีพับลิกันและเดโมแครตเรียกตัวไปสอบสวน  เจ๊ชีเทิลตอบคำถามได้กวนโอ๊ยมาก  คือไม่ยอมตอบอะไรออกมาเป็นชิ้นเป็นอันเลย   คือตอบก็เหมือนไม่ตอบ   จนคณะกรรมาธิการถึงกับออกแถลงระบุว่า หัวหน้าหน่วย secret service  ไม่สามารถตอบคำถามใดๆที่กรรมาธิการถามได้เลย เกี่ยวกับความล้มเหลวในการอารักขาทรัมพ์จากการลอบสังหาร แม้กระทั่งคำถามที่พื้นฐานมากๆยังไม่สามารถตอบได้   ดังนั้นคณะกรรมาธิการ ที่มีสมาชิกจากทั้งฝั่งรีพับลิกัน และเดโมแครท จึงเห็นควรว่า นางควรลาออกจากตำแหน่งโดยทันที
   ความจริงแล้ว  นางชีเทิลสามารถตอบเป็นเรื่องเป็นราวได้สมกับทำงาน SS มาตั้ง 29 ปี  แต่นางไม่ยอมตอบเอง   เหตุผลเป็นไปได้น่าจะมี 2 ประเด็น คือ
    1  นางไม่ได้ไยดีสักนิดว่าคุณตาทรัมป์แกจะตายหรือไม่ตาย   เพราะนางเป็นฝ่ายถือหางพรรคเดโมแครตเต็มตัว  ไบเดนเป็นคนให้ตำแหน่งใหญ่นี้แก่นางเอง
     2   นางรู้อะไรมากกว่าที่พูดออกมามากทีเดียว  เพราะฉะนั้นคนที่รู้มากแต่ไม่อยากพูด  ก็เลยต้องหาทางออกแบบนี้แหละ คือ ไม่รู้ ไม่รู้

[เทาชมพู]

     ทีนี้ มาดูกันว่า ถ้าคุณตาทรัมป์เกิดได้รับคะแนนเสียงมากกว่า กลับมาเป็นประธานาธิบดีอีกครั้ง    โลกจะเจออะไรบ้าง
     ตาทรัมป์แกหาเสียงไว้้ว่า ถ้าแกได้กลับคืนสู่ทำเนียบขาวอีกครั้ง   แกจะ
     1  ยุติสงครามยูเครน  ด้วยการลดความช่วยเหลือทางทหารแก่ยูเครน  ขนาดคุยว่า " จะยุติสงคราม ภายใน 24 ชั่วโมง"  แปลง่ายๆคือไม่จ่ายตังค์ไม่ส่งกำลังรบให้อีกละ   ปล่อยยูเครนกลับเข้าปากเสือรัสเซียไป  ตัวใครตัวมัน
     2  เอาสหรัฐฯ ออกจากนาโต
      นาโตหรือองค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ  เป็นพันธมิตรทางทหารที่ประกอบด้วย 32 ประเทศ รวมถึงสหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักร เยอรมนี และฝรั่งเศส   คุณตาแกไม่ถูกชะตากับองค์การนี้ ขู่ฟ่อๆมาตั้งแต่สมัยแกเป็นประธานาธิบดีว่า ไม่เอาด้วยละ  เพราะแกรู้สึกว่ามันไม่คุ้มที่สหรัฐฯเป็นพี่ใหญ่ต้องจ่ายมากกว่าคนอื่น    ประเทศอื่นๆน่าจะลงขันมากกว่านี้    ไม่งั้นก็ต้องตัวใครตัวมัน
     3  ขับไล่ผู้อพยพออกจากอเมริกา   ทรัมป์เป็นไม้เบื่อไม้เมากับเมกซิโกและประเทศอื่นๆที่มีผู้ลี้ภัย แล้วเข้าอเมริกามาทั้งถูกต้องตามกฎหมาย และลักลอบเข้ามาตั้งถิ่นฐานในอเมริกา   ทำให้ทรัมป์เห็นว่าเป็นภาระแก่คนอเมริกันที่อยู่กันมาก่อน ต้องมาจ่ายภาษี หรือถูกคนพวกนี้แย่งอาชีพ  หรืออะไรอีกสารพัด ที่ก่อปัญหา
    ก่อนหน้านี้ลูกของคนพวกนี้ถ้าเกิดในอเมริกาจะได้สัญชาติอเมริกัน   แต่ถ้าทรัมป์ได้รับเลือกอีกครั้ง  คนเหล่านี้ก็จะเคราะห์ร้าย ถูกผลักดันกลับออกไป
    4  ทรัมป์ถือหางอิสราเอลอย่างออกหน้าออกตา
    5  ทำสงครามการค้ากับจีน และสะกัดการแผ่ขยายอิทธิพลจีนในเอเชีย
    6  ไม่สนใจผลเสียทางสิ่งแวดล้อม   เช่นจะเดินหน้าขุดน้ำมันต่อไป

[เทาชมพู]

เอาคลิปข่าวมาให้ดู  น่าสนใจที่ข่าววิเคราะห์ว่าลูกชายจอร์จ โซรอส ใบ้มาตั้งแต่ต้นปีว่าจะมีการลอบสังหาร
และอีกข่าวคือมีมือปืน 2 คนไม่ใช่คนเดียว
กระสุนที่ว่อนอยู่ในการปราศรัย มี 3 ชุด คือของมือปืน 2 คนคนละชุด กับชุดที่สาม ของมือสไนเปอร์ที่เก็บชีวิตเด็กหนุ่ม

https://youtu.be/kOOZMoAKI-8?si=bokhlGfWwWFbTBoW