ลองอ่านดูที่คุณบรรเจิด ทวีเขียนไว้ในเรื่อง
"หนูหล่อพ่อพาไปดูหมี" มีคนเฉลยว่า หนูหล่อเป็นผู้หญิงหรือผู้ชายกันแน่
บางกอกปีพุทธศก ๒๔๙๔ เดือนมิถุนายน วันที่ ๒๙ เกิดกบฏแมนฮัททัน หลังจากเหตุการณ์นี้แล้วคนที่เดือดร้อนมากที่สุดคือ บรรณาธิการหนังสือพิมพ์ ซึ่งข่าวรายวันบนหน้าหนังสือพิมพ์จะถูกตรวจสอบและเซนเซอร์ ป้ายหมึกดำเป็นแถบ ๆ ทุกวัน
หนังสือพิมพ์รายวันฉบับละ ๕๐ สตางค์ พิมพ์สีขาวและสีดำ ชื่อ "สยามรัฐ" ของ มรว. คึกฤทธิ์ ปราโมช สะเทือนหนักกว่าเพื่อน
ด้วยความเป็นหม่อมคึกฤทธิ์ "สยามรัฐ" และด้วยความต้องการที่จะหลีกเลี่ยงระบบเซนเซอร์ของทางเจ้าหน้าที่ จึงเกิดไอเดียกระฉูดพิมพ์ข่าวชนิดที่เจ้าหน้าที่เซนเซอร์เองปวดหัวเพราะเซนเซอร์ไม่ได้เลย ข่าวที่ "สยามรัฐ" ลงเป็นรายวันในขณะเวลานั้น เช่น "ค้นพบแล้วยืนยันได้ว่าพระอาทิตย์ขึ้นแต่ทางทิศตะวันออกเท่านั้น ไม่เคยโผล่ขึ้นมาทางทิศตะวันตก" เป็นต้น
ที่ขำขันมากที่สุด น่าจะเป็น "สยามรัฐ" ฉบับประจำวันศุกร์ที่ ๑๓ กรกฎาคม ๒๔๙๔
"พบข้อสันนิษฐานว่าหนูหล่อ/ที่พ่อพาไปดูหมีที่นาตาหมอหลอ/ต้องเป็นผู้ชายแน่นอน"หัวข่าวรองลงไป คือ
"อ้างการที่พ่อพาไปดูหมี/เป็นข้อยืนยันถึงเพศ"ข่าวนี้เป็นใครในสมัยนั้นก็ต้องสนใจ เพราะต่างก็เคยอ่านหนังสือแบบเรียนเร็ว เรื่อง "หนูหล่อพ่อพาไปดูหมี" มาแล้วทั้งสิ้น เป็นการอ่านไปตามเรื่องไม่เคยสนใจว่า หนูหล่อ คนนี้เป็นเด็กผู้ชายหรือเด็กผู้หญิง
ก็ได้ "สยามรัฐ" นี่แหละครับ กรุณารายงานความสงสัยที่ไม่มีใครสงสัย ดังต่อไปนี้
"เรื่อง หนูหล่อที่พ่อเขาพาไปดูหมี ที่นาตาหมอหลอ ในหนังสือแบบเรียนเร็วเป็นเรื่องที่ได้มีการถกเถียงกันมานาน ในข้อที่ว่าหนูหล่อคนนี้เป็นผู้หญิงหรือผู้ชายกันแน่ เพราะไม่ปรากฏข้อความตอนใดที่ได้บ่งไว้ในทางเพศ จึงเป็นเหตุให้บรรดานักค้นคว้าในทางอักษรศาสตร์ต้องเสียเวลาในการค้นคว้าเรื่องนี้อยู่เป็นเวลานาน ก็ยังไม่ปรากฏว่านักค้นคว้าคนใดยืนยันได้ว่า หนูหล่อ คนนี้เป็นเพศใดกันแน่
บัดนี้ เราได้รับการยืนยันด้วยการสันนิษฐานอ้างสิ่งแวดล้อมขึ้นมาประกอบ จากนักค้นคว้าผู้หนึ่งซึ่งไม่ประสงค์จะออกนาม เพราะไม่ต้องการจะอวดอ้างความศักดาสามารถ ส่งมาให้เราพิจารณา เราได้พิจารณาโดยรอบคอบทุกแง่ทุกมุมตามข้อสันนิษฐานที่เขาหยิบยกขึ้นมาอ้าง เห็นว่ามีหลักฐานเพียงพอที่เราเห็นด้วยกับการยืนยันว่า หนูหล่อผู้นี้ต้องเป็นผู้ชายแน่ ๆ
ข้อสันนิษฐานที่นักค้นคว้าอ้างขึ้นมาเพื่อยืนยัน อันเป็นประเด็นสำคัญได้แก่ข้อที่ว่า ถ้าหากหนูหล่อผู้นี้เป็นเด็กผู้หญิงแล้วไซร้ บิดาย่อมที่จะไม่ให้ไปเห็นหมี เพราะหมีเป็นสัตว์ดุร้ายกระทบกระเทือนจิตใจสำหรับเด็กหญิงทำให้ขวัญหนีดีฝ่อหรือเจ็บไข้เสียคนไป ตลอดชีวิต เป็นการบั่นทอนอนาคตของเด็ก
เมื่อได้พิเคราะห์หลักฐานเป็นการยืนยันได้แล้วว่า หนูหล่อคนนี้เป็นผู้ชาย ผู้ค้นคว้ายังได้ตั้งข้อสังเกตเกี่ยวกับนิสัยของหนูหล่อ ภายหลังที่พ่อเขาพาไปเห็นหมีมาแล้ว ต่อไปอีกว่า เมื่อกลับจากนาตาหมอหลอถึงบ้านแล้ว ในฐานหนูหล่อเป็นเด็กผู้ชาย ซึ่งมีจิตใจเข้มแข็งกว่าสตรีเพศ ย่อมมีความรู้สึกนึกคิดไปไกล คืออยากจะเห็นหมีตัวใหญ่ ๆ เพราะตัวที่นาตาหมอหลอเป็นลูกหมี จึงได้หลบหนีออกจากบ้านมุ่งหน้าไปเข้าป่าดงพงพีเป็นพรานล่าหมีต่อไป จนเป็นเหตุให้ทางบ้านพากันวิตกเป็นห่วงถึงการหายหน้าค่าตาของหนูหล่อครั้งนี้อยู่ทุกวี่วัน"
นับเป็นความหลักแหลมของผู้ชายคนหนึ่งที่ชื่อ มรว. คึกฤทธิ์ ปราโมช ซึ่งขณะเวลานั้นมีตำแหน่งเป็นผู้อำนวยการ สละ ลิขิตกุล เป็นบรรณาธิการ ส่วนผู้พิมพ์และผู้โฆษณาคือ สมบุญ แย้มกลีบบัว สำนักงานอยู่ที่อาคาร ๖ ถนนราชดำเนิน และพิมพ์ที่โรงพิมพ์ "ชัยฤทธิ์"
ผมค่อนข้างคุ้นเคยกับคนของสยามรัฐหลายคน รวมทั้งคุณชายคึกฤทธิ์ เนื่องจากผมก็เป็นคนหนังสือพิมพ์ทำงานอยู่ในค่ายใหญ่โตคืออยู่กับ "เสียงอ่างทอง" (ไทยรัฐ) ที่ซอยวรพงษ์
สยามรัฐ เป็นหนังสือพิมพ์ที่มีคนอ่านมากฉบับหนึ่ง เพราะข้อเขียนของคุณชายคึกฤทธิ์เป็นแกนหลัก ว่าด้วยเกมทางการเมืองเป็นส่วนใหญ่ จำได้ว่าเมื่อปี ๒๕๐๐ กึ่งพุทธกาล มีการเลือกตั้งที่เป็นโคตรสกปรก โกงสะบั้น ทั้ง พลร่ม ไพ่ไฟ บัญชีผี จนผู้ชนะการเลือกตั้งได้แก่ จอมพล ป. พิบูลสงคราม ผู้แพ้การเลือกตั้งคือ นาย ควง อภัยวงศ์
สยามรัฐดับเครื่องชนทุกรูปแบบ แม้แต่ "สยามรัฐสัปดาห์วิจารณ์" ก็ผสมโรง "ยกเล่มด่า" แหลก ได้รับความสนใจและได้รับเสียงเข้าข้างเป็นจำนวนมากจากประชาชน จนบ้านเมืองต้องออกประกาศภาวะฉุกเฉินโดย จอมพล สฤษดิ์ ธนะรัฐ ประกาศแล้วก็เรียกบรรณาธิการไปพบในวังสวนกุหลาบ โดยจอมพล สฤษดิ์ เป็นประธานในการแถลงข่าว
ฝ่ายหนังสือพิมพ์ก็แสบพอสมควร มีบรรณาธิการคนหนึ่งถามโพล่งออกไปเลยว่า ไอ้ที่ประกาศภาวะฉุกเฉินเนี่ย เป็นเพราะมีการโกงเลือกตั้งใช่ไหม ประธานที่ประชุมไม่ตอบ กลับเจรจาเบี่ยงเบนประเด็นไปพักหนึ่งจน นาย ประหยัด ศ.นาคะนาท จากสยามรัฐถามซ้ำ ประธานจึงตอบ
"ใช่ก็ใช่"
ด้วยเหตุนี้ ผมได้รับคำบอกเล่าจากคนในสยามรัฐเองว่า คุณชายทนไม่ได้ หนังสือพิมพ์จำเป็นต้องลุกขึ้นมาสู้กับความไม่เป็นธรรม ต่อสู้เพื่อเรียกหาประชาธิปไตย พูดแล้วท่านก็รับเป็น บรรณาธิการเสียเองทั้ง รายวันและรายสัปดาห์ เพื่อไม่ให้คนของสยามรัฐเดือดร้อน
เข้าฮอร์สไปเลยครับ หลังจากนั้นไม่นานคุณชายก็หวดด้วยหวายเผ็ดร้อนตามด้วยการ์ตูนจากประยูร จรรยาวงษ์ รัฐบาลมีทางเดียวคือจับสยามรัฐข้อหากบถ มีการสู้ความจนกระทั่งจอมพล สฤษดิ์ออกมาทำการปฏิวัติแล้ว ศาลจึงยกฟ้อง
กลับมาว่าด้วยเรื่องราว "หนูหล่อ" ที่ผมยกย่องว่าเป็นความหลักแหลมของสยามรัฐ ทำให้ผมได้รู้และยอมรับตามข่าวของสยามรัฐอีกคนว่า หนูหล่อคนนี้เป็นเด็กผู้ชายอย่างแน่นอน ด้วยเหตุผลอันเดียวคือ ถ้าเป็นเด็กหญิงพ่อเขาก็คงไม่พาไปเห็นหมี
เรื่อง "หนูหล่อ" จากแบบเรียนเร็วนี้ ผมเคยอ่านแต่ไม่เคยสนใจว่าหนูหล่อจะเป็นเด็กผู้ชายหรือเด็กผู้หญิง ถึงวันนี้ ผมก็จำความไม่ได้แล้วว่าเรื่องราวเป็นอย่างไร จำได้บ้างเล็กน้อยว่า
หนูหล่อ พ่อเขาพาไปดูหมี ที่นาตาหมอหลอ หนูหล่อแสนซน เอาไม้แหย่หมี...
แหย่แล้วจะเป็นอย่างไรต่อไปผมก็จำไม่ได้ ถ้าใครรู้ก็ช่วยบอกผมที เพราะเกิดสนใจเด็กผู้ชายอย่างหนูหล่อเสียแล้วครับ
นอกจากผมจะสนใจหนูหล่อแล้ว ผมยังสนใจนาตาหมอหลอด้วย ถ้าจะต้องค้นคว้ากันทางด้านเกษตรก็เกิดความสงสัยไปอีกว่า นาตาหมอหลอ นั้นตั้งหน้าตั้งตาเลี้ยงหมี หรือว่าทำนากันแน่ ? และการเลี้ยงหมีจนกระทั่งมีหนูหล่อไปดูมานั้น เป็นความผิดของตาหมอหลอเข้าข่ายเลี้ยงสัตว์สงวนหรือไม่ ?
ความซนของหนูหล่อที่รักการผจญภัยประหนึ่งเป็น แฮร์รี พอทเตอร์ เป็นนิสัยเติมการพิสูจน์ยืนยันว่าหนูหล่อเป็นเด็กผู้ชายจริง เพราะเข้าใจหาไม้มาแหย่หมี ส่วนหนูหล่อจะหาไม้มาได้จากที่ไหนผมก็ไม่ได้สนใจ กลับไปสนใจว่า เมื่อหมีถูกแหย่ด้วยไม้หนูหล่อแล้ว หมีมีความรู้สึกอย่างไร
ชอบหรือโมโห ? ถ้าชอบแล้วหมีจะทำอาการอย่างใด หรือว่าถ้าโมโหแล้วเป็นอย่างไร ?
ในความทรงจำที่เลือนรางของผม เรื่องราวในแบบเรียนเร็วเล่มนั้น หมีน่าจะโมโห จนทำให้หนูหล่อกลับบ้านและไม่ยอมไปดูหมีที่นาตาหมอหลออีก
เมื่อไม่ได้ไปดูหมีที่นาตาหมอหลอแล้ว ผมก็คิดไปเองว่าหนูหล่อผู้รักการผจญภัยน่าจะเกิดความหงุดหงิด ทำให้อยากไปดูหมีในที่อื่น ๆ และหลังจากหนูหล่อพบหมีตัวอื่นแล้ว ลักษณะนิสัยของหมีตัวใหม่จะเหมือนตัวเก่าหรือไม่ก็คงไม่เป็นปัญหา เพราะผมเข้าใจดีว่าผู้แต่ง หนูหล่อภาค ๒ คงสร้างเรื่องให้หมีตัวใหม่มีนิสัยตรงข้ามกับตัวแรก กล่าวคือ เมื่อหมีโดนหนูหล่อเอาไม้แหย่ ก็เกิดอารมณ์ชอบขึ้นมาทันที
กลายเป็นความสัมพันธ์ส่วนตัวระหว่างหนูหล่อกับหมีไปในที่สุด โรแมนติคเป็นบ้าไปเลย...!
แล้วหนูหล่อเมื่อเติบโตเป็นผู้ชายที่โตแล้ว ก็คงจะติดนิสัยเดิมๆ อยู่ เหมือนเด็กบางคนติดผ้าห่ม บางคนติดหมอน แต่หนูหล่อของผมติดไม้แหย่หมี เที่ยวแหย่หมีเรื่อย ๆ ไปทุก ๆ ตัวที่ได้พบด้วยความสำเริงสำราญเบิกบานใจ และด้วยความฮึกเหิมเกริมว่าเป็นผู้ชายคนเดียวหรืออีกคนของโลกที่มีความสามารถเฉพาะตัว มีศิลปะในการใช้ไม้แหย่หมี จนกระทั่ง...
...สุดท้ายแล้ว นายหล่อก็มีอันเสร็จหมีจนได้ เข้าทำนอง แกว่งเท้าเปล่าหาเสี้ยน หรือพูดให้ตรงประเด็นหน่อยก็คือ แกว่งคอหาเนคไท นั่นแหละครับ...!