เป้าหมายใหม่ วันที่ 19 มีนาคม 2488 เครื่องบินทิ้งระเบิด B-24 จากฝูงบิน 95 กองบิน 10 ประเทศอินเดียไม่ทราบจำนวน ทิ้งระเบิดใส่สถานีรถไฟชุมพร สะพานข้ามแม่น้ำท่าตะเภา และทางรถไฟสายคอคอดกระ เกิดความเสียหายอย่างหนักต่อสถานีรถไฟชุมพร หัวรถจักรและตู้รถไฟถูกทำลายทิ้งจำนวนมาก เนื่องจากชุมพรไม่มีปืนต่อสู้อากาศยานญี่ปุ่นหรือไทยช่วยปกป้องสถานีรถไฟ
วันที่ 2 เมษายน 2488 เครื่องบินทิ้งระเบิด B-24 จากฝูงบิน 458 ประเทศอังกฤษ กองบิน 10 ประเทศอินเดียไม่ทราบจำนวน บินมาทิ้งระเบิดขนาด 1,000 ปอนด์ใส่สะพานข้ามแม่น้ำแควซึ่งกำลังซ่อมแซมโดยเชลยศึก ผลการโจมตีสะพานท่ามะขามเสียหายยับเยินไม่อาจใช้งานได้อีกต่อไป
จุดยุทธศาสตร์สำคัญอย่างชุมพรกับสะพานท่ามะขามฝ่ายสัมพันธมิตรจัดการได้แล้ว ลองทายกันดูสักนิดเครื่องบินทิ้งระเบิดจะแวะไปเยี่ยมเยียนสถานที่ไหน คำตอบก็คือปากทางเข้าอีสาน
วันที่ 3 เมษายน 2488 เครื่องบินทิ้งระเบิด B-24 จากฝูงบิน 356 ประเทศอังกฤษ กองบิน 10 ประเทศอินเดียไม่ทราบจำนวน ทิ้งระเบิดใส่สถานีรถไฟแก่งคอยในเวลา 16.00 น. ส่งผลให้สถานที่ราชการ สถานีรถไฟ สถานีจ่ายไฟ ตลาด วัด และบ้านเรือนประชาชนเสียหายอย่างหนัก คนแก่งคอยเสียชีวิตจากเหตุการณ์ดังกล่าวประมาณ 100 คน มีผู้ได้รับบาดเจ็บประมาณ 200 คน
ระหว่างสงครามโลกมีทหารญี่ปุ่นในสระบุรีจำนวนพอสมควร มีค่ายเชลยศึกหน้าสถานีรถไฟพระฉาย มีเชลยศึกชาวออสเตรเลียอยู่ในค่ายหนึ่งพันกว่าราย พันตรีกฤช ปุณณกันต์ ผู้บังคับ ม.พัน 1 รอ. ทหารม้ากองทัพที่ 2 ค่ายอดิศร จังหวัดสระบุรี ซึ่งถูกส่งมาดูแลแก่งคอยพร้อมลูกน้องทั้งกองพันจำนวน 1,400 นาย พันตรีกฤชพยายามติดต่อเชลยศึกด้วยจดหมายน้อยหลายครั้ง เพื่อนัดหมายว่าเมื่อเครื่องบินฝ่ายสัมพันธมิตรทิ้งอาวุธทันสมัยให้ตัวเองกับลูกน้องจะปล้นค่ายเชลย ขอให้เชลยทุกคนเตรียมจับอาวุธต่อสู้กับทหารญี่ปุ่น
บังเอิญสิ่งที่เครื่องบินฝ่ายสัมพันธมิตรทิ้งลงมากลับกลายเป็นลูกระเบิด
เครื่องบินทิ้งระเบิด B-24 บินผ่านแก่งคอยจำนวน 42 เที่ยวบิน แต่ละเที่ยวบินจะปลดระเบิด 12 นัด โดยมีเพียงเที่ยวบินเดียวปลดระเบิด 8 นัด รวมเบ็ดเสร็จวันนั้นแก่งคอยโดนเข้าไป 500 นัดมีระเบิดด้าน 3 นัด ตั้งแต่ 16.00 น. ถึง 18.00 น.ถือเป็นการทิ้งระเบิดที่หนักหน่วงยิ่งกว่ากรุงเทพ
ก่อนมีการทิ้งระเบิดคนแก่งคอยเตรียมพร้อมรับมือไว้แล้ว ทุกครัวเรือนจะกินข้าวให้อิ่มหนำก่อนเก้าโมงเช้าแล้วอพยพมาหลบภัยร้ายตามป่าเขา บ่ายสี่โมงถึงเดินทางกลับบ้านเพราะคิดว่าปลอดภัยแน่นอน บังเอิญเครื่องบินทิ้งระเบิด B-24 ดันเริ่มโจมตีตอนบ่ายสี่โมง ความสูญเสียที่เกิดขึ้นจึงมีมากเกินคำบรรยาย ตลาดแก่งคอยมองไปทางไหนเห็นแต่ไฟไหม้กลุ่มควันสีดำลอยสูงลิบ
พันตรีกฤช ปุณณกันต์ กับทหาร ม.พัน 1 รอ.ต้องทำงานหนักมาก ทั้งปิดเส้นทางไม่ให้ชาวบ้านที่อื่นเข้ามาขโมยข้าวของซ้ำเติม จัดทหารเสนารักษ์ดูแลคนเจ็บตามมีตามเกิด วันรุ่งขึ้นให้พลาธิการขนข้าวสารแจกจ่ายชาวบ้าน เร่งติดต่อกองทัพหรือจังหวัดส่งยานพาหนะรับคนเจ็บไปโรงพยาบาล (สมัยนั้นเส้นทางแก่งคอย-สระบุรีเถื่อนมาก ทหารและชาวบ้านต้องใช้ม้าเดินทาง) ขอยา ข้าวสาร อาหารแห้งเพิ่มเติมเพื่อแจกจ่ายคนในพื้นที่ ปิดท้ายด้วยจัดการเรื่องศพอย่างรวดเร็วก่อนเกิดโรคระบาด
จากบันทึกพันตรีกฤช ปุณณกันต์ ทหารเสียชีวิต 1 นาย ประชาชนประมาณ 80 คนไม่รวมที่ส่งไปโรงพยาบาลและหาศพไม่เจอ ตลาดแก่งคอยเสียหายอย่างหนักผู้คนไร้บ้านเรือนจำนวนมาก ทหารต้องสร้างห้องแถวทำจากไม้ไผ่จำนวน 20 ห้องให้พักอาศัยเป็นการชั่วคราว
เหตุผลที่มีการทิ้งระเบิดใส่แก่งคอย พันตรีกฤช ปุณณกันต์ (ยศสุดท้ายพลเอก) ระบุไว้ว่า ก่อนเกิดเหตุเพียงหนึ่งวันมีขบวนรถไฟทหารญี่ปุ่นจำนวน 2 ขบวน เดินทางมาหยุดที่สถานีแก่งคอยประมาณครึ่งชั่วโมงก่อนไปโคราช แนวที่ห้าหรือสายลับหรือเสรีไทยซึ่งแฝงตัวอยู่ในแก่งคอย อาจคิดว่าทหารญี่ปุ่นเดินทางมาที่แก่งคอยรีบส่งข้อมูลให้กับต้นสังกัด เครื่องบินทิ้งระเบิด B-24 จึงเล็งเป้าหมายมาที่สถานีรถไฟซึ่งอยู่ติดตลาด ไม่สนใจค่ายทหารไทยขนาดใหญ่ห่างออกไปเพียงสองกิโลเมตรกว่า เป็นการตั้งข้อสังเกตุเฉยๆ เพราะที่ผ่านมาแก่งคอยไม่มีอะไรให้ฝ่ายสัมพันธมิตรต้องหนักใจ
แก่งคอยถือเป็นสิ่งบ่งบอกความเลวร้ายของสงครามได้เป็นอย่างดี