กระผมความรู้กระท่อนกระแท่น แต่ก็เทียบไม่ได้ความคุณหลวงเล็กที่มีอยู่เต็มเปี่ยม ดังนั้นจะขอตั้งคำถามสักเล็กน้อยเกี่ยวกับเรื่องความเป็นมาของรามเกียรติ์สักหน่อยว่า ในประเทศไทยนี้มีบทพระราชนิพนธ์เรื่องรามเกียรติ์ตั้งแต่รัชกาลที่ ๑,๒,๔,๕ และ ๖ เป็นต้นมานั้น อันว่ารามเกียรติ์ที่ไทยรับเอามานั้นมีรากกำเนิดมาจากที่ใด ซึ่งมีทั้งชวา ทั้งเขมรเป็นต้น และบทพระราชนิพนธ์ที่นำมานิพนธ์นั้น สมัยรัชกาลที่เท่าไร มีต้นกำเนิดผิดจากกลุ่มครับ หากยกแผนผังได้ยิ่งจะเป็นประโยชน์ได้ยิ่งดี ครับ
เป็นคำถามที่ลึกและกว้างไพศาลปานห้วงนทีสีทันดรที่พญาครุฑอุ้มกากีบินผ่าน
ท่านผู้ถามก็ถ่อมตนเหลือเกินว่า รู้น้อยรู้กระท่อนกระแท่น แต่แหม ชัดลูกธนูมายังกับฝนแสนห่า
รามเกียรติ์ไทยนั้น เน้นเฉพาะที่เป็นพระราชนิพนธ์ ต้นกำเนิดเดิม คงต้องอ้างเอารามายณะเป็นหลักก่อน
เนื่องจากเป็นเรื่องพระรามกระแสหลัก ซึ่งได้แตกลูกแตกสาขาไปทั่ว แน่นอนว่ารามเกียรติ์ไทย
ไม่ได้รับมาเฉพาะรามายณะเท่านั้น แต่ยังมีเรื่องพระรามสำนวนอื่น เช่น รามายณะของทมิฬ
และรามายณะท้องถิ่นอื่นๆ ที่มาประกอบกวนกลั่นเป็นรามายณะไทย
เรื่องพระรามของชวานั้น เคยอ่านมาเหมือนกัน ดูไม่ค่อยส่งอิทธิพลกับรามเกียรติ์ไทยเท่าใดนัก
ในเขมร ในสมัยเขมรโบราณ ซึ่งดูนิยมสันสกฤตมาก คงจะยึดเรื่องรามายณะเป็นหลัก
ดังมีจารึกเขมรบางหลัก กล่าวถึงการสวดอ่านรามายณะตามเทวาลัยต่างๆ
ส่วนเรื่องรามายณะท้องถิ่นของเขมรโบราณนั้น ไม่มีบันทึกเหลือมาให้พิจารณา
ส่วนรามเกรติ์ ของเขมรสมัยหลัง ก็ไม่ครบบริบูรณ์ ตอนต้นเคยอ่านแล้ว ไม่สู้ต่างจากของไทยเท่าใด
ยิ่งตอนปลาย ใครที่เคยอ่านจะร้องอ๋อเลยว่า แปลไปจากไทยสมัยรัชกาลที่ ๑ เทียบได้แบบวรรคต่อวรรค
รามเกียรติ์พระราชนิพนธ์ รัชกาลที่ ๑-๒-๔-๕ จะเป็นรามเกียรติ์สำนวนแนวเดียวกัน เป็นรามเกียรติ์ไทย
มีแต่รามเกียรติ์รัชกาลที่ ๖ ที่เป็นรามายณะ เพราะทรงแปลและแปลงจากหนังสือฝรั่งมา
ทั้งนี้เพราะการที่ได้รับอิทธิพลการศึกษาภารตวิทยามาจากตะวันตกมาก
ผมตอบย่อๆ เท่านี้ก่อน เพราะเอกสารอยุ่ไกลตัว พรุ่งนี้จะมาตอบใหม่