จำคุกตลอดชีวิต 8 คน คือ ส.ท.ม.ล.ทวีวงศ์ วัชรีวงศ์ ส.อ.เข็ม เฉลยทิศ ส.อ.ถม เกตุอำไพ ส.อ.เท้ง แซ่ซิ้ม ส.อ.กวย สินธุวงศ์ ส.ท.แผ้ว แสงสูงส่ง ส.ท.สาสน์ คลกุล จ่านายสิบสาคร ภูมิทัต
จำคุก 20 ปี 3 คน คือ ส.อ.แช่ม บัวปลื้ม ส.อ.ตะเข็บ สายสุวรรณ ส.ท.เลียบ คหินทพงษ์
จำคุก 16 ปี 1 คน คือ นายนุ่ม ณ พัทลุง
ส.อ.สวัสดิ์ มะหะมัด จึงเป็นนักโทษประหารในคดีการเมืองคนแรกของไทยในสมัยประชาธิปไตย โดยนำไปยิงเป้า ณ ป้อมพระจุลจอมเกล้า ในตอนเช้าวันที่ 13 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2478
ฝ่ายจำเลยไม่มีใครคิดว่าจะเจอการลงโทษหนักถึงขนาดนั้น เพราะจะว่าไปก็ยังไม่มีการกระทำใดๆเกิดขึ้น ไม่มีความเสียหายเกิดขึ้นกับฝ่ายใด แต่ก็ไม่มีใครทำอะไรได้ ศาลพิเศษไม่เปิดโอกาสให้อุทธรณ์ฏีกา ตัดสินแล้วก็ตัดสินเลย
ออกจากศาล นักโทษทั้งหมดถูกส่งไปคุกบางขวาง ซึ่งเป็นคุกมหันตโทษสำหรับนักโทษเด็ดขาด พอเข้าไปก็ต้องถูกตีตรวนทันที สวัสดิ์ ที่โดนคำสั่งประหารถูกตีตรวนถึงขนาด 8 หุนแถมต้องถูกส่งตัวไปอยู่แดน 1 ซึ่งเป็นแดนสำหรับนักโทษชั้นเลว ข้อหาฉกรรจ์ทั้งนั้น
เหตุการณ์เล็กๆในตอนหนึ่งที่เล่าไว้ในเรื่องนี้ ที่ขอนำลงในกระทู้ เพราะอ่านแล้วสะเทือนใจ คิดว่าท่านที่เข้ามาอ่านก็คงรู้สึกคล้ายคลึงกัน คือกบฏนายสิบเจอนักโทษขังเดี่ยวคนหนึ่งนั่งซึมอยู่ก่อนหน้านั้นแล้ว
คำแรกที่นักโทษผู้นี้ทักทายกลุ่มกบฏก็คือ
"ทนเอาหน่อยน้องชาย ฉันก็ต้องตายที่นี่เหมือนกัน ฉันพระยาธรณีนฤเบศร์"
ทราบเรื่องราวของนายพันตำรวจเอกพระยาธรณีนฤเบศร์เพียงเท่านี้ จากนั้นก็ไม่พบหลักฐานในบั้นปลายชีวิตของท่านอีก ไม่ทราบว่าท่านได้รับอภัยโทษกลับมาสู่อิสรภาพได้หรือว่าไม่มีโอกาส
แต่ก็ขอบันทึกถึงท่าน ด้วยความสงสารจับใจ และเห็นใจในการทำหน้าที่อย่างซื่อตรงและถูกต้อง อย่าลืมว่าทั้ง 2 ครั้งที่ท่านรายงานต่อผู้ใหญ่ ทั้งสมเด็จเจ้าฟ้ากรมพระนครสวรรค์ฯ และพระยามโนฯ นายกรัฐมนตรี เป็นรายงานที่ถูกต้องตรงตามความจริงทั้งนั้น
เคราะห์ร้ายเกิดขึ้น เพราะว่าผู้ใหญ่ไม่ได้พิจารณารายงานของท่านอย่างหลวงพิบูลฯพิจารณารายงานของนายสิบรถถัง