ละครในเวทีชีวิตจริงบทนี้ จัดให้ พันโทพระสุวรรณชิต เป็นสายลับที่กินเงินเดือนแต่ไม่มีผลงาน จึงสงสัยว่าจะเป็นฝ่ายโน้น กับพันตรีหลวงสงครามวิจารณ์ ผู้ซึ่งเป็นอดีตผู้ใต้บังคับบัญชาของพระยาทรงสุรเดช เป็นผู้แสดงนำ
ข้อความโดย: NAVARAT.C
ในวันที่ผู้เผด็จการส่งลูกน้องไปจับกุมตัวพระยาทรงสุรเดชที่กรมทหารราชบุรี ได้แยกสายกันจับอดีตนายทหารคนสนิทของท่านในที่ต่างๆกันด้วย พันตรีหลวงราญรณกาจ ได้ต่อสู้จนถูกยิงตาย พันตรีหลวงวรณสฤช ถูกจับที่ปากพนัง เมื่อสันติบาลคุมตัวมาถึงชุมพร ผู้ต้องหารายนี้ได้ฆ่าตัวตาย พันตรีหลวงสงครามวิจารณ์ออกจากราชการไปประกอบอาชีพส่วนตัวอยู่ยะลา ทางราชการแถลงว่าระหว่างทางมีคนร้าย๙คนจะเข้ามาแย่งตัว หลวงสงครามวิจารณ์พยายามจะแย่งปืนจากตำรวจจึงถูกยิงตาย เบื้องหลังนั้นไม่มีใครทราบว่านายทหารทั้งสามเจตนาจะให้ตนเองตาย หรือมีใครจัดให้
ความจริงแล้วพระสุวรรณชิต กับหลวงสงครามวิจารณ์อยู่คนละขั้ว ทางเดินไม่ทับกันอยู่แล้ว ช่วงเกิดเหตุ คนหนึ่งอยู่กรุงเทพอีกคนลาออกไปทำสวนอยู่ที่ยะลา ยังเขียนบทดั้นให้ไปนัดกินข้าวกันได้แถวหน้ากรมทหารบางซื่อ ซึ่งเป็นถิ่นศัตรู ระบุวันที่เสียด้วยคือวันที่๘พฤศจิกายน ๒๔๘๑ การระบุถึงวันที่นี้ทำให้ฝ่ายจำเลยงงเป็นไก่ตาแตกที่จะต้องแก้ว่า วันดังกล่าวนั้น จำเลยไม่ได้อยู่ในร้านนายเซ็งนำที่เกิดเหตุ ก็มันหลายปีมาแล้ว ขนาดตัวจำเลยยังจำไม่ได้ คนรู้จักที่จำเลยขอมาให้การเป็นพยานจะไปจำความละเอียดถึงวันที่นั้นนี้โน้นได้อย่างไร ศาลเลยไม่ให้น้ำหนักและเชื่อว่า ณ วันเวลา และสถานที่ดังกล่าว จำเลยนัดหมายนายลี และ ม.ร.ว.ประยูร (ลูกพี่ลูกน้องของหลวงสงครามวิจารณ์ซึ่งสันติบาลไปตะครุบมาตั้งข้อหา แล้วตอนหลังถูกกันให้เป็นพยานโจทก์) ไปไหว้วานให้คนหนึ่งไปฆ่าหลวงพิบูล อีกคนหนึ่งไปฆ่าพระยาพหล โดยไม่มีค่าจ้างและค่าใช้จ่ายล่วงหน้าแต่ประการใด นอกจากคำมั่นสัญญาว่าถ้าทำสำเร็จแล้วเงินทองจะมาภายหลัง ส่วนจะให้ไปฆ่าเขาอย่างไร สำหรับนายลีก็ไม่ได้บอกหรือมอบเครื่องมือฆ่าให้ ทำให้นายลีต้องไปขโมยปืนนายที่ทิ้งไว้ในรถแล้วขึ้นเรือนไปยิงนายทั้งๆที่ตัวเมา ส่วน ม.ร.ว.ประยูรซัดทอดผู้ที่ตายไปแล้วว่า เอายาพิษใส่ซองส่งให้ตนเอาไปวางยาพระยาพหล แต่ตัวเองใจไม่ถึงจึงเอาทิ้งลงคลองไปแล้ว
ที่ตลกที่สุด เรื่องใหญ่ขนาดนี้ แทนที่จะนัดมาทีละคน แล้วมอบงานกันลับๆ แต่นี่กลับเรียกมือสังหารมาพร้อมๆกัน คนหนึ่งเป็นหม่อมราชวงศ์ อีกคนหนึ่งเป็นคนสวนมาจากอีสาน ต่อหน้าใครก็ไม่รู้อีกสามคน ศาลระบุว่าชาย๒หญิง๑
นายตำรวจสันติบาลเจ้าของคดีที่ทำสำนวนคดีนี้ชื่อพันตำรวจตรี หลวงแผ้วพาลชน ซึ่งได้ดิบได้ดีในราชการการเมืองต่อจากนั้นเป็นต้นมา เพราะทำให้ทั้งอัยการและศาลที่เคารพเชื่อว่าจำเลยผิดจริง ให้ประหารชีวิตทั้งพระสุวรรณชิตและนายลี บุญตา