บทที่ ๒
ภาพที่เห็นคือผู้ชายร่างผอม ผมเผ้าหนวดเครารุงรัง กำลังจิกผมหญิงชรา กระชากจนหัวสั่นหัวคลอน อีกมือก็ฟาดลงไปตามใบหน้าและร่างกายท่อนบนอย่างไม่นับ
ฝ่ายถูกทำร้าย ร้องกรีดลั่น ยกมือไหว้ปลกๆขอความเมตตา แต่อีกฝ่ายจะปล่อยก็หาไม่ ยังคงตบตีไม่ยั้ง
ปลิวตรงเข้าไปกระชากมือฝ่ายชาย เหวี่ยงฝ่ายนั้นออกไปเต็มแรง หงายหลังก้นกระแทกพื้นดัง “ปั้ก” แล้วล้มก้นจ้ำเบ้ากองอยู่ตรงนั้น
เขาหันไปประคองหญิงชราขึ้น นางร้องไห้ฮือๆน้ำตาอาบน้ำ ตัวสั่นเทา
“ ป้าสุข นี่มันอะไรกันน่ะ ป้า”
ไม่มีเสียงตอบ ปลิวจึงหันไปมองฝ่ายชาย มองฝ่าผมเผ้าหนวดเครารุงรังของชายร่างผอมเกร็งเข้าไปจนเห็นดวงหน้า ครางออกมา
“ อ้าว! ไอ้ต๋อง”
เพื่อนเก่าของเขานั่นเอง สารรูปไม่ต่างจากคนบ้าที่เดินกระเซอะกระเซิงอยู่ริมถนน มีแต่แววตาที่มองออกมา แสดงว่ารับรู้ทุกอย่างได้
เขายันตัวลุกขึ้น ยืนโงนเงนไปมา
“ ไอ้ระยำ เรื่องอะไรของมึง เสือก...” เสียงด่าเขาพรั่งพรูออกมาราวกับห่าฝน
นางสุขยังคงจับแขนชายหนุ่มไว้แน่น ตัวสั่นเทิ้ม ปลิวจึงตัดสินใจประคองนางออกมาจากห้อง มายังบริเวณด้านหน้าตัวบ้าน ส่วนลูกชายยังคงยืนจังก้า ด่าโขมงอยู่ตามลำพัง
นางสุขลงนั่งบนม้ายาวเก่าๆจะพังมิพังแหล่ ยกชายเสื้อคอกระเช้าขึ้นเช็ดน้ำตา
“ มันเรื่องอะไรกันน่ะ ป้า” ปลิวซัก “ ไอ้ต๋องมันป่วยหรือครับ ทำไมไม่มีใครเอาไปโรงพยาบาล”
“ เอาไปแล้ว” นางสุขตอบ เสียงกะท่อนกะแท่น “ เอาไปหลายหนแล้ว ไม่นานหมอเขาก็ปล่อยออกมา มันก็..ก็เป็นงี้แหละ”
“ โธ่!มันบ้า ป่วยทางจิตน่ะเอง” ปลิวครางออกมาอย่างเข้าใจ “ แต่ไม่ไหวนะป้า ต้องให้กินยาสม่ำเสมอ ไม่งั้นมันคลุ้มคลั่งขึ้นมาก็ทำร้ายป้า จะไหวหรือ”
“ ไหวไม่ไหว ก็ต้องไหวละ” นางสุขซับน้ำตาอีก “ ยามันก็กินมั่งไม่กินมั่ง บางทีมันก็เขวี้ยงยาทิ้ง ป้าก็จนปัญญา ไม่รู้จะทำยังไง”