NAVARAT.C
|
ความคิดเห็นที่ 30 เมื่อ 25 ก.ค. 15, 07:56
|
|
เมื่อจบการศึกษาในปีพ.ศ.๒๔๑๙ ได้เสด็จกลับมาเมืองไทยเพื่อเข้าเฝ้าพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าฯ พร้อมทั้งทูลเกล้าฯถวายรางวัลและประกาศนียบัตรต่างๆ ได้รับพระราชทานทั้งเงินรางวัลและเครื่องราชอิสริยาภรณ์ เป็นเครื่องหมายว่าทรงชื่นชมยินดี
ทรงโปรดเกล้าฯให้เข้ารับราชการ เป็นผู้ช่วยสมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ พระองค์เจ้าเทวัญอุไทยวงศ์ กรมหมื่นเทวะวงศ์วโรปการ แล้วทำงานแบบปล่อยเดี่ยวให้ไปเที่ยวสำรวจลำคลองต่างๆเพื่อจะชักน้ำเข้าคลองเปรมประชากร สำหรับมาทำน้ำประปาสำหรับกรุงเทพ
ระหว่างนั้น ก็มีงานนอกที่ทรงใช้ให้ช่วยพระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้าจาตุรนต์รัศมี กรมพระจักรพรรดิพงศ์ ต้อนรับแขกบ้านแขกเมือง ทำให้หม่อมเจ้าปฤษฎางค์ทรงมีโอกาสใกล้ชิดสนิทสนมกับเจ้านายพระองค์นี้
แต่อยู่เมืองไทยได้ปีเดียว ก็มีพระบรมราชานุญาตให้กลับไปศึกษาต่อ หลังจากนั้น ในปี ๒๔๒๑ สยามเกิดปัญหาการเมืองกับ นายโทมัส น๊อกซ์ กงสุลใหญ่อังกฤษประจำกรุงเทพ จึงโปรดเกล้าฯให้พระยาภาสกรวงศ์ (พร บุนนาค) เป็นอัครราชทูตพิเศษ เดินทางไปเจรจากับรัฐบาลอังกฤษเรื่องของนายน๊อกซ์ โดยทรงมีหมายให้ไปแต่งตั้งหม่อมเจ้าปฤษฎางค์เป็นตรีทูต การเจรจาครั้งนั้นหม่อมเจ้าปฤษฎางค์ได้ทำหน้าที่เลขานุการเอก เพราะตัวจริงที่ไปจากกรุงเทพเกิดป่วย คณะทูตทำงานประสพผลสำเร็จเป็นเลิศ รัฐบาลอังกฤษเชื่อถือข้อมูลของไทย จึงโทรเลขมาเรียกตัวกงสุลผู้นั้นกลับไป
ก่อนที่คณะทูตจะเดินทางกลับ พระยาภาสกรวงศ์ยังได้ออกหนังสือแต่งตั้งให้เป็นอุปทูตผู้แทนประจำกรุงลอนดอน มีหน้าที่รับและส่งเอกสารความเมืองที่ยังโต้ตอบกันไปมาไม่แล้วเสร็จอีกหลายเรื่อง ซึ่งสามารถกระทำควบคู่ไปกับการฝึกงานวิศวกรรมได้ จนจบการศึกษาในปี พ. ศ. ๒๔๒๓
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
NAVARAT.C
|
ความคิดเห็นที่ 31 เมื่อ 25 ก.ค. 15, 07:57
|
|
เมื่อหม่อมเจ้าปฤษฎางค์กลับมากรุงเทพเพื่อร่วมงานในงานออกพระเมรุสมเด็จพระนางเจ้าสุนันทากุมารีรัตน์ ทรงมีโอกาสเข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทอย่างสนิทสนม บนเรือพระที่นั่งเสด็จขณะประพาสหัวเมืองชายฝั่งทะเลตะวันออก ปลายปี พ. ศ. ๒๔๒๔ ได้รับพระกรุณาโปรดเกล้าฯแต่งตั้งให้เป็นราชทูตพิเศษ ไปเจริญพระราชไมตรีในออสเตรีย กับปรัสเซีย และอยู่ต่อเพื่อทำธุระสำคัญอื่นๆ การไปครั้งนี้ โปรดเกล้าฯให้นำสมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ พระองค์เจ้าสวัสดิโสภณ และบุตรหลานข้าราชการอีกหลายคนออกไปศึกษาในประเทศอังกฤษด้วย
ในปีพ.ศ.๒๔๒๖นี้เอง ในขณะที่มีพระชนมายุเพียง ๓๒ ชนษาเท่านั้น พระชะตาของพระองค์บรรลุถึงขีดสูงสุดของชีวิต เพราะระหว่างเตรียมการที่จะกลับกรุงเทพ ก็ได้รับหนังสือคำสั่งราชการกระทรวงการต่างประเทศ กับพระราชสาส์นตราตั้งให้เป็นอัครราชทูตประจำประเทศต่างๆรวม ๑๒ ฉบับ ที่ข้าราชการเฉพาะกิจเชิญมาถวายที่กรุงลอนดอน
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
NAVARAT.C
|
ความคิดเห็นที่ 32 เมื่อ 25 ก.ค. 15, 07:59
|
|
ในปีพ.ศ.๒๔๒๗ ได้รับพระมหากรุณาเลื่อนขึ้นเป็นพระองค์เจ้า หลังทรงมอบงานสถานทูตในลอนดอนซึ่งดูแลอังกฤษและอเมริกาให้สมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ กรมหมื่นนเรศวรฤทธิ์แล้ว พระองค์เจ้าปฤษฎางค์ทรงย้ายนิวาสสถานไปอยู่กรุงปารีส ทรงตั้งสถานทูตไทยเพื่อดูแลประเทศบนภาคพื้นยุโรปอีก ๑๐ ประเทศที่เหลือ
ในช่วงเวลานั้น กษัตริย์พม่ากำลังพยายามดิ้นอย่างจนตรอกที่จะให้หลุดจากกรงเล็บสิงโตอังกฤษ ด้วยการส่งคณะราชทูตมาฝรั่งเศสเพื่อจะหาทางจูงใจฝรั่งเศสให้เข้าไปขัดขวาง แต่ฝรั่งเศสก็บ่ายเบี่ยงไม่ให้เข้าเฝ้าจนอังกฤษชนะสงคราม ยึดพม่าทั้งประเทศเป็นเมืองขึ้นโดยบริบูรณ์ คณะราชทูตพม่าเลยเคว้งคว้างต้องมาขอมาปรับทุกข์กับท่านอัครราชทูตไทย พระองค์เจ้าปฤษฎางค์ได้ช่วยแก้ปัญหาจนได้ฝรั่งเศสยอมรับเป็นสปอนเซอร์พาคณะราชทูตพม่ากลับบ้านกลับเมือง เสร็จแล้วพระองค์เจ้าปฤษฎางค์จึงรวบรวมข้อมูลมากมายถวายรายงานมาทางกรุงเทพ
พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าฯทรงเห็นปฏิบัติการยึดเมืองขึ้นของอังกฤษน่าหวาดหวั่น จึงทรงพระราชทานพระราชหัตถเลขามาหารือ ให้แสดงความเห็นถวายเป็นการส่วนพระองค์ แต่พระองค์เจ้าปฤษฎางค์กลับนำพระราชกระแสดังกล่าวไปประชุมปรึกษากับเจ้านายทุกพระองค์และข้าราชการผู้ใหญ่บรรดามีในทั้งสองสถานทูต สรุปว่าจะร่วมร่างหนังสือถวายความเห็น และรับผิดชอบร่วมกัน
ในหนังสือกราบบังคมทูล เป็นหนังสือราชการยาวถึง ๖๐ หน้า พระองค์เจ้าปฤษฎางค์ทรงบันทึกภายหลังว่า ส่วนใหญ่แล้วพระเจ้าน้องยาเธอ พระองค์เจ้าสวัสดิโสภณซึ่งทรงศึกษาวิชากฎหมายอยู่จะเป็นผู้ร่าง พระเจ้าอยู่หัวทรงตอบกลับหนังสือกราบบังคมทูลเรื่องการเมืองนี้ ดูแล้วก็เห็นว่าทรงยอมรับได้อยู่ แต่ในปีรุ่งขึ้นก็โปรดเกล้าฯ ให้เรียกทุกคนในบัญชีหางว่าวกลับ เจ้านายองค์อื่นและข้าราชการที่โดนเรียกกลับก็ไม่มีใครโดนโทษทัณฑ์อะไร น่าจะเป็นการเรียกกลับมาคุยกันปรับทัศนคติกันเสียหน่อยเท่านั้น
อุบัติการณ์ดังกล่าวถูกตั้งฉายาว่า “ข้อเสนอร.ศ.๑๐๓” โดยผู้พยายามจะตีความสนับสนุนความเชื่อทางการเมืองฝ่ายตน และว่าพระองค์เจ้าปฤษฎางค์โดนกริ้วจนเสียผู้เสียคนเพราะมีหัวก้าวหน้าเกินไป
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
NAVARAT.C
|
ความคิดเห็นที่ 33 เมื่อ 25 ก.ค. 15, 08:01
|
|
มากรุงเทพครั้งนี้ได้เพียง ๑๕ วัน พระองค์เจ้าปฤษฎางค์ได้ทันเห็นใจหม่อมมารดา ที่ถึงแก่อนิจกรรมด้วยอหิวาตกโรค แต่แรกนั้นยังทรงคิดว่าจะได้กลับไปเป็นอัครราชทูตอีก เพราะหลวงสิทธิ์นายเวรที่ถูกเรียกกลับมาก่อนนั้นได้รับการเลื่อนยศถาบรรดาศักด์ ก่อนส่งกลับไปรับราชการที่สถานทูตดังเดิมในตำแหน่งอุปทูตผู้มีอำนาจเต็ม แต่หลังจากเข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทแล้ว เป็นอันว่าจะโปรดเกล้าให้ผู้อื่นไปเป็นอัครราชทูตแทน
แต่พระองค์เจ้าปฤษฏางค์ยังได้รับโปรดเกล้าให้เข้าดำรงตำแหน่ง จางวาง(อธิบดี)กรมไปรษณีย์ เมื่อวันที่ ๒๘ กุมภาพันธ์ ๒๔๒๙ มีผลงานเป็นรูปธรรม คือทำให้สยามเชื่อมโยงระบบโทรเลขแล้วเสร็จ จึงทรงคาดหวังว่าจะได้ว่าราชการกรมโยธาธิการที่กำลังจัดตั้งขึ้นใหม่ แต่กลับเป็นว่า ในปีพ.ศ.๒๔๓๑นั้น ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าให้ กรมขุนนริศรานุวัติวงษ์ขึ้นเป็นแบบม้ามืด
บันทึกพระองค์เจ้าปฤษฏางค์ ทรงกล่าวว่า เป็นเพราะเกิด“อุบัติเหตุ”ขึ้น พรองค์ทรงถูก“ฝูง”ลอบถีบหกขะเมนทั้งยืนโดยไม่รู้ตัว ถึงกับโปรดเกล้าฯให้เรียกบ้านที่ทรงได้รับพระราชทานคืน แล้วถูกสาปประนามอย่างร้ายแรง ในเวลานั้นกรมหลวงเทววงศ์ท่านเสด็จไปราชการที่อังกฤษ (๒๔๓๑-๒๔๓๓) “ หาไม่ก็คงได้ทรงดับเหตุปัดเป่ามิให้เกิดเชื้อเพลิงไหม้ขึ้นลุกลามไป ทรงเชื่อว่า“อุบัติเหตุ”นี้เอง ที่ทำให้ตำแหน่งเสนาบดีกระทรวงโยธาธิการหลุดลอยผ่านมือองค์ท่านไป
เมื่อแรกกลับจากยุโรปนั้น พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าฯได้พระราชทานบ้านให้ใหม่ แต่พระองค์เจ้าปฤษฏางค์ทรงต้องการปรับปรุงให้เป็นบ้าน ๓ ชั้น ส่วนบ้านที่มารดาเคยอยู่ ก็แบ่งส่วนกับพี่น้อง กำลังรื้อถอนซ่อมแซมอยู่ ระหว่างที่ไม่มีบ้านพักอาศัยนั้น พระองค์เจ้าปฤษฏางค์ต้องไปอยู่ที่ห้องนายทหารฝ่ายหน้า หม่อมตลับชายาที่ได้กันตั้งแต่ก่อนไปเรียนเมืองนอก ก็ไปอาศัยญาติอยู่ตั้งแต่กลับจากปารีส ต่อมาได้ขยับขยายขอพระประทานยืมเรือนแพข้าหลวงเดิมของสมเด็จเจ้าฟ้าจาตุรนต์รัศมีฯ กรมพระจักรพรรดิพงษ์มาจอดหน้าบ้านหม่อมมารดาชั่วคราว เพื่อดูแลอาการป่วย และอยู่ช่วยจัดการงานศพ เมื่อเกิด“อุบัติเหตุ”ขึ้น และถูกให้คืนบ้านพระราชทาน จึงต้องทรงพำนักอยู่ในเรือนแพนั้นต่อ ก่อนจะตัดสินใจหลบหนีไปอยู่ต่างประเทศ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
NAVARAT.C
|
ความคิดเห็นที่ 34 เมื่อ 25 ก.ค. 15, 08:06
|
|
เรื่องนี้เกิดขึ้นในปี พ.ศ. ๓๔๓๓ ยามที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้ร่วมคณะของสมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้าภาณุรังษีสว่างวงศ์ กรมพระยาภาณุพันธุวงศ์วรเดช เสด็จไปเยือนญี่ปุ่นอย่างเป็นทางการ พระองค์เจ้าปฤษฏางค์ได้รับพระกรุณาให้ร่วมอยู่ในคณะในตำแหน่งที่ปรึกษาฝ่ายทหารด้วย เป็นการพระราชทานโอกาสให้ทำความดีความชอบแก้ตัว แต่กลับทรงกระทำความผิดครั้งยิ่งใหญ่
ขากลับในช่วงที่เรือมาถึงเมืองญวนแล้ว พระองค์เจ้าปฤษฏางค์ได้หายพระองค์ไป โดยทิ้งหนังสือกราบบังคมทูลลาออกจากราชการและลาบวชไว้ มีข่าวตามหลังว่า มีผู้หญิงปลอมตัวเป็นชายมาขึ้นเรือจากฮ่องกง และมีผู้เห็นพระองค์เสด็จลงจากเรือไปกับผู้หญิงคนนั้นที่ไซ่ง่อน
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
NAVARAT.C
|
ความคิดเห็นที่ 35 เมื่อ 25 ก.ค. 15, 08:08
|
|
สำเนาหนังสือกราบบังคมทูลสมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้าภาณุรังษีสว่างวงศ์ กรมพระยาภาณุพันธุวงศ์วรเดช ดังกล่าวที่อยู่ในมือของผมขณะนี้ หากผมจะย่อความก็คงจะเหลือไม่กี่บรรทัด แต่ท่านผู้อ่านก็จะช่วยวิเคราะห์อะไรมิได้ ผมจึงตัดสินใจที่จะทยอยเอามาลงทีละหน้า โดยมีความคิดเห็นของผมควบคู่กันไปด้วย ท่านผู้ใดอยากจะอ่านเท่าที่ผมกรองแล้ว หรือต้องการอ่านต้นฉบับด้วย ก็สุดแล้วแต่
ถ้าท่านใดอ่านทั้งคู่แล้วเห็นว่าผมตีความผิด ก็กรุณาอย่าได้ลังเลที่จะทักท้วง เพราะมีอยู่หลายคำทีเดียวที่ผมอ่านไม่ออก หรืออ่านออกแต่ไม่เข้าใจ การระดมความคิดของลิงทั้งกองทัพตั้งแต่หนุมาน สิบแปดมงกุฏ จนถึงอสุรผัด นอกจากจะเป็นประโยชน์แก่ทุกฝ่ายทั้งเทพและมารแล้ว ยังเป็นความสนุกของการร่วมติดตามโขน ..เอ้ย กระทู้ ด้วย ตะลุ่ม ตุ่ม… เพ้ย
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เพ็ญชมพู
|
ความคิดเห็นที่ 36 เมื่อ 25 ก.ค. 15, 08:34
|
|
การระดมความคิดของลิงทั้งกองทัพตั้งแต่หนุมาน สิบแปดมงกุฏ จนถึงอสุรผัด นอกจากจะเป็นประโยชน์แก่ทุกฝ่ายทั้งเทพและมารแล้ว ยังเป็นความสนุกของการร่วมติดตามโขน ..เอ้ย กระทู้ ด้วย บัดนั้น กำแหงหนุมานชาญสมร ฟังท่านนวรัตนฤทธิรอน วานรน้อมรับคำบัญชา
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
siamese
|
ความคิดเห็นที่ 37 เมื่อ 25 ก.ค. 15, 08:39
|
|
ให้ภาพเรือนแพหน้าวังเจ้าฟ้าจาตุรนต์รัศมีฯ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
NAVARAT.C
|
ความคิดเห็นที่ 38 เมื่อ 25 ก.ค. 15, 09:12
|
|
เมื่อนั้น นวรัตนงานเข้าเกาหน้าขา จึ่งปรึกษาชามชมพูผู้ปรีชา อันสารานี้มีความประการใด อันวานรหนุ่มสยามนามรัตนะ พ่อจะหารูปอีกจะได้ไหม ถ้ายังมีก็จงเอามาไวไว ถ้าสอดสีสดใสได้ยิ่งดี
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
ตอบ: 33598
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 39 เมื่อ 25 ก.ค. 15, 09:37
|
|
เมื่อนั้น เทาชมพูกริ่งใจให้กังขา ถามถึงชมพูไหนไม่บอกมา ไม่รู้ว่าชามจานประการใด หากถามถึงหนุมานท่านชาญเพ็ญ ก็เล็งเห็นอาสาว่างานใหญ่ ค้นข้อมูล ถอดรหัส จัดเต็มไป ส่งไวไว(อย่ามาม่า)มาได้เลย ป.ล. ลายพระหัตถ์อ่านยากมาก คุณหมอเพ็ญกับท่านอื่นๆที่นั่งกันอยู่แถวหน้ามั่งหลังมั่ง พอจะอ่านไหวไหมคะ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
NAVARAT.C
|
ความคิดเห็นที่ 40 เมื่อ 25 ก.ค. 15, 09:49
|
|
ชามชมพูผู้หลานชามภูวราช เป็นกระบี่องอาจชาติลิงจ๋อ สัพพัญญูรู้ทุกอย่างมิต้องรอ มิได้เก่งถือลูกท้อแต่อย่างเดียว
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
CVT
|
ความคิดเห็นที่ 41 เมื่อ 25 ก.ค. 15, 09:50
|
|
บัดนั้น ซีวีทีครุ่นคิดนึกสับสน เอ่ยปากกล่าวถ้อยในบัดดล ว่าอับจนมิแจ้งถ้อยในสารา อันมูลเหตุที่เกิดความข้องขัด ข้อจำกัดสายตาแย่หนักหนา อีกทั้งถ้อยคำที่เจรจา ยากนักหนาคนรุ่นใหม่ไม่เข้าใจ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
NAVARAT.C
|
ความคิดเห็นที่ 42 เมื่อ 25 ก.ค. 15, 09:51
|
|
อันคุณหมอCVTมียศถา โปรดเข้ามาวิเคราะห์ความตามวิถี ตรวจสำนวนผู้เขียนสารตามวิธี พระทรงมีปัญหาประการใด ดูสำนวนวกวนบ่นพึลึก พระทรงตรึกปกติหรือไฉน หรือพระจิตบิดเบือนฟั่นเฟือนไป แต่จงนิ่งอุบไว้ตอนท้ายเลย
|
คลิกที่รูปเพื่อขยาย/ย่อ
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
NAVARAT.C
|
ความคิดเห็นที่ 43 เมื่อ 25 ก.ค. 15, 09:52
|
|
๒
|
คลิกที่รูปเพื่อขยาย/ย่อ
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
NAVARAT.C
|
ความคิดเห็นที่ 44 เมื่อ 25 ก.ค. 15, 09:55
|
|
๓
|
คลิกที่รูปเพื่อขยาย/ย่อ
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
|