หลักฐานที่เหลือมาว่าชาวสุโขทัยถ่ายหนักเบากันอย่างไร คือส้วมของพระสงฆ์ เรียกว่า “วัจจกุฎี” หรือ “เร็จกุฎี” หรือ “ถาน”
ประกอบด้วยแผ่นรองรับเท้าในขณะขับถ่าย หรือที่เรียกกันว่า “เขียง” ซึ่งใช้วางไว้เหนือหลุมรับอุจจาระ จำนวน 3 แผ่น
ประกอบไปด้วยเขียงหิน 2 แผ่น และเขียงไม้ 1 แผ่น
ผศ. ดร. รุ่งโรจน์ ธรรมรุ่งเรือง อธิบายไว้ในหนังสือ “มรดก 1,000 ปี เก่าที่สุดในสยาม ว่า เขียงทั้ง 3 แผ่น มีลักษณะเหมือนกัน
คือ มีรูขนาดใหญ่เจาะทะลุ คาดว่าใช้สําหรับปล่อยให้อุจจาระผ่านลงไปยังหลุมด้านล่าง ส่วนด้านหน้ามีรางยาวเพื่อระบายปัสสาวะให้
ไหลลงภาชนะที่วางรองรับอยู่ การแยกรางให้ปัสสาวะกับอุจจาระเช่นนี้ คาดว่าเพื่อแยกไม่ให้ปนกันเป็นการป้องกันกลิ่นไม่พึงประสงค์
แผ่นหินนี้ เป็นหนึ่งในปริศนาให้ขบคิดว่า เป็น “ส้วม” หรือ “โยนีโทรณะ” (ฐานศิวลึงค์) กันแน่ มาแต่ พ.ศ.2503 ที่
กรมศิลปากรเคยเปิดเวทีเสวนาด้านโบราณคดี ท่ามกลางซากโบราณสถานกรุงเก่าสุโขทัย
จน 30 ปีต่อมา “ไมเคิล ไรท์” เป็นผู้เฉลยว่าแผ่นหินที่พบบริเวณอรัญญิกเมืองสุโขทัยนั้นหาใช่ “ฐานโยนี” ไม่ หากแต่
เป็น “ส้วมของภิกษุ” ซึ่งในประเทศศรีลังกาก็มีแผ่นหินหลุมส้วมทำนองเดียวกันนี้อย่างกลาดเกลื่อน
https://www.matichonweekly.com/culture/article_25722