เรือนไทย
ยินดีต้อนรับ ท่านผู้มาเยือน
กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
ส่งอีเมล์ยืนยันการใช้งาน?
ข่าว: การแนบไฟล์ กรุณาใช้ชื่อไฟล์ภาษาอังกฤษเท่านั้นครับ
หน้า: 1 [2] 3 4 ... 7
  พิมพ์  
อ่าน: 7206 เรื่องของ "ส้วม"
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33585

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 15  เมื่อ 19 มิ.ย. 23, 09:41

วัฒนธรรมที่ "ห้องส้วม" มีได้เฉพาะกษัตริย์เท่านั้น เป็นเรื่องสำคัญไม่ใช่เล็กๆ  
เห็นได้จากตอนหนึ่งในขุนช้างขุนแผน  เมื่อขุนแผ่นพานางวันทองหนี    ขุนช้างตื่นมา อ่านจดหมายที่เมียทิ้งไว้ว่าถูกขุนแผนลักตัวไป   ก็รีบพาพรรคพวกตามไป แต่ว่าเอากลับมาไม่สำเร็จ เพราะขุนแผนเป็นนักรบฝีมือเยี่ยม   ขุนช้างรบไม่เป็น ตีพรรคพวกขุนช้างแตกกระจายกลับไป
ขุนช้างตัดสินใจเข้าวังถวายฎีกา  เพื่อจะเพิ่มน้ำหนักเนื้อเรื่องให้พระพันวษาเห็นเป็นเรื่องร้ายแรงต้องจัดการ  ก็ทูลฟ้องใส่สีใส่ไข่เข้าไปว่าขุนแผนก่อการกบฏ  ปลูกป้อมค่าย ซ่องสุมผู้คนไว้มากมาย  บังอาจกล่าวท้าทายพระพันวษาให้มาชนช้างชิงอาณาจักรกัน
รายละเอียดประกอบการเป็นกบฏ ข้อหนึ่งคือปลูกตำหนักพลับพลาและสร้างส้วมเอาไว้บนที่พักด้วย  พูดอีกทีคือทำเทียมพระราชา

 มาดแม้นพระองค์เสด็จไป              จะชนช้างชิงชัยให้ฦๅฉาว
ชิงเอากรุงไกรได้เป็นจ้าว              ว่ากล่าวหยาบช้าสามานย์
มันปลูกตำหนักป่าพลับพลาแรม      ค่ายป้อมล้อมแหลมเป็นหน้าฉาน
ตั้งที่ลงบังคนชอบกลการ              นานไปก็จะเกิดกลีเมือง ฯ
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33585

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 16  เมื่อ 19 มิ.ย. 23, 09:51

ห้องส้วมเป็นเครื่องหมายของอภิสิทธิ์ชนสมัยอยุธยา เรื่อยมาจนรัตนโกสินทร์ตอนต้น ซึ่งเดินรอยตามขนบธรรมเนียมอยุธยา   มีศัพท์เฉพาะเรียกว่า "ที่ลงบังคน" หรือ "ห้องบังคน" เพราะคำว่าบังคนเป็นราชาศัพท์ หมายถึงอุจจาระปัสสาวะของเจ้านาย   ถ้าจะแยกแสดงรายละเอียดก็คือ พระบังคนเบา หมายถึงปัสสาวะ  พระบังคนหนัก คืออุจจาระ

ถ้าอยากรู้ว่าสมัยนั้น เขาทำอย่างไร  คำตอบคือมีภาชนะรองรับหรือกระโถน  เจ้านายจะขับถ่ายลงในภาชนะนั้น   เพื่อไม้ให้ภาชนะเสียหายก็จะมีกระทงใบตองรองรับไว้อีกที    แล้วมีนางกำนัลยกกระทงไปทิ้งในแม่น้ำลำคลอง  มีตำแหน่งว่า นางกำนัลพระบังคน  เป็นหนึ่งใน 12 ตำแหน่งพระกำนัลที่มีหน้าที่รับใช้พระมหากษัตริย์   
ตำแหน่งอื่นๆ กำนัลรับพระหัตถ์ กำนัลพระขันหมาก กำนัลน้ำเสวย กำนัลพัชนี กำนัลพระสำอาง กำนัลพระมาลา กำนัลพระบังคน กำนัลพระไสยาสน์ กำนัลทิพยรส กำนัลพระโภชน์ กำนัลพระโอษฐ์ และกำนัลทาพระองค์.

 ส่วนสถานที่ของส้วมหรือสถานที่ลงพระบังคน ยังหาไม่เจอว่าเป็นแบบไหนอย่างไร  แต่เดาว่าเป็นห้องเล็กๆ อยู่ใกล้ห้องพระบรรทม  เพื่อจะได้เสด็จเข้าไปได้สะดวกในยามกลางคืน
 
  เหตุการณ์ในประวัติศาสตร์ไทยที่มี "ส้วม" เป็นฉากหลังอยู่ด้วย ก็มีให้อ่านเหมือนกันค่ะ  จะเล่าในค.ห.ต่อไปนะคะ
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33585

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 17  เมื่อ 19 มิ.ย. 23, 09:54

ภาพผนังโบสถ์ แสดงให้เห็นการไปทุ่งของชาวบ้านสมัยโบราณ


บันทึกการเข้า
Namplaeng
ชมพูพาน
***
ตอบ: 183


ความคิดเห็นที่ 18  เมื่อ 19 มิ.ย. 23, 12:31

คัดความจาก https://web.facebook.com/search/top?q=กงซีล่ง

กงซีล่ง.....

“ ลูกจีนกำมะลอเรียกและยืนยันเป็นเสียงเดียวกันอย่างผิดๆว่า

กงซีล่ง เป็นภาษาจีนสำเนียงแต้จิ๋วแปลว่า ห้องสุขา... ”

......

ประสบการณ์เมื่อครั้งผมไปเมืองจีนครั้งแรกสมัยวัยรุ่น คนที่แต้จิ๋วเวลานั่นเค้าไม่เข้าใจครับว่า

กงซีล่ง คืออะไร......... ?

......

‘ บ้านจีนในชนบทเมื่อราวปี 2520 ไม่มีห้องสุขาในบ้านครับ ’

ในชนบทเวลานั้นสาวๆเค้าจะทำธุระใส่ในถังไม้มีฝาปิดที่วางอยู่ปลายเตียงของห้องนอน

เสร็จแล้วเธอจึงนำไปเททิ้งในบ่อหมักใหญ่ท้ายหมู่บ้าน...

ส่วนผู้ชาย หรือสาวใหญ่ที่ไม่เขินอายนัก ก็จะไปถ่ายทุกข์กันในห้องที่ไม่มิดชิดนักเหนือบ่อหมัก

มูลในบ่อหมักของหมู่บ้านเป็นสมบัติร่วมกัน ที่ชาวบ้านจะเวียนมาช้อนตักไปใส่ในแปลงพืชผักที่ปลูก เพื่อเป็นปุ๋ย.
คนจีนเรียกบ่อหมักมูลว่า แช่ตี้ ( 廁池 )

เรียกห้องสุขาที่สร้างคร่อมบนบ่อหมักว่า แช่ส้อ ( 厕所 ) คนแต้จิ๋วในเมืองที่มีฐานะท่านถึงมีห้องสุขาเป็นสัดส่วน

ห้องสุขาของคนรวยท่านเรียก ตังซี ( 东司 )

ศัพท์ ตังซี ของชาวแต้จิ๋วนี้เค้าอนุรักษ์มาแต่สมัยยุคราชวงศ์ถังครับ.

.............

กงซีล่ง ( 公司廊 )

กงซี ( 公司 ) แปลว่า บริษัท หรือ ตณะคนที่ร่วมลงทุนทำการค้า

ล่ง ( 廊 ) เป็นศัพท์ที่ชาวแต้จิ๋วในเมืองไทยนำมา แปลงเสียง

 ’ เพื่อเลียนเสียงคำและความของคำไทยว่า โรง ’


(  廊 คำแต้จิ๋วดั่งเดืมท่านออกเสียงว่า ลั้ง  )

ทุกวันนี้พอกล่าวถึง ล่ง หรือ ล้ง เด็กยุคใหม่จะเข้าใจง่ายกว่าคนยุคก่อนหน้านี้ เพราะทายาทเจ้าสัวย่านคลองสานท่านแปลงโรงเก็บสินค้าเก่าเป็นสถานช้อปปิ้ง และลงทุนโฆษณาสร้างความเข้าใจกับคำว่า ล้ง ให้เด็กรุ่นใหม่ได้เข้าใจไปเยอะ

.

ศัพท์ “ กงซีล่ง ” ของชาวจีนสยามเมื่ออดีต

หมายถึง โรงเก็บสินค้า หรือ โกดัง ( godown ) ครับ

.

ปัจจุบันเราต่างคุ้นหูกับศัพท์จีนว่า หลงจู๊ ศัพท์หลงจู๊ มีที่มาจากกงซีล่งนี่แหละครับ

หลงจู๊ ท่านหมายถึง ผู้จัดการ ดูแลโรงสินค้า

“ หลงจู๊ เป็นคนมืออาชีพทำหน้าที่แทนเฒ่าแก่ หรือบริษัท ในการบริหาร คน และการจัดเก็บสินค้า ไปกระทั่งมีอำนาจตัดสินใจ

สั่งซื้อสินค้าเข้า หรือนำสินค้าในโรงเก็บสินค้าออกขายทำกำไร....... ”

..

กงซีล่ง  ยังเป็นชื่อ ‘ ย่าน ’ ครับ

“ ย่านกงซีล่ง ท่านหมายถึงพื้นที่ริมน้ำฝั่งซ้ายของแม่น้ำเจ้าพระยา ตั้งแต่ อนุวงศ์ ราชวงศ์ ทรงวาด จรด วัดสามเพ็ง หรือวัดปทุมคงคา ”

ด้วยแต่เดิม ที่ดินแถบนี้เค้าใช้เป็นโกดังหรือ โรงเก็บสินค้า พืชผลทางการเกษตร และ ของป่า ที่เค้าส่งมากรุงเทพทางเรือแดง
ทั้งเรือที่ขนสินค้าลงมาจากทางเหนือ หรือขึ้นมาจากทางใต้
รวมทั้งยังเป็นโกดังเก็บสินค้าต่างประเทศที่นำเข้ามาทางเรือเดินทะเล
บริษัทเก่าแก่ในกรุงเทพต่างเคยอยู่ หรือยังอยู่ แถบนี้
เช่นบริษัทค้าข้าวใหญ่ของบ้านเรา ทั้งไชยพร นานาพรรณ
บริษัทค้าโภคภัณฑ์ อย่างเจี่ยไต๋ สหพัฒน์ ต่างก็เคยมีโรงสินค้าอยู่ตรงนี้
กระทั่งธนาคารเก่าแก่ ต่างเคยมีเฮดออฟฟิศอยู่ กงซีล่ง

.....

ภาพประกาศของเจ้ากรมอำเภอสำเพ็ง ในราชกิจจาฯ
บนหน้ากระดานแต้จิ๋ว
ปรากฏความที่หลายท่านอาจจะอ่านโดยไม่เฉลียวใจว่า

กงษีโล้ง เมื่อ รศ.128 หรือราว พ.ศ.2453

“ แท้จริงแล้วเป็นชื่อตำบล ขึ้นกับอำเภอสำเพ็ง ”

ทั้งบางส่วนของตำบลยังกินพื้นที่ของถนนสำเพ็ง หรือ ถนนวานิช 1 ในปัจจุบัน

Cr. ภาพ สึคุโมะ ริวสึเกะ @ ‎ภาษาแต้จิ๋วเท่าที่ฉันรู้(จากอาม่า)
8/13/2020
#กงซีล่ง

เพิ่ม

คนจีนโบราณท่านเรียกคนที่ลงเรือสำเภาไปค้าต่างแดนว่า คนทำกงสี

เพราะขนบเรือสำเภาถือว่า
ทุกคนเป็นส่วนหนึ่งหรือเป็นเจ้าของร่วม ทั้ง เรือและสินค้าที่บรรทุก

เพื่อยามที่เรือประสบภัย ทุกคนจะร่วมปกป้องเรือ หรือช่วยกันกอบกู้ให้เรือพ้นจากภาวะวิกฤตโดยเต็มความสามารถ

ดังนั้นทั้งลูกเรือ และนายเรือสำเภาต่างไม่มีค่าจ้างเป็นเงินเดือน
แต่จะได้รับส่วนแบ่งจากผลกำไรที่ได้จากการออกเรือแต่ละรอบ สัดส่วนที่ได้จะได้รับแบ่งตามความรับผิดชอบ
ทั้งยามที่การเดินเรือครั้งนั้นไม่มีผลกำไร ทุกคนก็อดไปด้วยกัน

โกดังสินค้าของชาวเรือ(สำเภา) จึงเรียก โรงพักสินค้าของกงสี




บันทึกการเข้า
เพ็ญชมพู
หนุมาน
********
ตอบ: 12602



ความคิดเห็นที่ 19  เมื่อ 19 มิ.ย. 23, 12:36

คัดความจาก https://web.facebook.com/search/top?q=กงซีล่ง

https://www.facebook.com/100007194729198/posts/pfbid02RYHc269gMCUtbqe6vCmE7LvcC35gEahwXrtheDBHmu4odFstcM4YHzJpmN58CYRil/?mibextid=cr9u03
บันทึกการเข้า
Namplaeng
ชมพูพาน
***
ตอบ: 183


ความคิดเห็นที่ 20  เมื่อ 19 มิ.ย. 23, 12:42

ขอบคุณครับ _/\_
บันทึกการเข้า
เพ็ญชมพู
หนุมาน
********
ตอบ: 12602



ความคิดเห็นที่ 21  เมื่อ 19 มิ.ย. 23, 14:35

ภาพผนังโบสถ์ แสดงให้เห็นการไปทุ่งของชาวบ้านสมัยโบราณ


นอกจาก' ไปทุ่ง' ก็ยัง 'ไปท่า'

ชาวบ้านถ่ายลงคลอง ท่ามกลางผู้คนที่ขวักไขว่ ภาพจิตรกรรมฝาผนัง วัดสุทัศนเทพวราราม



บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33585

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 22  เมื่อ 19 มิ.ย. 23, 18:50

แวะมาสวัสดีคุณนามแปลงค่ะ   ดีใจที่เข้ามาร่วมวงด้วย
มีเกร็ดอะไรดีๆแบบนี้ก็เข้ามาเล่าอีกนะคะ
ดิฉันไม่ได้ไปประเทศจีนมานานหลายปีมาก    เข้าใจว่าระบบห้องน้ำของเขาน่าจะมีการพัฒนาให้ทันสมัยเช่นเดียวกับถนนหนทางตึกรามบ้านช่องแล้ว
สมัยที่ไปนั้น   เคยต้องไปเข้าห้องน้ำแบบโบราณที่มารางผ่านตลอดทุกห้อง   ไม่ต้องอธิบายมากก็คงนึกภาพออก

กลับมาเรื่องไทย  ขออธิบายเรื่องโถพระบังคนอีกหน่อย  เพราะมีความสำคัญไม่ใช่น้อย  ถือเป็นหนึ่งในเครื่องราชูปโภคเชียวนะคะ       มีอยู่หลายชิ้น ใช้ในวาระต่างๆ
ถ้าใช้ประจำวัน คือ โถลงพระบังคนกะไหล่ทอง
ถ้าเป็นในพิธีไม่ค่อยสำคัญ พนักงานเชิญโถลงพระบังคนทองคำเกลี้ยง   แต่ถ้าเป็นงานใหญ่เช่นพระราชพิธีสำคัญๆก็ใช้อย่างหรู คือโถพระบังคนทองคำลงยา
ส้วนกระทงตัดจากใบตอง เย็บเป็นกระทงวางลงในโถอีกทีหนึ่ง  เสร็จแล้วก็จะนำไปลอยน้ำ   
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33585

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 23  เมื่อ 20 มิ.ย. 23, 08:33

เรียนคุณนามแปลง
ดิฉันอยากเห็นส้วมคนจีนอย่างที่เล่ามามากค่ะ เลยเอาตัวหนังสือจีนในวงเล็บไปค้นกูเกิ้ล   ปรากฏว่าภาพที่ขึ้นมากลายเป็นส้วมสมัยใหม่ สุขภัณฑ์เอี่ยมอ่องเหมือนยุโรปอเมริกาทั้งนั้นเลยค่ะ

บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33585

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 24  เมื่อ 20 มิ.ย. 23, 08:37

เล่าต่อ ถึงประวัติศาสตร์ที่มี "ส้วม" เป็นฉากหลัง

เรื่องนี้ เกิดในรัชกาลที่ 1   เป็นเรื่องของผู้ร้ายชื่อ “อ้ายมา” ลอบเข้าไปทำมิดีมิร้ายพระสนมถึงในวังหลวง   บันทึกโดย เจ้าพระยาทิพากรวงศ์มหาโกษาธิบดี (ขำ บุนนาค) เสนาบดีกระทรวงต่างประเทศได้บันทึกเรื่องนี้ไว้
 ต่อมาในสมัยรัชกาลที่ ๕ ได้โปรดเกล้าฯให้สมเด็จฯ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ นำต้นฉบับที่เจ้าพระยาทิพากรวงศ์บันทึกไว้มาชำระใหม่ ปรากฏว่า หลายเรื่องได้ถูกตัดหายไป รวมทั้งเรื่องอ้ายมานี้ด้วย
แต่เป็นโชคดีของคนรุ่นหลัง  มีผู้คัดลอกต้นฉบับเดิมไว้ เช่น เจ้าพระยาทิพากรวงศ์มหาโกษาธิบดี (ท้วม บุนนาค) ซึ่งได้รับตำแหน่งเสนาบดีกระทรวงต่างประเทศต่อจากเจ้าพระยาทิพากรวงศ์ฯ ผู้พี่ชาย    ต้นฉบับนี้ถูกถ่ายเป็นไมโครฟิล์มเก็บไว้ในหอสมุดแห่งชาติ  นอกจากนี้ ฉบับคัดลายมือลงสมุดฝรั่ง ๙ เล่มของโรงเรียนหลวงสวนกุหลาบ ก็ยังปรากฏมีเรื่องของอ้ายมาอยู่ด้วย

เรื่องนี้เกิดขึ้นใน พ.ศ.๒๓๔๐ สมัยรัชกาลที่ ๑ อ้ายมาเป็นใคร มาจากไหน เถือกเถาเหล่ากอใด ไม่มีใครรู้ และ อ้ายมาก็ไม่ยอมให้การพาดพิงถึงใครทั้งสิ้น คงกลัวจะทำให้คนอื่นที่ไม่รู้ไม่เห็นพลอยเดือดร้อนถูกตัดหัว ๗ ชั่วโคตรไปด้วย เพราะพฤติกรรมที่อ้ายมากระทำเป็นความผิดมหันต์ ไม่มีใครคาดคิดว่าจะมีคนไทยคนไหนกล้าบังอาจถึงเพียงนี้
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33585

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 25  เมื่อ 20 มิ.ย. 23, 08:45

   เริ่มต้นด้วยว่า คืนหนึ่ง  เจ้าจอมทองนอนอยู่เวรบนพระมหามณเฑียรซึ่งเป็นที่ประทับ ได้ร้องโวยวายขึ้นกลางดึก ขณะที่มุ้งยังคลุมตัวยุ่งเหยิง ทำเอาสาวสนมกำนัลในตื่นตกใจกันทั้งพระมหามณเฑียร ความทราบถึงพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงโปรดฯให้ค้นหาตัวผู้ชายที่เจ้าจอมอ้างว่าเปิดมุ้งเข้าไปหา แต่ก็ค้นไม่พบ ทุกคนต่างเข้าใจกันว่าเจ้าจอมนอนละเมอ จึงให้ลงพระอาญาเฆี่ยนเสีย ๓๐ ที

คืนต่อมา พระเจ้าอยู่หัวก็ได้ทอดพระเนตรผู้ร้ายเข้าวังด้วยพระองค์เอง ขณะเสด็จฯไปห้องพระบังคนหลังพระมหามณเฑียร อ้ายผู้ร้ายแอบซ่อนอยู่ที่พระทวารถือกริชดักรอจะทำร้าย แต่พอเห็นชายพระภูษาเท่านั้นก็ตกใจตัวสั่นด้วยเกรงพระบรมเดชานุภาพ กระโดดหนีออกไปทางหน้าต่าง ทรงทอดพระเนตรเห็นว่าโกนศีรษะโล้น

ในระยะเวลานั้น พระเจ้าหลานเธอกรมหลวงนรินทร์รณเรศร์สิ้นพระชนม์ ข้าหลวงตำหนักใหญ่พากันโกนศีรษะไว้ทุกข์
ขออธิบายแทรกหน่อยว่า สมเด็จพระสัมพันธวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากรมหลวงนรินทร์รณเรศ (พ.ศ. 2300 - พ.ศ. 2340) มีพระนามเดิมว่า ทองจีน เป็นพระโอรสในสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากรมพระเทพสุดาวดี กับพระอินทรรักษา (เสม)
ลำดับญาติกันแล้วก็คือหลานน้าของพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าฯ

พระเจ้าอยู่หัวทรงสงสัยว่า ข้าหลวงตำหนักใหญ่ที่เป็นข้าของกรมหลวงนรินทร์คบหากับเจ้าจอมคนใดคนหนึ่ง แล้วแอบมาคอยดักพบกัน จึงมีพระราชดำรัสให้เอาตัวข้าหลวงที่โกนหัวทั้งหมดมาพิจารณาสอบดูว่าใครมีบาดแผลบ้าง เพราะเมื่อผู้ร้ายโดดหน้าต่างลงไปนั้นทรงได้ยินเสียงล้ม แต่ก็ไม่ปรากฏว่าข้าหลวงหัวโล้นคนใดมีบาดแผล

ตั้งแต่คืนนั้นจึงโปรดฯให้ตั้งลงบังคลในพระที่ ไม่ได้เสด็จฯมาที่ห้องเก่านั้นอีก แต่ก็ยังมีผู้เห็นคนร้ายปรากฏตัวในวังทุกคืน จึงโปรดฯให้ตำรวจวังและราชองครักษ์ไปคอยจับ วางกับดักไว้ตามที่ต่างๆ โดยเอากระแชงปูไว้บนถนน ตรอก ซอยทุกแห่ง เมื่อได้ยินเสียงกระแชงกรอบแกรบขึ้นที่ใด ก็ให้เอาท่อนไม้ ก้อนอิฐ ก้อนหิน ขว้างเข้าไปที่ตรงนั้น
ความจริง ถ้าผู้ร้ายรายนี้หนีไปไม่หวนกลับมาอีก ก็คงจะลอยนวลไปได้ เพราะไม่ได้ทิ้งหลักฐานใดๆไว้ แต่เพราะความกำเริบได้ใจไม่เกรงกลัวอาญาแผ่นดิน จึงลอบเข้าไปในวังทุกคืน จนถูกจับได้ที่ข้างสวนดอกไม้ฝ่ายตะวันออกของพระมหามณเฑียร ซักถามได้ความว่าชื่อ “อ้ายมา” แต่ไม่ยอมปริปากบอกว่า เป็นสานุศิษย์หรือเป็นบ่าวไพร่ของผู้ใด นอกนั้นอ้ายมาให้การหมดทุกอย่าง
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33585

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 26  เมื่อ 20 มิ.ย. 23, 08:57

เหตุการณ์นี้ แสดงให้เห็นว่า "ที่ลงพระบังคน" เป็นห้องอยู่หลังพระมหามณเฑียร     ไม่ได้อยู่ในตัวพระมหามณเฑียรเอง

คำว่า พระมหามณเฑียร  หมายถึงพระที่นั่งขนาดใหญ่เชื่อมต่อกัน 3 องค์  ในรัชกาลที่ 1  เรียกว่า "พระที่นั่งจักรพรรดิพิมาน"  ต่อมา พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวได้พระราชทานนามพระที่นั่งใหม่สำหรับแต่ละองค์คล้องจองกัน คือ พระที่นั่งจักรพรรดิพิมาน พระที่นั่งไพศาลทักษิณ พระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัยมไหสูรยพิมาน

เมื่อเกิดเหตุว่ามีผู้ร้ายลอบเข้ามาได้ถึงห้องลงพระบังคน    จึงโปรดฯให้ตั้งลงบังคนในพระที่ ไม่ได้เสด็จฯมาที่ห้องเก่านั้นอีก
ก็คือย้ายที่ลงพระบังคนไปไว้ในพระที่  คือภายในพระมหามณเฑียร ในห้องที่ประทับ     จะได้ไม่ต้องเสด็จออกนอกพระมหามณเฑียรในยามดึกอีก
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33585

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 27  เมื่อ 20 มิ.ย. 23, 09:02

ขอเล่าเรื่องต่อ  เกี่ยวกับ "ส้วม" อีกนิดหน่อย


เมื่อขึ้นศาล ตระลาการถามถึงทางเข้าออก อ้ายมาก็บอกว่า เอาเชือกโยนคล้องใบเสมา แล้วปืนไต่กำแพงขึ้นไป ตระลาการถามถึงเจตนาที่ลอบเข้าไปในวัง อ้ายมาก็บอกว่าได้ข่าวว่าในวังสนุกสนานอยากจะเข้าไปเที่ยวเล่น ตระลาการถามอีกว่า ได้ชำเรากับผู้ใดบ้าง อ้ายมาก็ให้การหมดเปลือก

อ้ายมาบอกว่าได้ขึ้นไปบนพระมหามณเฑียร เห็นเจ้าจอมผู้หนึ่งรูปงามนัก ห่มสไบสีทับทิม ใส่ตุ้มหูระย้าเพชร ถือเทียนนำเสด็จฯออกมาจากในพระที่ เพียงแรกเห็นอ้ายมาผู้ไม่รู้ที่ต่ำที่สูงก็เกิดความรักอยากได้ บังอาจถึงขนาดคิดจะทำร้ายพระเจ้าอยู่หัว แต่ก็ประหม่าเกรงพระบรมเดชานุภาพ ต้องถอยห่างหลบไปไม่กล้าทำอย่างที่คิด

ตกดึกคืนนั้น อ้ายมาก็เที่ยวค้นหาเจ้าจอมผู้นั้นว่านอนอยู่ที่ไหน เที่ยวเปิดดูตามมุ้งก็ไม่พบ จนเห็นเจ้าจอมคนหนึ่งหน้าตาคล้ายคลึง จึงมุดมุ้งเข้าไปข่มขืนกระทำชำเรา สำเร็จเสร็จสรรพแล้วเจ้าจอมผู้นั้นบอกว่าขอไปเบา แล้วหายไปไม่กลับมาอีก อ้ายมานอนคอยอยู่จนเกือบรุ่งจึงจำต้องปืนกำแพงวังกลับออกไป แต่ก็จำมุ้งที่นอน หีบหมากของเจ้าจอมผู้นั้นได้

รุ่งขึ้นอ้ายมาก็ได้ใจ ปีนวังหลวงเข้าไปหาเจ้าจอมคนเก่าอีก แต่ก็ไม่พบ เที่ยวเปิดมุ้งหาจนเจ้าจอมคนหนึ่งร้องโวยวายขึ้น ทำเอาตื่นกันทั้งพระมหามณเฑียร อ้ายมาจึงรีบหนีออกไป

ทรงให้เอาที่นอน หมอน มุ้ง และหีบหมากของเจ้าจอมทั้งหมดไปให้อ้ายมาดู อ้ายมาก็จำที่นอนหมอนมุ้งและหีบหมากของเจ้าจอมคู่สวาทได้ ตระลาการเขียนแผนที่ตำแหน่งของมุ้งสอบดู อ้ายมาก็ชี้ได้ ปรากฏว่าชุดนอน หีบหมาก และที่นอนตรงกับของ เจ้าจอมอิ่ม ลูกสาวพระไตรศรี จึงมีพระราชดำรัสให้เอาตัวเจ้าจอมอิ่มไปให้ตระลาการซักถาม เจ้าจอมอิ่มให้การว่า

คืนนั้นนอนหลับอยู่ ตื่นขึ้นมาก็เห็นอ้ายมาคร่อมทับอยู่แล้ว เอามีดจ่ออกขู่ว่าถ้าร้องจะฆ่าให้ตาย เจ้าจอมอิ่มกลัวเลยต้องปล่อยให้อ้ายมาทำมิดีมิร้าย จนสำเร็จประสงค์แล้วจึงออกอุบายว่าจะขอไปเบา เมื่ออ้ายมาตายใจปล่อยให้ไป ก็หลบไปไม่กลับมาอีก จากนั้นก็ซ่อนตัวอยู่แต่ในบ้านไม่กลับไปนอนที่เก่า

ทรงเห็นว่าเจ้าจอมอิ่มมิได้ปลงใจรักใคร่ด้วยอ้ายมา จะเอาผิดนั้นยังไม่ได้ จึงเพียงให้ริบเครื่องยศคืน แล้วให้พระไตรศรีรับตัวกลับไปอยู่บ้าน ส่วนเจ้าจอมทองที่ถูกหาว่านอนละเมอจนถูกเฆี่ยนฟรีไป ๓๐ ที ก็พระราชทานทำขวัญไป สำหรับอ้ายมาตัวแสบได้รับโทษไปตามที่เหมาะที่ควร คือประหารชีวิต

คดีของอ้ายมา ทำให้ต้องมีการสร้างกำแพงวังชั้นในกันใหม่ให้แน่นหนา มีประตูสกัดเหนือสกัดใต้ เพื่อถวายการอารักขาให้เข้มแข็งยิ่งขึ้น ไม่หละหลวมจนอ้ายมาเข้าออกได้เป็นว่าเล่น
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33585

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 28  เมื่อ 20 มิ.ย. 23, 09:35

  พยายามวาดภาพสถานที่นอนของเจ้าจอมในพระบรมมหาราชวัง   ตามคำให้การของอ้ายมา
   การที่อ้ายมาเที่ยวเปิดมุ้งดูสาวๆชาววังได้ ก็แสดงว่าในพระมหามณเฑียรมีห้องใหญ่ ที่ไม่ได้ปิดประตูลงกลอนมิดชิด    เจ้าจอมนอนกันอยู่ในนั้นเป็นกลุ่มใหญ่ ต่างคนต่างมีฟูก(ที่นอน) มุ้ง และหีบหมาก (ซึ่งเป็นของใช้ติดตัว ขาดไม่ได้)  เป็นของตัวเองเวลาขึ้นไปอยู่เวรบนพระมหามณเฑียร
  ดูลักษณะเหมือนนักเรียนไปค่ายพักแรม  คือนอนรวมกัน    มุ้งใครมุ้งมัน
  อ้ายมาเข้าไปข่มขืนกระทำชำเราเจ้าจอมอิ่มได้   แสดงว่ามุ้งแต้ละมุ้งน่าจะอยู่ห่างกันพอสมควร   จึงไม่มีเจ้าของมุ้งอื่นเอะใจว่าเกิดอะไรขึ้นในมุ้งนี้   และในห้องก็คงมืด ไม่มีการจุดตะเกียงหรือแสงสว่างใดๆ

  เจ้าจอมอิ่มออกอุบายว่าจะ "ไปเบา" แล้วเปิดมุ้งหนีหายไป     แสดงว่าที่ปลดทุกข์ต้องอยู่นอกพระมหามณเฑียร ไกลพอสมควร   อ้ายมาจึงไม่ผิดสังเกตที่เธอหายไปนาน   นอนรอแล้วรอเล่าจนรุ่งเช้าก็ไม่เห็นกลับมา เลยต้องหนีออกไป  คนอื่นๆก็ยังไม่ผิดสังเกตอีกนั่นแหละว่าทำไมมี 2 คนอยู่ในมุ้งเดียว 
  ตอนนั้น "อุโมงค์" ของสาวชาววังน่าจะมีแล้ว    ที่เจ้าจอมอิ่มออกอุบายก็คือหลอกว่าไปอุโมงค์นั่นเอง
  แต่เธอกลับไปนอนบ้านแทน  นี่คือคำให้การของอ้ายมา
  "บ้าน" ที่ว่าน่าจะเป็นตำหนักใหญ่น้อยในเขตพระราชฐานชั้นใน    เจ้าจอมพักอาศัยอยู่ใน "บ้าน" เหล่านี้ เวลาไม่ได้ขึ้นไปอยู่เวรบนพระมหามณเฑียร     ไม่ได้อยู่ประจำบนนั้น
บันทึกการเข้า
Namplaeng
ชมพูพาน
***
ตอบ: 183


ความคิดเห็นที่ 29  เมื่อ 20 มิ.ย. 23, 09:54

เรียนอาจารย์เทาชมพู

ีรู้สึกเสียใจที่ขอแจ้งว่า วันนี้ กระดานเฟสบุ๊คของผมถูก ระบบเอไอของเค้าบล็อกการมองเห็นอีกแล้วครับ....

คงจะเป็นเพราะมีสมาชิกจากเรือนไทยเรียกเข้าไปใช้มากผิดปกติกระมังครับ

ไว้สักหนึ่งเดือนให้หลังจากนี้ เมื่อเฟสบุ๊คผ่อนมาตรการ ปิดกั้น

ขอเรียนเชิญเคาะเข้าไปชมเรื่องห้องน้ำ-ห้องส้วม ในเรือนจีนโบราณ ที่

https://web.facebook.com/plu.danai/posts/pfbid021eQofUCmBFyVGQwUtJbNeRyojEd2NYuTF3mCmNSCZXXkkfPBxEES1bVQ7ckSwpCVl

หรือถ้าท่านใดมีวิธีซิกแซกที่จะเข้าชมกระดานเฟสบุ๊กที่ถูกบล็อก ผมก็ขอคำแนะนำด้วยนะครับ

...

ห้องน้ำในชนบทจีน ที่ยังมีภาพหลงเหลือจากมาตรการกวาดล้างบนโลกไซเบอร์ของรัฐบาลกลางครับ

https://img.pic.in.th/0002435d54d7ddd38c36.jpeg

https://img.pic.in.th/00032aa0dd0209d3c3dc.jpeg




บันทึกการเข้า
หน้า: 1 [2] 3 4 ... 7
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2006, Simple Machines
Simple Audio Video Embedder

XHTML | CSS | Aero79 design by Bloc หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.085 วินาที กับ 19 คำสั่ง