เราเริ่มเดินกันต่อไป ทางชันมากขึ้นเรี่อยๆ พร้อมแสงแดดเริ่มร้อนแรงมากขึ้น โชคดีที่เราหอบน้ำใส่เป้ติดไปคนละสามลิตร
แม่เดินๆหยุดๆไปตลอดทาง แต่ไม่ได้มีแม่คนเดียวเท่านั้น เราเจอเพื่อนนักแสวงบุญอีกหลายๆคนที่เมื่อคืนเรานั่งกินข้าวเย็นด้วยกัน
เจอกันโดยไม่ได้นัดหมาย ทักทายกันพอสมควร แล้วก็ต่างแยกย้ายกันเดินต่อไป แม่ค่อยๆเริ่มสารภาพกับผม ว่าแม่เหนี่อยมาก
อาจจะเดินไม่ถึงจุดหมายของวันนี้คือ เมือง รอนเซสวายเยส
แม่ท่าจะลืมว่าเราอยู่บนเขา ซึ่งไม่มีทางเลือกเท่าใดนัก เพราะ ไม่มีที่พัก แล้วเราก็ไม่มีอุปกรณ์ที่เราจะนอนกลางแจ้งบนเขาได้
ความที่แม่ไม่ชอบทำอะไรแบบมีแผนการณ์ล่วงหน้า เพื่อนร่วมทาง เขาบอกแม่ว่า มีที่พักค้างคืน บนเขา
ชื่อว่า โอรีซซอง (Orisson ๐๐๓๓ ๕๕๙ ๔๙ ๑๓ ๐๓ หรือ ๐๐๓๓ ๖๘๑ ๔๙ ๗๙ ๕๖ หรือ
www.refuge-orisson.com)
ห่างจาก ออนโต้ ไปประมาณ ๓ กิโลเมตร แม่คิดว่าเราอาจจะแวะพักที่นั่น เราเดินๆหยุดๆ ไปจนถึง โอรีซซอง เกือบบ่ายโมง
ห้องพักเต็มหมด เพราะมีแค่ สามห้อง ห้องละ หกเตียง เขายังมีเต๊น หลังโรงแรม เผื่อ เวลาห้องเขาเต็ม แต่เราคงโชคร้ายจริง แม้เต๊นก็ไม่เหลือ
เจ้าของเขาคงเห็นว่าท่าทางแม่คงจะไปต่อไม่ไหว เขาบอกกับเราอย่างใจดีว่า เขามีที่พักอีกแห่ง แต่อยู่ตีนเขา
ถัดไปจาก เมืองซังชองปิเอด์เดอพอร์ทประมาณ ๔ กิโลเมตร ชื่อ ว่า เมือง ซังชองเลอ์วิเออซ์ (St Jean le Vieux)
เป็นบ้านพักที่เพิ่งเปิด ค่าเช่าคืนละ ๓๐ ยูโร ต่อคน รวมอาหารเช้าและเย็น
ถ้าเราตกลง เขาจะขับรถไปส่ง แล้วไปรับพรุ่งนี้เช้า แล้วเอามาส่งที่เดิม คือที่ โอรีซซอง
เพื่อเราจะได้เริ่มเดินจากที่เราเดินถึงวันนี้ แม่ตกลงทันที เพราะไม่มีทางเลือก
เรานั่งกินโค้ก ได้ประเดี๋ยวเดียว ก็มีรถ มารับ พาเราไปส่ง เมือง ซังชองเลอ์วิเออซ์
เข้าพักบ้านพักที่ ชื่อ ยาวมาก ว่า จีท ดู คามป์ โรแมง เดอ ซังชองเลอ์วิเออซ์ (Gite du Camp Romain de St Jean le Vieux)
นั่งรถประมาณ ครึ่งชั่วโมง เราก็มาถึง ที่พัก แม่ถูกใจมาก เขาทำได้น่ารักจริงๆ มีสนาม กว้าง ติด น้ำ เป็นลำธาร เล็ก ดูสงบมากๆ
เรา เป็นแขกคู่แรก ที่พักเต็มหมด เหมือน โอรีซซอง เราคุยกับเจ้าของ ได้ ซักพักก็มี ลูกหมามาเล่นด้วย เป็นที่ถูกใจผมเป็นอันมาก
เรานั่งเล่นกับหมา พร้อมกิน แซนด์วิช ซึ่งหอบมาจากโอรีซซอง แล้วพาหมาไปเดินเล่น ใกล้ๆ ที่พัก พอเรากลับเข้ามาอีกที
แขกที่เหลือก็มาครบหมด ร่วมทั้งเราก็เป็น แปด คน ความที่แม่ไม่ได้คิดว่าจะต้องมาพักที่ๆ ไม่ไช้โรงแรม
เราเลยไม่ได้เตรียม ผ้าขนหนู ใส่เป้มาด้วย โชคดีที่เขามีให้ยืม ผืน ละ สาม ยูโร เพื่อความประหยัด (จริงๆแล้ว งก) แม่ยืมผืนเดียว
แม่ว่า ระหว่าง เรา สองคนแม่ลูก ไม่มีใคร เป็นโรคผิวหนัง ไม่มีโรคติดต่อ เพราะฉะนั้นไช้ด้วยกันได้
ประมาณ หนึ่งทุ่ม เรานั่งรวมโต๊ะ กินอาหารเย็น พร้อมกันทั้งแปดคน คุยกันไปคุยกันมา
ถึงรู้ว่า ทุกคนเป็นนักแสวงบุญ เป็นแคธอลิค มีผมและแม่เท่านั้น ที่แตกต่างจากคนอื่น
อาหารก็แบบกินได้ ถ้าหิว
บนโต๊ะ เราเจอผู้หญิงเดินคนเดียว ชื่อ ฮันนี่
ฮันนี่ เริ่มออกเดินทาง จากบ้านตัวเองคือประเทศฮอลแลนด์ เมื่อ สิบอาทิตย์ที่แล้ว
โดยเริ่มที่ บ้านตัวเอง ที่อยู่ ตอนใต้ของประเทศ ทุกคนบนโต๊ะ ตกตะลึงไปตามๆกัน ใครจะนึกไปถึงว่ามีคนที่บ้ากว่าเราในโลกนี้