มหันตภัยที่แท้จริงมาเยือน ยอดรวมการทิ้งระเบิดในปีพ.ศ.2486 น้อยกว่าปีพ.ศ.2485 เพียง 1 ครั้ง สหรัฐอเมริกาใช้จำนวนเครื่องบินในแต่ละเที่ยวบินมากกว่าเดิม โดยเลือกใช้งานเครื่องบินทิ้งระเบิดระยะไกลรุ่นใหม่ล่าสุด บังเอิญต้องบินมาทิ้งระเบิดใส่เป้าหมายสำคัญๆ ในกรุงเทพและธนบุรี ซึ่งมีระยะทางห่างไกลจากฐานทัพอากาศในอินเดียมากกว่า 1,100 ไมล์ การบรรทุกระเบิดย่อมน้อยลงตามระยะทางอย่างเลี่ยงไม่ได้ ประสิทธิภาพในการทำลายเป้าหมายได้ผลลัพธ์ไม่สมดั่งความตั้งใจ
การทิ้งระเบิดในประเทศไทยช่วง 2 ปีแรกเป็นเพียงน้ำจิ้ม เพิ่งมาเริ่มหนักหน่วงตั้งแต่เดือนธันวาคม 2486 การโจมตีมีความรุนแรงมากขึ้น จำนวนเที่ยวบินมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
ก้าวเข้าสู่ปี พ.ศ.2487 การโจมตีโดยเครื่องบินทิ้งระเบิดสหรัฐอเมริกาอุ่นหนาฝาคั่งตั้งแต่ต้นปี
วันที่ 3 มกราคม 2487 เครื่องบินจำนวนหนึ่งบินเข้ามาถ่ายภาพทางรถไฟสายไทย-พม่าที่กำลังก่อสร้าง ทหารญี่ปุ่นพยายามยิงสกัดจึงเกิดการต่อสู้เล็กน้อย ไม่มีรายงานความเสียหายจากทั้งสองฝ่าย
วันเดียวกันนั้นเอง…เครื่องบินทิ้งระเบิด B-24 จำนวน 28 ลำจากฝูงบิน 308 เมืองฉงชิ่ง (หรือจุงกิง) ซึ่งอยู่ภาคตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศจีน บินเข้ามาทิ้งระเบิดใส่สถานีรถไฟนครลำปางอีกครั้ง เหตุการณ์นี้ไม่มีรายงานความเสียหายจากทั้งสองฝ่ายอีกครั้ง
วันที่ 9 มกราคม 2487 ต่อเนื่องถึงวันที่ 10 มกราคม 2487 เครื่องบินทิ้งระเบิด B-24 จำนวน 7 ลำจากกองบิน 10 บินเข้ามาทิ้งทุ่นระเบิดบริเวณปากน้ำอ่าวไทยช่วงกลางดึก เป้าหมายก็คือต้องการสกัดกั้นเส้นทางเดินเรือออกสู่ทะเล กองทัพเรือไทยพยายามกู้ทุ่นระเบิดสุดความสามารถ แต่ทำได้เพียงบางส่วนเพราะมีเรือกวาดทุ่นระเบิดจำนวนจำกัด
ช่วงเวลาเดียวกันเครื่องบินทิ้งระเบิด B-24 จำนวนหนึ่ง บินเข้ามาทิ้งระเบิดใส่สถานีรถไฟบางซื่อ โรงรถจักรบางซื่อ และสนามบินดอนเมือง ไม่มีรายงานความเสียหายจากทั้งสองฝ่าย
วันที่ 10 มกราคม 2487 รัฐบาลไทยเสนอแผนการย้ายโรงเรียนนายร้อย จ.ป.ร.จากกรุงเทพ มาอยู่ที่บ้านป่าแดง ตำบลป่าเลา อำเภอเมือง จังหวัดเพชรบูรณ์ (เป็นที่รู้จักในชื่อร.ร.นายร้อยป่าแดง) ระหว่างการประชุมมีการพูดถึงขบวนรถไฟพิเศษ ใช้ในการลำเลียงนักเรียนนายร้อย จ.ป.ร.มายังสถานที่เรียนแห่งใหม่ ขบวนรถออกจากสามเสนมุ่งไปยังอำเภอตะพานหิน จังหวัดพิจิตร ส่งนักเรียนนายร้อยเสร็จก็ลำเลียงรถบรรทุกทหารกลับคืนสู่กรุงเทพ
นี่คือส่วนหนึ่งตามแผนย้ายเมืองหลวงมายัง ‘นครบาลเพชรบูรณ์’
ตามแผนการหน่วยงานราชการสำคัญบางส่วนจะถูกโยกย้ายมาอยู่เพชรบูรณ์ อาทิเช่น กระทรวงการคลังย้ายมาที่ถ้ำฤาษี ตำบลบุ่งน้ำเต้า อำเภอหล่มสัก กระทรวงยุติธรรมย้ายมาที่บ้านห้วยลาน ตำบลน้ำชุน อำเภอหล่มสัก กระทรวงมหาดไทยย้ายมาที่บ้านบุ่งคล้า อำเภอหล่มสัก กระทรวงอุตสาหกรรมย้ายมาที่บ้านติ้ว อำเภอหล่มสัก
ต่อมาในวันที่ 20 กรกฎาคม 2487 รัฐบาลจอมพล ป.พิบูลสงคราม เสนอพระราชกำหนดระเบียบราชการบริหารนครบาลเพชรบูรณ์ฯ พ.ศ. 2487 ต่อสภาผู้แทนราษฎรเพื่ออนุมัติเป็นพระราชบัญญัติ มีผลดำเนินการอย่างถาวรตลอดไป โชคร้ายสภาผู้แทนราษฎรลงมติไม่อนุมัติด้วยคะแนนเสียง 48 ต่อ 36 แผนการย้ายเมืองหลวงมายัง ‘นครบาลเพชรบูรณ์’ เป็นอันสิ้นสุดเพียงเท่านี้ ส่งผลให้จอมพล ป.พิบูลสงครามหลุดจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีในเวลาต่อมา
ย้อนกลับมาที่เหตุการณ์ทิ้งระเบิดตามเดิม วันที่ 11 มกราคม 2487 ต่อเนื่องถึงวันที่ 12 มกราคม 2487 เครื่องบินทิ้งระเบิด B-24 จากกองบิน 14 ประเทศจีน บินเข้ามาบินเข้ามาทิ้งระเบิดใส่สถานีรถไฟหัวลำโพงและโรงรถจักรบางซื่อ เกิดความเสียหายในวงกว้างทั่วพื้นที่รอบสถานีรถไฟหัวลำโพง โรงแรมราชธานีกับโรงแรมตุ้นกี่ถูกลูกหลงได้รับความเสียหายอย่างหนัก นายสถานีหัวลำโพงเสียชีวิตขณะปฏิบัติหน้าที่ เป็นการโจมตีใส่กรุงเทพอย่างต่อเนื่องระยะเวลาห่างกันเพียงหนึ่งวัน
ในภาพอธิบายว่าหลุมหลบภัยหน้าโรงเรียนศึกษานารี ย่านวงเวียนเล็ก น่าจะเป็นอาคารชั้นเดียวติดกำแพงฝั่งซ้ายมือของภาพใกล้ประตูทางเข้า ปัจจุบันตัวอาคารจมลงค่อนข้างมากกลายเป็นที่ปลูกดอกไม้