ไม่เข้าใจว่าทำไมฝั่งธนบุรี ถึงได้ขุดคลองแนวเหนือใต้น้อยเหลือเกิน ราวกับไม่เคยมีปัญหาน้ำท่วมมาก่อน
เรื่องนี้แปลกใจมากค่ะ
ที่ฝั่งตะวันตกแม่น้ำเจ้าพระยา (หมายถึงฝั่งธนบุรีและจังหวัดปริมณฑล)
มีคลองที่ขุดจากเหนือมาใต้น้อย ก็เนื่องมาจากฝั่งตะวันตกเจริญช้ากว่า
ฝั่งตะวันออก หรือฝั่งพระนคร ความเจริญของฝั่งตะวันตกในสมัยรัชกาลที่ ๔
รัชกาลที่ ๕ มีไม่มาก ส่วนใหญ่อยู่แถบบางกอกน้อยบางกอกใหญ่
ถ้าห่างจากฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยามาสัก ๕-๑๐ กิโลเมตร ก็เป็นแต่สวน นาและป่า
คลองส่วนใหญ่ที่ขุดขึ้นในฝั่งตะวันตก โดยมากเป็นไปเพื่อประโยชน์
ใช้ในการสัญจรเรือระหว่างแม่น้ำเจ้าพระยาและแม่น้ำท่าจีน
จะมีบางคลองบ้างที่เป็นประโยชน์ในการชักน้ำเข้าพื้นที่การเกษตร
แต่ก็แปรมาจากคลองที่ใช้สัญจรทางน้ำนั่นเอง คลองเหล่านี้ไม่ใช่คลองใหญ่
หรือคลองที่ลึก เนื่องจากไม่ได้ค่อยรับอิทธิพลจากการบุกเบิกที่ดิน
ในสมัยรัชกาลที่ ๕ ดังเช่นการบุกเบิกที่ดินแถบรังสิตปทุมธานี
ซึ่งการบุกเบิกที่ดินในครั้งนั้น มีเรื่องการขุดคลองเข้ามาเกี่ยวข้องเป็นสำคัญ
คลองฟากตะวันตก จึงเป็นคลองแนวตะวันออกตะวันตกไม่ใช่คลองเหนือใต้
คลองเหล่านี้มีประโยชน์ในการสัญจรและขนส่งสินค้า ต่อมาในปัจจุบัน
คลองเหล่านี้ก็เป็นทางส่งน้ำและระบายน้ำจากแม่น้ำเจ้าพระยาไปลงแม่น้ำท่าจีน
ที่คุณร่วมฤดีสงสัยนั้น ไม่ใช่เพราะฝั่งตะวันตกไม่เคยมีน้ำท่วมหรอกครับ
ฝั่งตะวันตกนี่แหละน้ำท่วมบ่อยและท่วมครั้งละนานๆ แต่ที่ชาวบ้านแต่ก่อนเคยชิน
กับเรื่องน้ำท่วมมาพอสมควร และในอดีตถึงน้ำจะท่วมฝั่งตะวันตก
ก็มีความเสียหายน้อยกว่าฝั่งตะวันออก เนื่องจากเป็นแต่พื้นที่การเกษตร
และมีผู้คนอาศัยไม่หนาแน่น แต่ปัจจุบัน ฝั่งตะวันตกมีผู้คนอาศัยอยุ่
หนาแน่นขึ้นกว่าแต่ก่อนมาก หมู่บ้านมีมาก เส้นทางการคมนาคมเยอะขึ้น
คลองซอยต่างๆ ที่เคยมีถูกถมบ้าง ถูกละเลยบ้าง ทุ่งรับน้ำหายไป
เพราะถูกใช้สร้างที่อยู่อาศัย ถนนนสร้างขวางทางน้ำ ฯลฯ
(ตรงที่เป็นห้างโลตัสพุทธมณฑลสาย ๕ ในภาพนั้น
เดิมคือบึงขนาดกว้างใหญ่และลึกมากหลายเมตร เพิ่งถูกสูบน้ำออก
เอาดินมาถมทำห้างได้ไม่นานนี้เอง ช่วงที่น้ำสูงๆ ที่ถนนหน้าห้างแห่งนี้
น้ำสูงระดับอก (ราวๆ ๑ เมตร ๒๐ เซ็นติเมตร) น้ำท่วมในห้างชั้นล่างเสียหาย)
เมื่อน้ำท่วมมากๆ ฝั่งตะวันตกก็กลายเป็นแดนสนธยาในท้องน้ำ
เดือดร้อนมากและนาน สมชื่อแล้วที่ชื่อฝั่งธน (ทน) ที่ความเจริญ
ยังมีน้อยกว่าฝั่งพระนครแม้ทุกวันนี้