มกราคม ๒๕๖๑ สมาคมวัฒนธรรมเจ้าฟ้าดอกเดื่อติดต่อผู้แทนสมาคมสถาปนิกสยาม ถึงความเป็นไปได้ที่จะสนับสนุนเงินทุนในการบูรณะโบราณสถานต่อตามโครงการ ซึ่งฝ่ายไทยตอบไปว่า ในฐานะผู้บริจาค ถ้าฝ่ายพม่าพร้อมที่จะกลับมาดำเนินโครงการต่อ ต้องมีความชัดเจน มิฉะนั้นฝ่ายไทยคงไม่นำเงินกลับไปทำให้
ข้อที่ ๑ ของความชัดเจนคือ ภาครัฐของพม่าจะต้องเข้ามาร่วมกับอูวินหม่อง สถาปนิกผู้เชี่ยวชาญด้านอนุรักษ์ศิลปสถาปัตยกรรมของพม่า ที่ได้รับการยอมรับนับถือทั้งในพม่าและต่างประเทศ โดยกรมโบราณคดีของพม่าจะต้องเข้ามาเป็นผู้จัดการโครงการร่วมกับอูวินหม่อง
ข้อนี้ ฝ่ายพม่าไม่มีปัญหาเพราะเป็นความต้องการอยู่แล้ว หากการดำเนินงานอยู่ภายใต้กรมโบราณคดี ก็จะมีสิทธิ์เต็มที่ตามกฏหมาย ก็ไม่ต้องไปขออนุญาตท้องถิ่นอีกไม่ว่ามัณฑเลยหรืออมรปุระ แต่จะขอให้มีชื่อนายวิจิตร ชินาลัย เป็นหนึ่งในผู้บริหารจัดการโครงการนี้ ขึ้นป้ายร่วมกับชาวพม่าคนอื่นๆด้วย
ข้อที่ ๒ โครงการนี้จะต้องใช้ชื่อว่า โครงการอนุสรณ์สถานพระมหาเถระเจ้าอุทุมพร เหมือนเดิม
สำหรับเรื่องนี้ไม่มีปัญหา
ข้อที่ ๓ การกระทำทั้งหลายทั้งปวง จะต้องทำโดยกรมโบราณคดีพม่า ในฐานะเป็นผู้รับผิดชอบ และเมื่องานก่อสร้างเสร็จแล้ว จะทำพิธีมอบให้หลวงพ่อษิตากู เป็นเจ้าของโครงการ ดูแลรับผิดชอบในการบริหารจัดการต่อ หากว่ากรมโบราณคดีจะเข้ามาร่วมในการบำรุงรักษาก็ว่ากันไป หรือหากจำเป็นต้องใช้งบประมาณในส่วนงอกของโครงการ ก็ให้แจ้งให้ฝ่ายไทยทราบในภายหลัง
เงื่อนไขเหล่านี้ ฝ่ายพม่ารับได้หมดและขอเร่งให้ดำเนินงานได้ต่อเลย
กุมภาพันธุ์ ๒๕๖๑ กรมโบราณคดีพม่าได้ส่งคนเข้ามา จ้างคนงานมาระดมถางวัชพืชดายหญ้า รื้อป้ายเก่าต่างๆออก (ตามภาพที่ผมนำมาลงก่อนหน้า) แล้วยกป้ายขึ้นมาใหม่ว่าเป็นโครงการของกรมโบราณคดี รอรับคณะของฝ่ายไทยที่จะไปลงนามในข้อตกลงฉบับใหม่
สภาพพื้นที่เมื่อวันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2561
รูปถ่ายที่เห็นใด้รับจากคณะขององค์กร Home run ที่ใด้เข้าเยี่ยมชมโครงการการ อนุรัษ์ปฏิสังขรณ์เพื่อให้เป็น "อนุสรณสถานพระมหาเถระเจ้าอุทุมพร " ซึ่งเพิ่งจะใด้รับอนุญาตให้ดำเนินการต่อใด้ จากกรมโบราณคดีรัฐบาลเนปิดอร์และรัฐบาลท้องถิ่นรัฐมัณฑะเลย์ เมื่อต้นเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมานี้เองหลังจากโครงการถูกแจ้งให้ระงับการปฏิบัติการเป็นการชั่วคราวมาตั้งแต่ 26 มิถุนายน 2559
ในช่วง 1ปี 8เดือนที่ผ่านมาซึ่งมีทั้งพายุฝน มีน้ำท่วมอย่างหนัก พื้นที่ทั้งหมด 2.5 ไร่ กลับไปเป็นป่าเช่นเดิม เต็มไปด้วยวัชพืชและต้นไม้น้อยใหญ่ขึ้นปกคลุมเต็มไปหมดมองอะไรไม่เห็น เต็มไปด้วยงูนานาชนิด
ต้องขอบคุณทีมงานของ U Win Moung และ เจ้าหน้าที่จากกรมโบราณคดีประเทศพม่าที่ช่วยกันเร่งรีบกำจัดวัชพืชและเคลียร์พื้นที่ทั้งหมดจนสอาดใด้ภายใน10 วันที่ผ่านมา
โชคดีเป็นอย่างมากที่เจดีย์ทรงโกศ เราตีโครงไม้ยึดใว้อย่างแข็งแรงตั้งแต่ต้นปี 2559 ไม่เช่นนั้นคงล้มไปแล้วจากพายุฝนและน้ำท่วมใหญ่และแผ่นดินไหวที่ผ่านมาในบริเวณนี้ การดำเนินการต่อตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปคงต้องเริ่มที่เจดีย์ทรงโกศองค์นี้แหละเพราะเป็น symbolic ของ " สถานที่ ที่เชื่อกันมานมนานแล้วว่าเป็น สถานที่ ที่ถวายพระเพลิงพระบรมศพ และมีการบรรจุพระบรมอัฐิใว้ในบริเวณนี้ ตามระบุใว้ใน Parabike ของพม่า
* ภาพพระเจดีย์หมายเลข 3 ซึ่งใด้ขุดค้นพบภาชนะทรงบาตรประดับกระจกตั้งบนพานแก้วแว่นฟ้า เมื่อกำจัดวัชพืชแล้วใด้พบว่า มีดอกบานไม่รู้โรยบานอยู่ที่ฐานพระเจดีย์ ท่ามกลางวัชพืชที่ปกคลุมเต็มไปหมด
ต้องขอบคุณ คณะ Home run ที่กรุณาส่งภาพมาให้ผมเมื่อเช้านี้ ซึ่งผมอยากจะ Share กับเพื่อนๆที่ ห่วงใย สนใจและติดตามเรื่องโครงการนี้มาตั้งแต่ พ.ศ. 2555 ให้ทราบสถานะภาพของโครงการนี้ ณ วันนี้และเดี๋ยวนี้ครับ
วิจิตร ชินาลัย
คคห. ๔๔๑