อันการดนตรีนั้น การสอนการเรียนอาศัยการจำ และการฝึกฝนเป็นเชิงศิลปะ หรือสมัยนี้ก็วิเคราะห์ไว้ว่าใช้สมองในส่วนต่างๆกัน สำหรับเรื่องดนตรี และเรื่องการขีดๆเขียนเรื่องเรียน เมื่อเจอทำนอง ก็คลอๆกันไปได้ บางครั้งการตีระนาดอย่างชำนาญการแล้ว ไม่ต้องใช้ความคิด มือก็บรรเลงไปได้เองก็มี
สำหรับการเรียนอักขระนั้น คุณหลวงเล็กลองดูลิงค์นี้นะครับ
http://topicstock.pantip.com/library/topicstock/2010/06/K9360777/K9360777.htmlจะเห็นว่าการเขียนอักษรไทยสมัยก่อนนั้น มีระเบียบและแบบแผนอย่างชัดเจน เรียกว่า ต้องเรียนวิธีผสมอักษร อะไรเจอกับอะไรเขียนอย่างไร ซึ่งมีความยากในตัว คนโบราณท่านสั่งสอนไว้เป็นแบบ แต่ปัจจุบันสูญหายหมดแล้วครับ
เหตุผลดีน่าฟังครับ ในแง่หนึ่ง ดนตรีใช้การฟัง อันเป็นทักษะในชีวิตประจำวันที่คนเราใช้มากที่สุด
จากนั้นก็คือพูด ถัดไปคืออ่าน และท้ายสุดคือเขียน การเรียนดนตรีสมียก่อนไม่มีการสอนเขียนโน้ต
แต่อาศัยการฟังและจดจำวิชาความรู้เอาจากครูผู้สอน ซึ่งจะเน้นการปฏิบัติดีดสีตีเป่าเป็นสำคัญ
ผิดกับวิชาหนังสือ ที่มุ่งสอนให้อ่านให้เขียนได้ ส่วนการพูดและการฟังนั้น ไม่ใช่ทักษะที่เน้นมากการสอนภาษไทยสมัยก่อน
เพราะเด็กๆ รู้จักพูดรู้จักฟังมาแต่เกิด แต่การเขียนและการอ่านนั้นเป็นสิ่งที่ต้องฝึกฝนเอาเมื่อรู้ความแล้ว
อีกทั้งชีวิตประจำวันของคนสมัยก่อน ไม่ได้ผูกพันกับเรื่องหนังสือมากอย่างคนปัจจุบัน
ชาวนาชาวไร่ชาวสวนอาจจะไม่รู้หนังสือเลย แต่ก็สามารถประกอบอาชีพได้
พ่อค้าแม่ค้า แม้อ่านเขียนไม่ได้แต่ก้สามารถซื้อขายของได้เหมือนกัน
เรื่องการอ่านเขียน โดยมากอยู่กับพระกับข้าราชการเป็นหลัก
วิธีการเรียนหนังสือสมัยก่อนนั้น ใช้เวลามาก กว่านักเรียนจะสามารถอ่านหนังสือได้แตกฉาน
เพราะจะต้องรู้จักประสมพยัญชนะกับสระไปตามลำดับจนหมดที่ตัว ฮ
ดังนี้
ก กา กิ กี กึ กื กุ กู เก แก ไก ใก โก เกา กำ กะ
ข ขา ขิ ขี ขึ ขื ขุ ขู เข แข ไข ใข โข เขา ขำ ขะ
.....
ไปจนจบที่ ฮะ
จากนั้นก็เริ่มประสมตัวสะกดไล่ไปที่ละมาตรา ตั้งแต่แม่กก
ดังนี้
กก กัก กาก กิก กีก กึก กืก กุก กูก เกก แกก โกก กอก กวก เกียก เกือก เกิก ไล่ไปจนจบที่ เฮิก
แล้วขึ้นมาตราตัวสะกดใหม่ กง กด กน กบ กม เกย (เกย+เกอว+ฯลฯ) ไล่ไปอย่างนี้
ในระหว่างเรียนประสมตัวสะกดตั้งแต่แม่ก กา มาจน เกย ต้องการอ่านแบบฝึกอ่าน เช่นกาพย์พระไชยสุริยาด้วย
เพื่อให้นักเรียนจำได้ขึ้นใจ แน่นอนกว่าจะไปถึงเกย เด็กนักเรียนอาจจะต้องไปช่วยพ่อแม่ทำนานำไร่
ไม่ได้เรียนสม่ำเสมอ โอกาสจะลืมก็มีมากทีเดียว อันเป็นเหตุสมัยหลังถึงได้มีการแต่งแบบเรียนเร็วขึ้น
เพื่อให้เด็กเรียนภาษาไทยได้เร็วยิ่งขึ้นแต่ก็มีข้อเสียเหมือนกัน คือ เด็กบางคนอ่านหนังสือไม่แตก เพราะเรียนเร็วเลยจำไม่ทัน
และไม่เข้าใจถ่องแท้ หนักที่สุด คือ เด็กบางคนเรียนถึงมัธยมแล้วอ่านภาษาไทยไม่ออก
ใครมีเหตุผลจะแย้งจะสนับสนุนเพิ่มเติม ก็ยินดีนะครับ สนุกดี