siamese
|
เรื่องราวของทูตอเมริกาท่านหนึ่งที่นำมาให้ประเทศญี่ปุ่นและสยามเข้ามาเกี่ยวข้อง ขัดแย้ง วุ่นวาย
และเมื่อลูกโอ๊คได้ร่วงหล่นลงพื้นอย่างเงียบ ๆ ไม่นานนักต่างผลิใบออกผล เติบโตเจริญก้าวหน้าตามลำดับ กระแสแห่งการค้าเป็นเพียงแค่การเริ่มต้น
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
siamese
|
ความคิดเห็นที่ 1 เมื่อ 24 ธ.ค. 11, 21:45
|
|
ท่านผู้นี้เป็นพ่อค้าชาวอเมริกัน พูดได้หลายภาษา เช่น ฝรั่งเศส อิตาเลียน สเปน จนมาค้าขายที่เซี่ยงไฮ้ และโอกาสแห่งโชคก็มาถึง ค.ศ. 1853 ท่านได้เข้ารับสมัครเป็นกงสุลอเมริกันประจำฮ่องกง หรือไม่ก็ที่กวางตุ้ง
ความเก่งและความสามารถทำให้ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา เพียร์ซ ได้สนับสนุนให้เป็นกงสุลเมืองนิงโป ประเทศจีน ได้รับเงินเดือน 1,000 ดอลล่าร์/ปี (รวยอู้ฟู่เลยครับ) โดยได้รับการอนุมัติจากสภาซีเนท ในวันพุธ 2 สิงหาคม ค.ศ. 1854
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
Wandee
|
ความคิดเห็นที่ 2 เมื่อ 24 ธ.ค. 11, 22:02
|
|
โอ....สารตั้งต้นของมาดามบัตเตอร์ฟลายนี่เอง
เมื่อคืนอ่านเพรสซิเด้นเพี๊ยสอยู่พอดี
ขอพายเรือตามดอนไปเรื่อยๆ ประวัติศาสตร์ที่เขียนเป็นภาษาไทยในสมัยนั้นอาจไม่สมบูรณ์เต็มที่
อา....แฮรีสซัง
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
siamese
|
ความคิดเห็นที่ 3 เมื่อ 24 ธ.ค. 11, 22:02
|
|
เป็นเวลาเกือบปีท่านต้องเดินทางไปรับตำแหน่งที่สหรัฐอเมริกา ผ่านไปมะละกาก็แวะคุยกับเพื่อนที่กงสุลสหรัฐที่เกาะปีนัง การที่ท่านรับตำแหน่งกงสุลที่นิงโป ประเทศจีน ไม่ค่อยดีใจมากนัก หากแต่เป้าหมายหลักของท่านคือ ต้องการเป็นกงสุลประจำประเทศญี่ปุ่นเสียมากกว่า
ในระหว่างเดียวกันและก่อนหน้านี้ เกิดความวุ่นวายอย่างใหญ่หลวงกับประเทศญี่ปุ่น รัฐบาลโชกุนโตกุกาว่า และองค์จักรพรรดิ์ต่างมีปัญหาระหว่างกัน การปฏิรูประบบราชการแถมยังกองเรือโดยผู้บังคับการเปอร์รี่ ได้นำเรือดำเข้าเทียบท่า ประเทศญี่ปุ่น
ภาวะวุ่นวายถึงกระแสการให้เปิดประเทศจากญี่ปุ่นสังคมใหม่ ขัดแย้งกับสังคมเก่า ตลอดจนมีผู้เรียกร้องให้เปิดประเทศ ส่วนฝ่ายจักรพรรดิ์ไม่ต้องการให้เปิดประเทศคบค้ากับต่างชาติ เรือดำ (Black Ship) ทำให้สังคมญี่ปุ่นเกิดสงครามภายในความขัดแย้งกันจนแตกเป็นสองฝ่าย
และท้ายที่สุดสนธิสัญญาของเปอร์รี่ ได้ถูกทำสัญญาวันที่ 31 มีนาคม ค.ศ. 1854
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
siamese
|
ความคิดเห็นที่ 4 เมื่อ 24 ธ.ค. 11, 22:08
|
|
โอ....สารตั้งต้นของมาดามบัตเตอร์ฟลายนี่เอง
เมื่อคืนอ่านเพรสซิเด้นเพี๊ยสอยู่พอดี
ขอพายเรือตามดอนไปเรื่อยๆ ประวัติศาสตร์ที่เขียนเป็นภาษาไทยในสมัยนั้นอาจไม่สมบูรณ์เต็มที่
อา....แฮรีสซัง
พ่วงเรือไปด้วยกัน
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
Wandee
|
ความคิดเห็นที่ 5 เมื่อ 24 ธ.ค. 11, 22:15
|
|
แทงยู
สัญญาว่าจะไม่ปาดโดยไม่จำเป็น และจะไม่ใช้ลิ้งค์ของดอนเป็นอันขาด
(ถ้าไม่เผลออ่ะ)
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
siamese
|
ความคิดเห็นที่ 6 เมื่อ 24 ธ.ค. 11, 22:37
|
|
เมื่อได้ทำสนธิสัญญาทางการค้ากับทางประเทศญี่ปุ่นแล้ว ก็กำหนดจะต้องตั้งสถานกงสุลสหรัฐฯ ประจำประเทศยี่ปุ่นขึ้นภายในเวลา 18 เดือน หรือปีครึ่ง แท้จริงแล้วสัญญาของเปอร์รี่ที่ทำกับประเทศญี่ปุ่นนั้นไม่ใช่สัญญาทางการค้า หากแต่เป็น "Wood and Water Treaty"
และแน่นอนว่าบุคคลอันดับหนึ่งที่ควรจะได้เป็นกงสุลคือ "เทาเซนด์ แฮรีส"
ญี่ปุ่นก่อนหน้านี้ มีนายทหารเรืออเมริกัน "นายพลจัตวาบิดเดิ้ล" ได้เดินเรือมาที่ญี่ปุ่นเพื่อทำการเจรจาทางการค้า หากแต่ถูกชาวญี่ปุ่นขับไล่ ทำให้เกิดภาพพจน์ถึงความอ่อนแอของอเมริกัน หากแต่การมาของนายพลเปอร์รี่ กลับมาในตรงกันข้าม
ญี่ปุ่นจะทำตัวอย่างไรกับการรบกับอเมริกา กับ การถูกให้ยึดดินแดนเป็นเมืองขึ้น สิ่งเหล่านี้กลายเป็นเกมการเมืองระหว่างรัฐบาลจักรพรรดิ์ (บาคุฟุ) กับ รัฐบาลโชกุน (ตระกูลโตกุกาว่า) ฝ่ายซามูไรที่ปกป้องสถาบันย่อมถือตนว่าเป็นนักรบ มิยอมให้ชาวป่าเถื่อนเข้ามาในดินแดนอันศักดิ์สิทธิ์แห่งลูกพระอาทิตย์ได้
หากยอมให้มีการเปิดประเทศ หรือเป็นเมืองขึ้นแล้ว บรรดาซามูไรก็ย่อมมีปัญหา แน่นอนพวกเขาจะทนได้หรือที่จะเห็นโชกุน ยอมก้มหัวให้กับชาวป่าเถื่อน
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
siamese
|
ความคิดเห็นที่ 7 เมื่อ 24 ธ.ค. 11, 22:48
|
|
สัญญาโดยเปอร์รี่ เรียกภาษาญี่ปุ่นว่า "สนธิสัญญาคานากาวา" ทำกันที่หมู่บ้านประมงเล็ก ๆ เมืองโยโกฮามา โดยมีการเปิดเมืองท่าฮาโกดาเตะ และ ชิโมดะ ให้กับเรืออเมริกัน
สนธิสัญญาคานากาวานี้ ญี่ปุ่นอ้างเพียงเปิดแง้มให้เท่านั้น ไม่ได้เปิดเมืองอย่างเต็มที่ ซึ่งเป็นเมืองประมงเล็ก ๆ แถมยังมีเวลาอีก 18 เดือน กว่าอเมริกาจะดำเนินการตั้งกงสุล โดยที่ญี่ปุ่นไม่ต้องการแม้แต่น้อย
ระหว่างกันนี้บรรดาโลกตะวันตก เริ่มรุกไล่เข้าขย้ำญี่ปุ่น ทั้งอังกฤษ และรัสเซีย เนเธอร์แลนด์ ต่างรุมเร้าบังคับให้เปิดประเทศและยึดเมืองท่าไว้ มีการเปิดเมืองท่านางาซากิ โมดะ ชิอาโกดา
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
siamese
|
ความคิดเห็นที่ 8 เมื่อ 24 ธ.ค. 11, 22:56
|
|
ภาพแฮริส เข้าเฝ้าโชกุนองค์ที่ 13 อิเอยาซึ โตกุกาวะ ที่บาคุฟุ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
siamese
|
ความคิดเห็นที่ 9 เมื่อ 24 ธ.ค. 11, 22:56
|
|
ภาพขบวนทูตญี่ปุ่น ที่ไวท์เฮ้าส์ สหรัฐอเมริกา คศ. 1860
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
Wandee
|
ความคิดเห็นที่ 10 เมื่อ 25 ธ.ค. 11, 06:43
|
|
ภาพสตรีสองคนที่ปีนโต๊ะเพื่อดูแขกจากต่างประเทศนั้น แปลกอยู่สักหน่อยที่ไม่สำรวมว่าตนเอง
ก็เป็นแขกในสถานที่นั้น
หนังสือพิมพ์ในอเมริกาให้ความสนใจกับการมาเยือนของคณะทูตมาก สละเนื้อที่รายงานกันอย่างละเอียด
ในตอนแรกหนังสือพิมพ์เน้นว่า แขกของประเทศผู้มาจากทางไกลจะได้เห็นความเจริญของโลกตะวันตกและความก้าวหน้าของอเมริกา
อเมริกันชนตามถนนก็มามุงดู สนใจเสื้อผ้า ทรงผม และดาบญี่ปุ่น กันออกนอกหน้า แสดงมารยาทฝรั่งมุง(เพราะไม่ค่อยมีอะไรดู)
หนังสือพิมพ์ใหญ่ฉบับหนึ่งถึงกับครวญว่า อเมริกาคงมีสุภาพบุรุษและสุภาพสตรีบ้าง แต่น่าเสียใจที่ผู้มาเยือนชาวญี่ปุ่นคงไม่ได้เห็น
"The barbarian and savage behavior has been entirely upon our part".
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
Wandee
|
ความคิดเห็นที่ 11 เมื่อ 25 ธ.ค. 11, 07:07
|
|
คณะทูต เกือบ ๗๐ ชีวิตโดยสารมากับเรือของกองทัพเรือ USS Powhattan
สิ่งที่น่าสนใจคือ ญี่ปุ้นส่งเรือรบ Karin Maru มาคุ้มกันตลอดการเดินทาง มีกัปตันชื่อ Katsu Kaishu
เจ้าหน้าที่ในเรือมี ๙๘ คน เจ้าหน้าที่อเมริกัน ๑ คน ความสำคัญก็คือว่าญี่ปุ่นสามารถเรียนรู้เทคนิคของการนำทางแบบตะวันตก
ได้ในเวลาไม่ถึง ๖ ปีหลังจากที่ได้ปิดประเทศไปตั้ง ๒๕๐ ปี
ล่ามญี่ปุ่นนั้นเก่งมากเพราะตอนอายุ ๑๔ เรือแตกแล้วได้รับการช่วยเหลือให้ไปอยู่ในอเมริกาตั้งเกือบ ๑๐ ปี เรียนหนังสือชั้นประถมและมัธยมในอเมริกา
กลับบ้านไปตอนอายุ ๒๔
เมื่อเรือ Karin Maru ไปถึงซานฟรานซิสโก เจ้าหน้าที่เรือ Fukuzawa Yukishi ก็ไปหาซื้อพจนานุกรม อังกฤษ-จีนของเว็บสเตอร์มาศึกษา
ต่อมาเขาก็สร้างพจนานุกรมพจนานุกรม อังกฤษ-ญี่ปุ่นออกมา
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
Wandee
|
ความคิดเห็นที่ 12 เมื่อ 25 ธ.ค. 11, 07:16
|
|
กวีไฮกุคนสำคัญ Kato Somo ตอนนั้นเป็นหนุ่มอายุ ๓๗ ที่เดินทางไปกับคณะทูต เขียนไฮกุตอนหนึ่งว่า
Despised grass flourishes
orchids not to be seen
anywhere
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
Wandee
|
ความคิดเห็นที่ 13 เมื่อ 25 ธ.ค. 11, 07:25
|
|
เรื่องราวที่คุณหนุ่มสยามนำมาเล่านี้ มีสาระน่าสนใจ
ดิฉันก็ตามอ่านจากหนังสือพิมพ์เป็นหลัก พยายามรักษาระดับการปาดให้อยู่เวลาเดียวกัน
ไหนๆก็เมตตาให้พ่วงเรือมาด้วยกันแล้ว ถึงจะไม่ได้รับแจกขนมนมเนยแม้นแต่ครั้งก็ไม่เป็นไร
อย่าตีเอื้อยตกน้ำเลยนะคะคุณหนุ่ม
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
siamese
|
ความคิดเห็นที่ 14 เมื่อ 25 ธ.ค. 11, 09:38
|
|
เรื่องราวที่คุณหนุ่มสยามนำมาเล่านี้ มีสาระน่าสนใจ
ดิฉันก็ตามอ่านจากหนังสือพิมพ์เป็นหลัก พยายามรักษาระดับการปาดให้อยู่เวลาเดียวกัน
ไหนๆก็เมตตาให้พ่วงเรือมาด้วยกันแล้ว ถึงจะไม่ได้รับแจกขนมนมเนยแม้นแต่ครั้งก็ไม่เป็นไร
อย่าตีเอื้อยตกน้ำเลยนะคะคุณหนุ่ม
. ช่วงนี้ไม่อยากทานมะเขือ ...หากคุณวันดีได้อ่านหนังสือพิมพ์เป็นหลัก คงจะทราบข่าวการเดินทางมาของเรือ US. San Jacinto ที่เดินทางเข้ามายังสยามด้วย อันเป็นเหตุให้เรื่องราวที่น่าติดตามต่อไปนี้ เกี่ยวข้องกับบันทึกของแฮริส ในสยามประเทศ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
|