ปาเอลย่าเป็นอาหารเชิดหน้าชูตาชาติอีกอย่างหนึ่งของสเปน
(ที่คนต่างชาติหลายๆคนชอบเรียกว่า ปาเอลล่า
แต่เราคนไทยฉลาดกว่าเรียกแล้วกลัวผิด เลยเปลี่ยนชื่อให้ใหม่เรียกกันว่าข้าวผัดสเปน)
เป็นอาหารที่ทำได้ตามใจฉันเหมือนไข่เจียวสเปน แต่ที่เด่นๆที่มีขายในภัตตาคาร
มีอยู่สองชนิด ปาเอลย่า วาเลนซีอาน่า (Paella Valenciana)
และ ปาเอลย่า เด มารีสโก้ (Paella de marisco)
ปาเอลย่า วาเลนซีอาน่า จะใส่ผัก และเนื้อสัตว์ เช่น ไก่ กระต่าย
หรืออย่างอื่นที่มีอยู่ในครัว บางทีก็มีใส้กรอก โชริโซ่ใส่มาด้วย
ส่วนปาเอลย่า เดมารีสโก้ นั้นใส่แต่อาหารทะเล ตามชื่อบอกไว้
(มารีสโก้แปลว่าอาหารทะเล)
ครอบครัวคาทาลาน ผมกินกันแต่ปาเอลย่าอาหารทะเล เลยทำให้แม่ผมก็กินแต่แบบนี้
นอกเหนือจากนี้เขาก็มี แตกแยกสาขาไปเป็น ปาเอลย่าแบบไว้ทุกข์
หรือเรียกกันง่ายๆตรงตัวว่าข้าวดำ (Arroz negro ในภาษาสเปน
หรือ Arròs negre ในภาษาคาทาลาน)
ที่ข้าวมันดำเพราะใช้ปลาหมึก ซึ่งเป็นตัวประกอบสำคัญของปาเอลย่าแบบไว้ทุกข์
พอๆกับข้าวเลยทีเดียว แล้วก็มีปาเอลย่าแบบยาจก
มีปาเอลย่าไม่ใส่ข้าวแต่ใส่เส้น แล้วก็อีกหลายๆอย่างที่ผมเห็นจะต้องเก็บไปอธิบายในวันหน้า
เพราะวันนี้ผมออกจะเหวง ("เหวง" จึงกลายเป็นศัพท์ใหม่ที่เกิดขึ้นอยู่ในเฟซบุ๊คและทวิตเตอร์ของใครหลายคนใน
โลกไซเบอร์ หมายถึง "พูดจาไม่รู้เรื่อง พูดจาวกไปวนมา หรือพูดจาออกนอกเรื่องออกทะเล"
จาก
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1269930073&grpid=01&catid=)
มากไปแล้ว
เราสั่งไวน์ เฟาส์ติโน่ หรือเรียกเต็มยศว่า เฟาส์ติโน่ ที่หนึ่ง กรานเรเซร์ว่า (Faustino I Gran Reserva)
ของรีโอค่า มากินกับปาเอลย่า วาเลนซีอาน่า ที่เขามีวันนี้ แม่ว่า ไวน์ไม่อร่อยนัก แต่ก็กินได้
อัลฟองโซ่บอกว่า เราอาจสั่งไม่ถูก เพราะ ยี่ห้อนี้มีหลายเบอร์ มีเฟาส์ติโน่ที่ไม่มีเบอร์
และ เบอร์ห้า กับเบอร์เจ็ด เราต้องค่อยลองชิมไปเรื่อยๆ
พอกินเสร็จก็ตามเคย ต้องไปนอนพักพุง แล้วนัดเจอกันตอนเย็นๆอีกที
เรานัดเจอกันเพื่อไปหาซื้ออาหารเย็นมากินด้วยกันที่โรงแรมที่พักเพราะเขามีครัวให้ด้วย
แถมอัลบ้าคุยให้เราฟังบ่อยๆ ถึงความเก่งด้านทำอาหารของอัลฟองโซ่
ขากลับโรงแรมเราเดินผ่านหน้าโบสถ์ประจำเมือง
เห็นคุณป้าหลายๆคนเล่นเกมส์ที่แม้คนสเปนอย่างอัลบ้าและอัลฟองโซ่ก็ไม่เคยเห็น
แม่เข้าไปถาม ป้าๆก็บอกว่าไม่มีเวลาอธิบายต้องรีบเล่นให้เสร็จ
แค่อัลฟองโซ่แอบไปจับลูกโยนลองดูน้ำหนัก
ป้าใจดำกว่าอีกาทั้งหลายก็ตะโกนด่าว่าซะดังลั่น จนบัดนี้เราก็ไม่รู้ว่ามันคือเกมส์อะไร
ดูเหมือนเล่นโบว์ลิ่ง แต่ไม่ใช่ เพราะมีวิธีการโยนทั้งสองฝั่ง
ผัดกันโยน สลับกันไป (รูปที่หนึ่งและสอง)
องค์ประกอบการเล่นเป็นไม้ทั้งหมด ท่าจะเล่นกันมานานแล้ว
ถ้าเป็นเกมส์ที่คิดกันขึ้นมาใหม่น่าจะทำด้วยพลาสติกทั้งหมด
เห็นท่าโยนลูก และคำบอกของอัลฟองโซ่ (ที่แอบจับ) น่าจะหนักพอสมควร
เรายืนดู พร้อมขโมยถ่ายรูปคุณป้าอีกาทั้งหลายก่อนเดินกลับที่พัก
โดยความอยากรู้มาก แต่ก็ไม่รู้ ท่านผู้อ่านดูภาพเอาเองนะครับ
เกมส์นี้แม่และผมจนปัญญาจริงๆ
กลับมาถึงที่พักทั้งแม่และอัลบ้านั่งคุยกันอย่างเมามัน
ส่วนอัลฟองโซ่มีผมเป็นลูกมือในครัว ไม่ทำอะไรมากมาย
แค่สลัดผักรวม แต่มีไวน์อยู่สองขวด ซึ่งผมก็จำชื่อไม่ได้แล้ว
แม่ว่าน่าจะจำไว้จะได้ไม่ซื้ออีก ถึงกระนั้นผมก็ไม่เห็นเหลือซักหยด
วันนี้เรานอนเร็ว ยังไม่ห้าทุ่มเลย เงียบสงบทั้งโรงแรม