เรือนไทย
ยินดีต้อนรับ ท่านผู้มาเยือน
กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
ส่งอีเมล์ยืนยันการใช้งาน?
ข่าว: การแนบไฟล์ กรุณาใช้ชื่อไฟล์ภาษาอังกฤษเท่านั้นครับ
หน้า: 1 [2] 3
  พิมพ์  
อ่าน: 1495 บางกลางหาวกับทางช้างเผือก
CrazyHOrse
แขกเรือน
นิลพัท
*******
ตอบ: 2055



เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 15  เมื่อ 09 มิ.ย. 25, 22:02

ทีนี้กลับมาที่คำถามของคุณเพ็ญชมพู ”พ่อขุนท่านเกี่ยวข้องอะไรกับทางช้างเผือก?“

ก็คงพระนามท่านแหละครับ ซึ่งก็จะมีคำถามตามมาว่าทางช้างเผือกมีดีหรือมีความสำคัญอะไรที่จะเอามาตั้งเป็นชื่อ

ประเด็นนี้น่าสนใจมาก เพราะอาจจะต้องพิจารณาร่วมกับชื่อบุคคลร่วมสมัยอย่างพ่อขุนผาเมือง และพ่อขุนศรีนาวนำถุมด้วย

ผาเมืองแปลว่าอะไร ว่าตามพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถานอย่างนี้

ผา น. หินที่เขา เช่น หน้าผา เนินผา ผาลาด, ภูเขา เช่น เชิงผา, เรียกภูเขาด้านที่มีแผ่นหินตั้งชัน ว่า หน้าผา.

แต่ลองไปดูภาษาจ้วง ให้คำตอบที่ไม่ถึงกับแปลกใหม่ แต่น่าสนใจดี ผาคือภูเขา(หิน) ในขณะที่ ดอยคือภูเขา(ดิน)

บทความบางฉบับไปไกลถึงไทยอาหมที่ออกเสียงฟ้าว่าผา ซึ่งอันนั้นผมว่าไกลเกิน และไม่น่าอยู่ในสายวิวัฒนาการที่จะมาถึงภาษาไทยได้ครับ

ส่วนเมืองคงไม่ต้องดิ้นไปไหน น่าจะแปลได้อย่างเดียว

ผาเมืองจึงน่าจะแปลว่าภูเขาของเมือง ชวนให้นึกถึงแนวคิดเรื่องภูเขาศักดิ์สิทธิ์ประจำเมืองที่แพร่หลายในแถบนี้ตั้งแต่พราหมณ์-พุทธเข้ามาในภูมิภาคนี้

ส่วนศรีนาวนำถุม กับบางกลางหาว ท่านทั้งหลายเห็นว่าอย่างไรกันบ้างครับ
บันทึกการเข้า

"Postel's Law": "be conservative in what you do, be liberal in what you accept from others"
เพ็ญชมพู
หนุมาน
********
ตอบ: 16058



ความคิดเห็นที่ 16  เมื่อ 10 มิ.ย. 25, 09:35

วิสัชนา "ศรีนาวนำถุม"

ศรี มาจากภาษาสันสกฤต ศฺรี หมายถึง สิริมงคล, ความงาม, ความรุ่งเรือง, ความเจริญ ใช้นำหน้าคำบางคำเป็นการยกย่อง

นาว อาจจะมาจากคำว่า น้าว แปลว่า เหนี่ยวลง

นำถุม มีความหมายดังที่หลายท่านเคยเสนอไว้ในกระทู้ก่อน (บางกอกฯ) ว่า น้ำท่วม

นาวนำถุม = ทำน้ำท่วมให้ลดลง

"ศรีนาวนำถุม" จึงเป็นพระนามที่แสดงถึงพระปรีชาสามารถในการจัดการด้านชลประทานให้แก่อาณาประชาราษฎร์ ยิงฟันยิ้ม

สามพ่อขุน ศรีนาวนำถุม-ผาเมือง-บางกลางหาว กับ หนึ่งขอม ขอมสบาดโขลญลำพง จาก "พระร่วง มหาศึกสุโขทัย"

บันทึกการเข้า
CrazyHOrse
แขกเรือน
นิลพัท
*******
ตอบ: 2055



เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 17  เมื่อ 10 มิ.ย. 25, 14:13

น่าสนใจครับ น้าวแปลว่าดึงให้ต่ำลง
น้าวน้ำถุม คือทำให้น้ำท่วมลดระดับลง
เป็นนิมิตในเวลาประสูติ หรือเป็นผลงานของพระองค์
เป็นพระนามแต่แรกเกิดหรือเป็นพระนามที่ตั้งเพื่อถวายพระเกียรติกันแน่
บันทึกการเข้า

"Postel's Law": "be conservative in what you do, be liberal in what you accept from others"
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 41289

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 18  เมื่อ 10 มิ.ย. 25, 14:59

อย่าลืม ปู่งั่วนำถม อีกองค์นะคะ
แสดงว่าชื่อนี้ไม่ใช่ชื่อเฉพาะตัว   จึงมีบุคคลชื่อ นำถม อีกอย่างน้อย 1 ท่านในสมัยสุโขทัย

ตามจารึกหลักที่ 45 (จารึกสบถปู่หลาน) ระบุว่าเป็นหนึ่งในบรรพบุรุษของราชวงศ์พระร่วง.
มีข้อสันนิษฐานว่าพระองค์อาจเป็นผู้สำเร็จราชการแทนพระยาเลอไท.
ตามจารึกหลักที่ 4 (พ.ศ. 1904) มีข้อความเป็นภาษาเขมรว่า พระมหาธรรมราชาที่ 1 (ซึ่งขณะนั้นเป็นกษัตริย์ครองเมืองศรีสัชชนาลัยอยู่) เสด็จนำพลพยุห.
พญางั่วนำถมขึ้นครองเมืองสุโขทัยหลังรัชกาลพญาเลอไทย.
พระองค์ได้โปรดให้พญาลิไท ผู้เป็นโอรสของพยาเลอไท ไปครองเมืองศรีสัชนาลัยในฐานะอุปราชครองเมืองลูกหลวง.
พญางั่วนำถมสวรรคตในราว พ.ศ. 1890.
บันทึกการเข้า
เพ็ญชมพู
หนุมาน
********
ตอบ: 16058



ความคิดเห็นที่ 19  เมื่อ 10 มิ.ย. 25, 15:35

ดร.วินัย พงศ์ศรีเพียร อดีตอาจารย์ คณะอักษรศาสตร์  มหาวิทยาลัยศิลปากร  และเเมธีวิจัยอาวุโส สำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.) บรรยาย เรื่อง "สุโขทัยคดี" ในมิติประวัติศาสตร์ จารึกศึกษา และนิรุกติประวัติ

นาทีที่ ๓๗ อาจารย์ตีความว่า "นาวนำถุม" แปลว่า ดึงน้ำ, ชักน้ำ (เพื่อมาใช้) อันเกี่ยวเนื่องกับ "ท่อปู่พระยาร่วง"



"ท่อปู่พระยาร่วง" เป็นคลองชลประทาน ปรากฏนามในจารึก พ.ศ.๒๐๕๓ บนฐานเทวรูปพระอิศวร พบที่เมืองโบราณกำแพงเพชร ปัจจุบันเทวรูปนี้ประดิษฐานอยู่ที่พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ จังหวัดกำแพงเพชร ความตอนหนึ่งกล่าวว่า

"...อนึ่งท่อปู่พระยาร่วงทำเอาน้ำไปเถิงบางพานนั้นก็ถมหายสิ้นและเขาย่อมทำนาทองฟ้าและหาท่อนั้นพบกระทำท่อเอาน้ำไปเลี้ยงนาให้เป็นนาเหมืองนาฝายมิได้เป็นนาทาฟ้า อันทำทั้งนี้ ถวายพระราชกุศลแด่สมเด็จบพิตรพระเจ้าอยู่หัวทั้งสองพระองค์..."

แนวคลองจากกำแพงเพชรถึงบางพานนั้น ตามที่ปรากฏในจารึก ยังมีร่องรอยปรากฏให้เห็นในภาพถ่ายทางอากาศ และยังคงสภาพให้เห็นได้ในภูมิประเทศ และเป็นแนวเดียวกันกับแนวที่เชื่อกันมาในอดีตว่า เป็นถนน นั่นคือ "ถนนพระร่วง" ซึ่งเชื่อมโยงจากเมืองสุโขทัย ไปยังเมืองศรีสัชนาลัยทางด้านเหนือ และเมืองกำแพงเพชรทางด้านใต้

ข้อมูลจาก กรมศิลปากร
บันทึกการเข้า
เพ็ญชมพู
หนุมาน
********
ตอบ: 16058



ความคิดเห็นที่ 20  เมื่อ 10 มิ.ย. 25, 17:35

ข้อมูลจากหนังสือ จารึกเมืองกำแพงเพชร พ.ศ. ๒๐๕๓: ๕๐๐ ปี "ท่อปู่พระยาร่วง" หน้า ๓๐ เชื่อว่า พ่อขุนศรีนาวนำถุมเป็นผู้สร้างระบบชลประทาน "ท่อปู่พระยาร่วง"

หลักฐานข้อมูลจากรูปถ่ายทางอากาศ และภาพจากดาวเทียมชี้ชัดว่า กำแพงเมืองคูเมืองสุโขทัยสร้างขึ้นภายหลังความสำเร็จของการก่อสร้างคลองโบราณ "ท่อปู่พระยาร่วง" คลองชลประทานระบบบาราย ซึ่งมีวัดพระพายหลวงทำหน้าที่ควบคุมการระบายน้ำส่วนเกินผ่านคลองแม่น้ำลำพันลงสู่แม่น้ำยม เริ่มต้นสร้างเมืองสุโขทัยโดยอาศัยแนวคลองชลประทาน "ท่อปู่พระยาร่วง" ด้านทิศใต้ต่อจากบาราย วัดพระพายหลวงเป็นคูเมืองด้านตะวันออก

หลักฐานที่ศึกษาพบว่า "เมืองสุโขทัย" สร้างขึ้นภายหลังนี้ตรงกันกับหลักฐานทางประวัติศาสตร์โบราณคดี ที่เชื่อว่า เมืองสุโขทัยสร้างขึ้นประมาณกลางพุทธศตวรรษที่ ๑๘ หรือ ประมาณเมื่อ ๘๐๐ ปีมาแล้ว ช่วงเวลาสอดคล้องกับการตรวจสอบอายุท่อนซุงไม้สัก พบที่ริมฝั่งแม่น้ำปิงด้านใต้ของปากคลองท่อทองแดงที่กำลังสร้างอุโมงค์ประตูน้ำ และได้กำหนดอายุจากชิ้นส่วนซุงไม้สักซึ่งทำหน้าที่เป็นอุโมงค์หรือประตูน้ำในอดีต กำหนดอายุได้ประมาณ ๘๑๒ ± ๖๐ ปี (Barbetti: ๒๕๓๕) นับได้ว่าเป็นช่วงเวลาในรัชกาลพ่อขุนศรีนาวนำถุมผู้ครองเมืองสุโขทัย ซึ่งเชื่อได้ว่า ในช่วงรัชกาลพ่อขุนศรีนาวน้ำถุมได้มีการสร้าง หรือขุดลอกคลองท่อปู่พระยาร่วงก่อนการขุดลอกเมื่อ ๕๐๐ ปีมาแล้ว และเป็นช่วงเวลาเดียวกันกับการสร้างเมืองสุโขทัย


บันทึกการเข้า
CrazyHOrse
แขกเรือน
นิลพัท
*******
ตอบ: 2055



เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 21  เมื่อ 10 มิ.ย. 25, 22:24

ตีความอย่าง อ.วินัย แสดงว่านำถุมไม่ใช่น้ำท่วม แต่เป็นน้ำมากหรือน้ำอุดมสมบูรณ์ ซึ่งพิจารณาถึงชื่อพระยางั่วนำถมก็น่าสนใจ เพราะงั่วเป็นลำดับ มาจากชื่อตัวแน่ แต่นำถมเป็นส่วนหนึ่งของชื่อตัวด้วยหรือเปล่า หรือว่าเป็นชื่อเพื่อถวายพระเกียรติ

ถ้านำถมคือน้ำท่วม อาจจะไม่ใช่ชื่อที่จะใช้ถวายพระเกียรติได้นะครับ

จะว่าไปก็น่าสนใจที่มีชื่องั่วนำถม ไสสงคราม คติการตั้งชื่อใช้ลำดับเหมือนอย่างขุนหลวงพ่องั่ว เจ้าอ้าย เจ้ายี่ เจ้าสาม ของทางอยุธยา แต่ทางอยุธยาไม่มีสร้อยพระนามตามหลังครับ เป็นเพราะคติในการตั้งชื่อต่างกัน หรือว่าสร้อยพระนามในชื่องั่วนำถม ไสสงคราม ไม่ใช่ส่วนหนึ่งของชื่อตัวกันแน่

ไหนๆก็ไหนๆ ขอดูชื่อบานเมือง รามคำแหง งำเมือง ฦๅไทย เลอไทย ด้วยครับ

บันทึกการเข้า

"Postel's Law": "be conservative in what you do, be liberal in what you accept from others"
เพ็ญชมพู
หนุมาน
********
ตอบ: 16058



ความคิดเห็นที่ 22  เมื่อ 11 มิ.ย. 25, 09:35

เรื่องความหมายของพระนามกษัตริย์สมัยสุโขทัยนี้ รศ.ดร.ศานติ ภักดีคำ ได้อธิบายไว้ดังนี้

ในสมัยสุโขทัย พระนามบุรุษในราชวงศ์พระร่วง (หรือราชวงศ์ของพ่อขุนศรีอินทราทิตย์) มักมีปรากฏพระนามเดิมก่อนการครองราชสมบัติเป็นภาษาไทย เช่น ในหลักศิลาจารึกสุโขทัย หลักที่ ๔๕ (ศิลาจารึกปู่ขุนจิดขุนจอด) ปรากฏว่า "แต่นี้พงศ์ดำผีปู่ผาคำ ... ฝูงผู้หวาน ปู่ขุนจิดขุนจอด ... ปู่พระยาศ(รีอินทราทิ)ตย์ ปู่พระยาบาน ... ปู่พระยารามราช" หรือแม้แต่พ่อขุนศรีอินทราทิตย์เองก็มีพระนามเดิมว่า พ่อขุนบางกลางหาว ที่เป็นภาษาไทยเช่นกัน ส่วนพระนามก่อนสถาปนาเป็นกษัตริย์สุโขทัยในรัชกาลต่อ ๆ มา บางพระองค์เป็นภาษาอื่น เช่น ภาษาเขมร เป็นต้น

สำหรับพระนาม "รามคำแหง" นั้น ปรากฏคำว่า รามคำแหง ในหลักศิลาจารึกพ่อขุนรามคำแหง หลักที่ ๑ เพียงหลักเดียว ส่วนหลักอื่นปรากฏพระนามว่า "พญารามราช"

พระนามว่า "ราม" น่าจะมาจากพระราม ซึ่งเป็นอวตารปางที่ ๗ ของพระวิษณุ หรืออาจจะมาจากภาษาไทย ที่แปลว่า "ปานกลาง" เช่น กลองอันใหญ่ กลองอันราม กลองอันเล็ก ซึ่งในที่นี้อาจหมายถึงการที่พระองค์ทรงเป็นพระโอรสองค์กลางก็เป็นได้

ส่วนคำว่า "คำแหง" สันนิษฐานว่ามาจากภาษาเขมรโบราณ เนื่องจากพบการสะกดแบบ "คํแหง" ตรงกับภาษาเขมรโบราณที่แผลงมาจากคำว่า "แขง" ที่แปลว่า แข็ง แล้วเติม "ม" ลงไปในคำให้เกิดความหมายใหม่ว่า "ผู้เข้มแข็ง" ด้วยเหตุนี้ "พระรามคำแหง" จึงมีความหมายว่า พระรามผู้มีความกล้าแข็งหรือมีอำนาจ

นอกจากพระนามของพ่อขุมรามคำแหงแล้ว คำว่า "เลอ" ในพระนามของพ่อขุนเลอไท (เลีอไท - อักขรวิธีที่ปรากฏในหลักศิลาจารึก หลักที่ ๓) น่าจะมาจากภาษาเขมรโบราณคำว่า (เลี อ่านว่า เลอ) แปลว่า บน, เหนือ, ที่ ดังนั้น เลอไท จึงแปลว่า ผู้ที่อยู่เหนือหมู่พวกไท และคำว่า "ลือไท" พระนามของพระมหาธรรมราชาที่ ๑ ปรากฏในหลักศิลาจารึกด้วยอักขรวิธีของภาษาเขมรโบราณว่า ฦๅไท ซึ่งคำว่า ฦๅ นั้นแปลว่า ลือ, ได้ยิน, ดังนั้น ฦๅไท จึงแปลว่า เลื่องลือไปในหมู่พวกไท นั่นเอง

คำอธิบายข้างต้น มีรายละเอียดอยู่ในบทความเรื่อง พระนามกษัตริย์สุโขทัย : ความสัมพันธ์กับเขมรโบราณ วารสารดำรงวิชาการ วารสารรวมบทความทางวิชาการ คณะโบราณคดี มหาวิทยาลัยศิลปากร ปีที่ ๖ ฉบับที่ ๑ มกราคม - มิถุนายน ๒๕๕๐
บันทึกการเข้า
CrazyHOrse
แขกเรือน
นิลพัท
*******
ตอบ: 2055



เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 23  เมื่อ 11 มิ.ย. 25, 10:52

งำ พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตฯว่างำเมือง แปลว่ารักษา (เมือง) แต่ไม่ได้บอกที่มาของคำไว้

ส่วนบานราชบัณฑิตฯท่านว่าไว้อย่างนี้

บาน
[บาน บานนะ-] น. นํ้าสําหรับดื่ม เครื่องดื่ม เช่น สุราบาน ชัยบาน อัฐบาน. (ป. ส. ปาน).
น. ของที่เป็นแผ่น ๆ บางอย่าง เช่น บานประตู บานหน้าต่าง บานกระจกเงา
ลักษณนามใช้เรียกของเช่นนั้น เช่น กระจกบานหนึ่ง หน้าต่าง ๒ บาน. ก. เผยออก คลี่ออก ขยายออก เช่น ดอกไม้บาน หอบซี่โครงบาน
กระจาย เช่น เรือแล่นจนนํ้าบาน. ว. ที่ผายออก เช่น ชามปากบาน กางเกงขาบาน กระโปรงบาน
ปลาบปลื้ม แช่มชื่น เบิกบาน เช่น ใจบาน หน้าบาน
(ปาก) มาก เช่น เสียไปบาน.
ก. ได้. (ข.).
[บาน บานนะ-] น. นํ้าสําหรับดื่ม เครื่องดื่ม เช่น สุราบาน ชัยบาน อัฐบาน. (ป. ส. ปาน).

ใน wiktionary.org เพิ่มรากคำอีอย่างหนึ่งว่ามาจากภาษาเขมร แปลว่าได้รับ

แต่ถ้าพิจารณาจากจารึกปู่สบถหลาน อ้างพระนามว่าพระยาบาน (ไม่มีเมือง) บานในที่นี้น่าจะแปลว่าเบิกบานมากกว่าได้รับนะครับ
บันทึกการเข้า

"Postel's Law": "be conservative in what you do, be liberal in what you accept from others"
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 41289

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 24  เมื่อ 11 มิ.ย. 25, 11:30

เรามีคำซ้อนว่า เก็บงำ  ปกติคำสองคำคู่กันแบบนี้จะมีความหมายเดียวกันหรือคล้ายในทำนองเดียวกัย
งำเมือง คือเก็บรักษาเมือง

ในยุคสุโขทัย   ราชบัณฑิตยสถานยังอยู่บนสวรรค์ชั้นไหนสักชั้น  ไม่ได้จุติลงมากำหนดตัวสะกดคำให้พวกเรายึดถืออย่างปัจจุบันนี้   ดิฉันคิดว่า การจารึกคำในสมัยนั้นน่าจะไม่เคร่งครัด    จารึกแต่ละหลักก็ห่างไกลกันหลายสิบหรือร้อยปี ไม่ได้สลักพร้อมกัน  คงแล้วแต่ช่างหรือผู้ควบคุมช่างสลักจะสะกดอย่างไร
บาน กับ บาล น่าจะใช้แทนกันได้ค่ะ
บันทึกการเข้า
CrazyHOrse
แขกเรือน
นิลพัท
*******
ตอบ: 2055



เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 25  เมื่อ 11 มิ.ย. 25, 11:35

ขอย้อนกลับไปที่นำถมหรือนำถุมอีกครั้ง ผมไปเปิดรายการคำศัพท์ของจ้วง คำว่าน้ำท่วม-อุทกภัย (รายการที่ 715 (水)淹) พบว่าออกเสียงหลากหลาย แต่ดูแล้วเป็นรากเดียวกัน คือถม ถุม ท่วม เทิ่ม จ่ำ สิ่ม ฉิ่ม จิ่ม ฯลฯ (วรรณยุกต์อาจไม่ถูกต้อง เพราะผมไม่รู้ระบบของเขาครับ) และน่าสนใจว่าจิ่มออกเสียงเดียวกับน้ำท่วมภาษาแต้จิ๋ว น่าจะเป็นคำร่วมรากเดียวกัน

ในขณะที่คำว่ามาก (รายการที่ 1244 多) ใช้ว่าหลาย ถ้าน้ำมากน่าจะว่าน้ำหลายมากกว่าน้ำถมหรือเปล่า

ถ้านำถมหรือนำถุมคือน้ำท่วม สมมุติฐานของ อ.วินัยน่าจะไปต่อไม่ได้ครับ เว้นแต่ว่าถมหรือถุมในพระนามเหล่านี้มีความหมายว่ามากหรืออุดมสมบูรณ์

ถ้านำถุมคือน้ำท่วม พระยางั่วนำถมอาจเกิดปีนี้ท่วม ส่วนพระยาศรีนาวนำถมอาจแปลว่าทำให้น้ำ(ท่วม)ลดลง หรือใน wiktionary.org ให้ความหมายน้าวไว้อีกอย่างว่าเบี่ยง ก็คือเบี่ยงทิศทางน้ำท่วม หรือถ้าจะแปลเป็นอย่างอื่น จะเป็นอะไรได้ครับ

นาว คือนาวา? เรือ?ได้หรือไม่ ถึงจะดูหลุดจากภาษาถิ่น แต่คำ ศรี ที่นำหน้าก็คำสันสกฤตอยู่แล้ว

“เรือน้ำท่วม” อ่านแล้วนึกไปถึงเรือน้ำเต้าในตำนานน้ำท่วมโลก-กำเนิดมนุษย์ของกลุ่มคนตระกูลไทนะครับ แถมมีศรีมานำแสดงความศักดิ์สิทธิ์เข้ามาด้วย มโนไปไกลเลยครับ
บันทึกการเข้า

"Postel's Law": "be conservative in what you do, be liberal in what you accept from others"
เพ็ญชมพู
หนุมาน
********
ตอบ: 16058



ความคิดเห็นที่ 26  เมื่อ 12 มิ.ย. 25, 09:35

นอกจากพระนาม "นาวนำถม" แล้ว อาจารย์วินัย ยังให้ความหมายของพระนาม "บางกลางหาว" อีกด้วย

สิ่งที่อยู่กลางหาวในพระนาม คือ  "พระอาทิตย์"

นาทีที่ ๕๖.๔๐ - ๕๗.๑๕



จะว่าไป ในแง่ของสัญญะแห่งอำนาจ "พระอาทิตย์" ดูจะแสดงได้ชัดเจนกว่า "ทางช้างเผือก" ยิงฟันยิ้ม
บันทึกการเข้า
CrazyHOrse
แขกเรือน
นิลพัท
*******
ตอบ: 2055



เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 27  เมื่อ 12 มิ.ย. 25, 13:29

สิ่งที่อยู่กลางอากาศทำไมต้องเป็นดวงอาทิตย์ ทำไมไม่เป็นพระจันทร์ ดาว รุ้งกินน้ำ ดาวหาง ดาวตก หรือแม้แต่นก หรือถ้าจะต้องมีสัญญะของอำนาจ ดวงจันทร์ก็น่าจะพอได้ น่าเสียดายที่ อ.วินัยท่านไม่ได้บอกเหตุผลว่าทำไมต้องเป็นดวงอาทิตย์ครับ

ต้องขอบคุณคุณเพ็ญชมพูที่ดึงกลับเข้าเรื่องก่อนผมจะพาออกทะเลไปไกลกว่านี่

แต่… ก่อนไปต่อขอแวะเรื่องพระยาบานเมืองต่ออีกนิดก่อนครับ ขอสัญญาว่าหลังจากนี้จะพยายามรีบจบเรื่องบางกลางหาวครับ

กรณีชื่อพระยาบานเมือง ผมเข้าใจว่าชื่อนี้ปรากฏอยู่ในจารึกเพียง 2 หลัก คือจารึกหลักที่ 1 ของพ่อขุนราม พ.ศ. 1835 และจารึกปู่ขุนจิดขุนจอด(จารึกปู่สบถหลาน) พ.ศ. 1935

ในจารึกหลักที่หนึ่งเขียนว่า พี่กูชื่อบานเมือง ไม่น่าเป็นไปได้ว่าพ่อขุนรามท่านจะเขียนชื่อพี่ของท่านเองไม่ถูก (ถึงแม้จะเขียนชื่อพ่อผิด แฮ่ๆ)

ในขณะที่ในจารึกปู่ขุนจิดขุนจอดก็ยืนยันโดยเขียนชื่อว่า ปู่พระยาบาน (ในจารึกเขียน ปูพรญาบาน) ไปในทางเดียวกันครับ

ชื่อบาลเมืองมีปรากฏในเอกสารเก่าคือในพระราชพงศาวดารกรุงศรีอยุธยา ฉบับหอพระสมุดวชิรญาณ ดังนี้

๒๑      อั้นพรญาบาลเมืองถวายนั้นมารับผู้เปนเจ้าเสด็จ็ไปอู่ยช้านคิล (ชำรุด)

๓๐      มหาณคอรศิรอยุทยา ๏ อูยมาพรญาบาลเมิองเจ้าเมืองพิศณุ


พรญาบาลเมืองในพงศาวดารนี้คือพระมหาธรรมราชาที่ 4 (บรมปาล) กษัตริย์พระองค์สุดท้ายของสุโขทัย แต่ในพงศาวดารฉบับเดียวกันปรากฏคำว่าบาลในที่อื่นอีกเช่น

๔๑      ทวายปรมูลริ่พลสัดพลัดได้แตสกั้นปรมาร ๕๐๐๐ แลคร้วอบ
๔๒      พยบตังบาลอูย่แทบตำบลไชยเวริยนั้น ๏ จึงพรญาอิมหริห

๔๔      พรยาอิมหริหเรมางกเข้าตังอู่ยยังทวายนั้นแลซองสุ่มเอาช้าว
๔๕      เมิองทังปองได้มากแล้วกอเอาเคริองบรรดามาถวายบังคม
๔๖      แตผู้เปนเจ้าแลไห้กราบทูลพรกรรณาวาจฃอตังบาลไชย
๔๗      เวริยเปนคันทสิมาพรบาทสมเด็จ็พรบรมราชาธิราชเจ้ากมิ


เห็นได้ว่าบาลทั้ง 2 ที่นี้คือบ้านครับ
บันทึกการเข้า

"Postel's Law": "be conservative in what you do, be liberal in what you accept from others"
CrazyHOrse
แขกเรือน
นิลพัท
*******
ตอบ: 2055



เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 28  เมื่อ 12 มิ.ย. 25, 18:44

กามนิตที่คุณ SILA ยกมา ถึงเป็นวรรณกรรมฝรั่งเขียน แต่ก็เป็นวรรณกรรมเนื่องในพระพุทธศาสนา ซึ่งในความเชื่อพราหมณ์-พุทธ ทางช้างเผือกคืออากาศคงคา แม่น้ำศักดิ์สิทธิ์ที่ไหลจากบนสวรรค์ลงมายังโลกมนุษย์

คำว่าอากาศคงคาปรากฏ 2 ครั้งในไตรภูมิกถาซึ่งเป็นวรรณคดีร่วมสมัยกับจารึกหลักที่ 2 ที่ปรากฏพระนามพ่อขุนบางกลางหาว

ไตรภูมิกถาฉบับถอดความ บทที่ 5 แดนมนุษย์

หมู่ชนทั้งหลายต่างพากันยกมือขึ้นเพียงศีรษะแล้วไหว้วันทนาการ กล่าวว่าชาวเราทั้งหลาย ปากราชสีห์ ๒ ตัวนั้นมิใช่ไม่มีอะไรอยู่ แต่มีสร้อยมุกดา ๒ สาย ใหญ่เท่าลำตาล ดูรุ่งเรืองงามดั่งรัศมีพระจันทร์เมื่อวันเพ็ญ และปากราชสีห์นั้นก็คาบสร้อยมุกดานั้นห้อยลงมา แก้วซึ่งอยู่ในชายมุกดานั้นดูเลื่อมแดงดุจแสงพระอาทิตย์เมื่อแรกขึ้นฉะนั้น เมื่อกงจักรแก้วนั้นลอยอยู่บนอากาศ แลดูเหมือนไม่ไหวตามสร้อยมุกดา ซึ่งพรายงามดั่งน้ำชื่อว่าอากาศคงคาที่ไหลลงมาฉะนั้น ขณะที่กงจักรแก้วยังลอยอยู่นั้น กลุ่มมุกดาก็กระจายออกรอบกงจักรแก้วนั้น ดุมกงจักรแก้ว ๓ อัน หมุนพัดผันไปในทางเดียวกัน กงจักรแก้วนั้น พระอินทร์ พระพรหม หรือเทพยดาผู้มีฤทธานุภาพ เป็นผู้กระทำกงจักรแก้วนั้นก็หามิได้ หากแต่กงจักรแก้วนั้นเกิดขึ้นเอง และเกิดมาเพื่อบุญของท่านผู้เป็นพระยามหาจักรพรรดิราชเจ้านั้น

ไตรภูมิกถาฉบับถอดความ บทที่ 9 อวินิโภครูป

สระอโนดาตนั้นมี ๔ ท่า ท่าที่ลงอาบน้ำมีบันไดทองประดับด้วยแก้ว มีพื้นศิลาแก้วรองภายใต้รอบ ๆ เกลี้ยงเกลาเสมองาม น้ำนั้นใสงามนักหนา แลเห็นตัวปลาภายใต้น้ำได้ น้ำนั้นใสงามดังแก้วผลึก ท่าน้ำท่าหนึ่งเทวบุตรลงอาบ ท่าน้ำท่าหนึ่งเทวธิดาลงอาบ ท่าหนึ่งพระปัจเจกพุทธเจ้าลงอาบ ท่าหนึ่งฤษีสิทธิวิชาธรลงอาบ ทางเข้าสระอโนดาตมี ๔ ทิศใหญ่ ทางเข้าทิศหนึ่งดุจดังหน้าสิงห์ ทิศหนึ่งดุจดังหน้าช้าง ทิศหนึ่งดุจดังหน้าม้า ทิศหนึ่งดุจดังหน้าวัว น้ำสระอโนดาตที่ไหลออกมาทางปากวัว ริมฝั่งน้ำนั้นมีวัวมาก น้ำที่ไหลออกมานั้นก็จะไหลไปทางทิศตะวันออก ไหลเวียนล้อมรอบสระอโนดาตแล้วจึงไหลไปทางตะวันออกเฉียงเหนือ ไหลลงมหาสมุทร น้ำที่ไหลออกทางทิศเหนือเวียนรอบสระอโนดาต ๓ รอบ ไหลไปข้างหน้าแล้วมาบรรจบกันดังเดิม หลังจากนั้นก็ไหลไปทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือออกไปถึงมหาสมุทร น้ำอันไหลออกทางทิศตะวันตกเวียนรอบสระอโนดาต ๓ รอบ แล้วจึงไหลไปทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ ไหลออกมหาสมุทร น้ำอันไหลออกทางด้านทิศใต้ ไหลเวียนรอบสระอโนดาต ๓ รอบ ได้แก่ อาวัฏฏคงคา กว้าง ๔,๐๐๐ วา ที่ไหลไปทางทิศใต้ไกลได้ ๔๘๐,๐๐๐ วา ชื่อกัณหคงคา ไหลไปจดภูเขาเทือกหนึ่งแล้วพุ่งขึ้นเบื้องบนได้ ๖๐ โยชน์ เป็นวงกลมได้ ๖,๐๐๐ วา ชื่ออากาศคงคา ไหลตกลงเหนือหินแผ่นหนึ่ง ชื่อติยังคฬหปาสาณ เป็นสระใหญ่สระหนึ่ง ๕๐ โยชน์ ชื่อติยังคฬโบกขรณี น้ำไหลเซาะฝั่งน้ำติยังคฬโบกขรณีออกไปจากศิลาไกลได้ ๔๘๐,๐๐๐ วา ชื่อพหลคงคา น้ำนั้นไหลกระทบหินไปไกลได้ ๔๘๐,๐๐๐ วา ชื่ออุมังคคงคา และไหลไปจดเทือกเขาเทือกหนึ่ง ชื่อพิชฌนติรัจฉานบรรพต พุ่งขึ้นเหนือแผ่นดิน เกิดเป็นแม่น้ำ ๕ สาย ดุจนิ้วมือ เรียกว่า ปัญจมหานที กล่าวคือ สาย ๑ ชื่อคงคา สาย ๑ ชื่อยมุนา สาย ๑ ชื่อจิรวดี สาย ๑ ชื่อมหี สาย ๑ ชื่อสรภู
บันทึกการเข้า

"Postel's Law": "be conservative in what you do, be liberal in what you accept from others"
CrazyHOrse
แขกเรือน
นิลพัท
*******
ตอบ: 2055



เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 29  เมื่อ 12 มิ.ย. 25, 21:04

น่าสังเกตว่าในไตรภูมิกถา อากาศคงคาดูไม่ได้สำคัญมากนักจริงๆ ยิ่งไปถึงอยุธยา-ธนบุรี ในหนังสือสมุดภาพไตรภูมิฉบับกรุงศรีอยุธยา-ฉบับกรุงธนบุรี เล่ม 1 มีกล่าวถึงอากาศคงคาตามเนื้อหาอย่างไตรภูมิกถาก็จริง แต่คนยุคหลัง “ลืม” ไปแล้วว่าอากาศคงคาคือทางช้างเผือก เพราะวาดไว้เป็นภูเขา แถมเขียนกำกับว่าเป็นเขาอากาศคงคาอีกต่างหาก


คลิกที่รูปเพื่อขยาย/ย่อ

คลิกที่รูปเพื่อขยาย/ย่อ
บันทึกการเข้า

"Postel's Law": "be conservative in what you do, be liberal in what you accept from others"
หน้า: 1 [2] 3
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2006, Simple Machines
Simple Audio Video Embedder

XHTML | CSS | Aero79 design by Bloc หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.075 วินาที กับ 20 คำสั่ง