เรื่องความหมายของพระนามกษัตริย์สมัยสุโขทัยนี้ รศ.ดร.ศานติ ภักดีคำ ได้อธิบายไว้ดังนี้
ในสมัยสุโขทัย พระนามบุรุษในราชวงศ์พระร่วง (หรือราชวงศ์ของพ่อขุนศรีอินทราทิตย์) มักมีปรากฏพระนามเดิมก่อนการครองราชสมบัติเป็นภาษาไทย เช่น ในหลักศิลาจารึกสุโขทัย หลักที่ ๔๕ (ศิลาจารึกปู่ขุนจิดขุนจอด) ปรากฏว่า "แต่นี้พงศ์ดำผีปู่ผาคำ ... ฝูงผู้หวาน ปู่ขุนจิดขุนจอด ... ปู่พระยาศ(รีอินทราทิ)ตย์ ปู่พระยาบาน ... ปู่พระยารามราช" หรือแม้แต่พ่อขุนศรีอินทราทิตย์เองก็มีพระนามเดิมว่า พ่อขุนบางกลางหาว ที่เป็นภาษาไทยเช่นกัน ส่วนพระนามก่อนสถาปนาเป็นกษัตริย์สุโขทัยในรัชกาลต่อ ๆ มา บางพระองค์เป็นภาษาอื่น เช่น ภาษาเขมร เป็นต้น
สำหรับพระนาม "รามคำแหง" นั้น ปรากฏคำว่า รามคำแหง ในหลักศิลาจารึกพ่อขุนรามคำแหง หลักที่ ๑ เพียงหลักเดียว ส่วนหลักอื่นปรากฏพระนามว่า "พญารามราช"
พระนามว่า "ราม" น่าจะมาจากพระราม ซึ่งเป็นอวตารปางที่ ๗ ของพระวิษณุ หรืออาจจะมาจากภาษาไทย ที่แปลว่า "ปานกลาง" เช่น กลองอันใหญ่ กลองอันราม กลองอันเล็ก ซึ่งในที่นี้อาจหมายถึงการที่พระองค์ทรงเป็นพระโอรสองค์กลางก็เป็นได้
ส่วนคำว่า "คำแหง" สันนิษฐานว่ามาจากภาษาเขมรโบราณ เนื่องจากพบการสะกดแบบ "คํแหง" ตรงกับภาษาเขมรโบราณที่แผลงมาจากคำว่า "แขง" ที่แปลว่า แข็ง แล้วเติม "ม" ลงไปในคำให้เกิดความหมายใหม่ว่า "ผู้เข้มแข็ง" ด้วยเหตุนี้ "พระรามคำแหง" จึงมีความหมายว่า พระรามผู้มีความกล้าแข็งหรือมีอำนาจ
นอกจากพระนามของพ่อขุมรามคำแหงแล้ว คำว่า "เลอ" ในพระนามของพ่อขุนเลอไท (เลีอไท - อักขรวิธีที่ปรากฏในหลักศิลาจารึก หลักที่ ๓) น่าจะมาจากภาษาเขมรโบราณคำว่า (เลี อ่านว่า เลอ) แปลว่า บน, เหนือ, ที่ ดังนั้น เลอไท จึงแปลว่า ผู้ที่อยู่เหนือหมู่พวกไท และคำว่า "ลือไท" พระนามของพระมหาธรรมราชาที่ ๑ ปรากฏในหลักศิลาจารึกด้วยอักขรวิธีของภาษาเขมรโบราณว่า ฦๅไท ซึ่งคำว่า ฦๅ นั้นแปลว่า ลือ, ได้ยิน, ดังนั้น ฦๅไท จึงแปลว่า เลื่องลือไปในหมู่พวกไท นั่นเอง
คำอธิบายข้างต้น มีรายละเอียดอยู่ในบทความเรื่อง
พระนามกษัตริย์สุโขทัย : ความสัมพันธ์กับเขมรโบราณ วารสารดำรงวิชาการ วารสารรวมบทความทางวิชาการ คณะโบราณคดี มหาวิทยาลัยศิลปากร ปีที่ ๖ ฉบับที่ ๑ มกราคม - มิถุนายน ๒๕๕๐