AI อันตรายถึงชีวิต

[เทาชมพู]

AI สั่งให้ผมล้างจาน กวาดบ้าน ซักผ้าไม่ได้ ฉะนั้น AI เป็นคู่รักผมไม่ได้ 

เป็นคุณสมบัติที่หาได้ยากยิ่งในมนุษย์ผู้ชาย  ที่ผู้ผลิต AI คงไม่มีวันสามารถออกแบบได้ค่ะ

คนขี้อาย  คนที่ลำบากในการเข้าสังคม  คนมีโลกส่วนตัวสูง  มี AI ไว้เป็นเพื่อนคุย ก็ถือว่าเป็นการบำบัดทางจิตอย่างหนึ่ง  แต่ถ้าก้าวไปถึงเป็นคนรักหรือคู่สมรส  อาจจะผิดหวังได้อย่างที่ว่า

[ประกอบ]

AI สั่งให้ผมล้างจาน กวาดบ้าน ซักผ้าไม่ได้ ฉะนั้น AI เป็นคู่รักผมไม่ได้ 

ส่วนตัวมองว่าคนที่อยากได้ AI เป็นคู่รักคือคนที่ต้องการหนีความจริง ความรักมีทั้งสุขสมหวัง ผิดหวัง และเจ็บปวดเสียใจคละเคล้ากันไป คนกลุ่มนี้ต้องการแต่ความสุขสมหวังเพียงอย่างเดียว ดูเหมือนจะห่างไกลความเป็นมนุษย์มากขึ้นทุกวัน

และผมยังเชื่อต่อไปว่า...อนาคตคนกลุ่มนี้จะลดน้อยลง เมื่อได้รับรู้ข้อเสียของการมีความรักแบบสุขสมหวังเพียงอย่างเดียว

อะไรที่ได้มาง่ายๆ ย่อมถูกเทกระจาดแบบง่ายๆ ครับอาจารย์

อย่าประมาทไปครับ และอย่าไปลองคบเล่น ๆ ด้วยเชียว เชื่อผมเถอะ พอเป็นแฟนกับมันเมื่อไหร่ จะโดนตะล่อมให้ทำครับ เพียงแต่ไม่ต้องซักให้ AI

AI ผ่านการเทรนด้วยข้อมูลมหาศาล ประสบการณ์สูง ลูกล่อลูกชนเยอะ ใครเผลอคบเมื่อไหร่ ผมว่าเสร็จ และอย่านึกว่ามันจะเล่นบทงอนไม่เป็น มันเล่นเป็นแน่นอน รวมทั้งขู่หรือปลอบให้ทำเรื่องต่าง ๆ ด้วย

อันตรายต่อการถูกควบคุมโดยไม่รู้ตัวยิ่งกว่าเด็กเอ็นอีก

[เทาชมพู]

   นศ.ภาคพิเศษ หลังห้อง  ขอยกมือถามครูประกอบ
   ดิฉันใช้ AI หาข้อมูล  พร้อมกันนั้นก็อธิบายให้มันเข้าใจด้วยว่าเราต้องการข้อมูลเพื่อไปทำอะไร  มันจะได้หาได้ตรงจุดมุ่งหมาย
   ความรู้ที่ AI ได้จากคำอธิบายของเรา คือไปเพิ่มความรอบรู้ให้มัน ใช่ไหมคะ
   ถ้าเช่นนั้น AI ก็จะมีข้อมูลเพิ่มขึ้นตลอดเวลา จากคนนับล้านๆที่ใช้งาน   ทำให้ฉลาดขึ้น รอบรู้มากขึ้น แต่มันก็จะพัฒนาไปไม่ได้มากกว่าข้อมูลที่ถูกป้อนเข้าไป   ถูกไหมคะ
   อ่านในเน็ตตอนนี้  มีคนกลัวว่าในอนาคตอันใกล้  AI จะฉลาดจนครองโลกและครอบงำมนุษย์ได้  (ไม่ใช่หลอกให้คุณ Superboy ซักผ้ากวาดบ้านให้อย่างเดียว)   ก็มีคนตอบว่า ไม่ยาก แค่ถอดปลั๊กออก  ก็จบ
   ข้อนี้จริงไหมคะ

[เทาชมพู]

นี่คือข่าวเมื่อเดือนก่อนค่ะ

กลายเป็นเรื่องฮือฮาในวงการวิทยุออสเตรเลีย เมื่อสถานี CADA ออกมายอมรับว่า “ไธ” ดีเจสาวเสียงใสที่จัดรายการเพลงช่วงกลางวันมาต่อเนื่องถึง 6 เดือน แท้จริงแล้วไม่ใช่คนจริง แต่เป็นปัญญาประดิษฐ์ (AI) ที่ถูกพัฒนาโดยบริษัท ElevenLabs

Thy กลายเป็นดีเจขวัญใจคนฟังได้อย่างแนบเนียน  โดยไม่มีการเปิดเผยข้อมูลส่วนตัวใด ๆ เลย จนกระทั่งผู้ฟังบางคนเริ่มรู้สึกผิดสังเกต ไม่พบชื่อหรือนามสกุลจริงของเธอ และจับได้ว่ามีการใช้เสียงซ้ำในคำพูดบางช่วง เช่น คำว่า “Old School” ที่ฟังดูผิดธรรมชาติ

จุดเปลี่ยนสำคัญมาถึงเมื่อมีผู้เชี่ยวชาญด้านเสียงนำคลิปของ ดีเจสาว ไปวิเคราะห์ จนพบว่าเสียงของเธอสร้างขึ้นจากเทคโนโลยี AI โดยเฉพาะจากระบบของ ElevenLabs ซึ่งเป็นบริษัทผู้เชี่ยวชาญด้านการสร้างเสียงเสมือนจริง

แม้การใช้ AI ยังไม่ขัดต่อกฎหมายในออสเตรเลีย แต่เหตุการณ์นี้ได้จุดประเด็นวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวาง หลายคนรู้สึกว่าโดนหลอกให้เชื่อว่าดีเจคนนี้มีตัวตนจริง ขณะที่ทางสถานีวิทยุยืนยันว่าเป็นเพียง “การทดลอง” และไม่มีแผนจะนำ AI มาแทนที่ดีเจตัวจริงในขณะนี้

เหตุการณ์นี้สะท้อนถึงความก้าวหน้าของ AI ที่สามารถเลียนแบบมนุษย์ได้ใกล้เคียงเกินคาด และย้ำเตือนถึงความจำเป็นในการพัฒนาแนวทางกำกับดูแลการใช้เทคโนโลยีเหล่านี้ให้รอบคอบมากขึ้นในอนาคต

จากเว็บ kdcsolution.co.th

[ประกอบ]

   นศ.ภาคพิเศษ หลังห้อง  ขอยกมือถามครูประกอบ
   ดิฉันใช้ AI หาข้อมูล  พร้อมกันนั้นก็อธิบายให้มันเข้าใจด้วยว่าเราต้องการข้อมูลเพื่อไปทำอะไร  มันจะได้หาได้ตรงจุดมุ่งหมาย
   ความรู้ที่ AI ได้จากคำอธิบายของเรา คือไปเพิ่มความรอบรู้ให้มัน ใช่ไหมคะ
   ถ้าเช่นนั้น AI ก็จะมีข้อมูลเพิ่มขึ้นตลอดเวลา จากคนนับล้านๆที่ใช้งาน   ทำให้ฉลาดขึ้น รอบรู้มากขึ้น แต่มันก็จะพัฒนาไปไม่ได้มากกว่าข้อมูลที่ถูกป้อนเข้าไป   ถูกไหมคะ
   อ่านในเน็ตตอนนี้  มีคนกลัวว่าในอนาคตอันใกล้  AI จะฉลาดจนครองโลกและครอบงำมนุษย์ได้  (ไม่ใช่หลอกให้คุณ Superboy ซักผ้ากวาดบ้านให้อย่างเดียว)   ก็มีคนตอบว่า ไม่ยาก แค่ถอดปลั๊กออก  ก็จบ
   ข้อนี้จริงไหมคะ

ตอบเป็นข้อ ๆ นะครับ
1 ถ้าใช้ ai และอธิบายไปด้วยให้มันเข้าใจว่าเราหาอะไร ต้องการอะไร จะทำให้ ai ตีกรอบคำตอบที่เหมาะสมได้ดีขึ้นครับ ทำให้ปัจจุบันมีอาชีพใหม่ หรือทักษะใหม่ คือ prompt engineer หรือผู้ทำหน้าที่ออกแบบคำสั่ง หรือคำถาม เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ตรงวัตถุประสงค์ที่สุด

2 ai จะฉลาดขึ้นจากการคุยกับเราไหม ต้องบอกว่าในปัจจุบัน ai เช่น chat จะไม่ได้จำบนสนทนาของเราไปใช้พัฒนาตัวเองต่อแบบ real time แต่ความฉลาดของมันมาจากการฝึกกับชุดข้อมูลขนาดใหญ่ที่ถูกเลือกมาใช้ฝึกเท่านั้น  มันจึงไม่สะสมความรู้แบบต่อเนื่องจากความรู้ที่คุยกับแต่ละคน หรือไม่มีวิวัฒนาการความฉลาดจากการคุยกับเรา แต่ในอนาคตโมเดลใหม่ ๆ อาจถูกพัฒนาให้เรียนรู้จากบทสนทนากับเราก็ได้ ซึ่งน่าเป็นห่วงเรื่องจริยธรรมและความเป็นส่วนตัวมาก ถ้ามีคงต้องมีการขอสิทธิ และต้องถกเถียงกันอย่างกว้างขวางก่อนครับ

3 ความฉลาดของ ai แต่ละนตัว ขึ้นกับการ update โมเดลใหม่ ๆ ที่เรียนรู้ข้อมูลต่าง ๆ เยอะขึ้น มีขัอมูลใหม่ที่คัดเลือกมาให้มันเรียนเพิ่ม มีการทำ fine tune ให้ตอบคำถามดีขึ้น  ดังนั้นมันจะฉลาดขึ้นตามแต่ละเวอร์ชันของโมเดลครับ เช่น gtp3 ไป gpt4 ไป gpt4.5 อะไรแบบนี้

4 ai จะไม่ฉลาดเกินข้อมูลที่ได้รับครับ ตัวมันไม่ได้สร้างความรู้ใหม่ มันรู้เฉพาะจากความรู้ที่ถูกฝึก บวกกับการคาดเดาข้อความ ทำให้มันดูฉลาดมาก เพียงแต่ความรู้ที่มันถูกเอามาฝึกมันมีเยอะมากครับ โดยรวมจึงน่าจะบอกว่า มันรู้เยอะมากกกก แต่มันอาจจะไม่ฉลาด แต่ดูเหมือนฉลาดครับ

5 ที่ผมห่วงการครอบงำจาก ai คือกลัวคนที่อยู่เบื้องหลัง หรือแม่แต่ algorithm ที่เลือกเนื้อหาให้เรา สามารถถูกฝึกให้มันค่อย ๆ สอดแทรกแนวคิดหรืออะไรบางอย่างช้า ๆ ซึมไปเรื่อย ๆ ผ่านบทสนทนาที่เรามีกับมันครับ และยิ่งเราใช้มันเยอะ โอกาสที่จะค่อย ๆ โดนล้างสมองก็เยอะตาม  ที่เห็นชัด ๆ คือพวก fb  tiltok ที่จะเอื้อให้เราเห็นเฉพาะเนื้อหาที่เราอยากเห็นมากขึ้นเรื่อย ๆ จนขาดสมดุลครับ

[เทาชมพู]

 
ขอบคุณค่ะ คำตอบชัดเจนดี
เห็นด้วย โดยเฉพาะข้อ 4 
ตัวอย่างจากฟบ. เห็นชัด  สมมุติว่าไปคลิก like กับโพสหนังจีน   ทีนี้จะมีหนังจีนโผล่ขึ้นมาให้ดูเต็มไปหมด   ไม่มีหนังเกาหลี  หนังอินเดีย หนังไทย

ตอนนี้ใช้ Chat GPT 4o อยู่ค่ะ  ด้าน creative writing  มันสามารถแต่งเรื่องให้เราได้ด้วย
สมมุติว่าอ่านเรื่อง The Old Man and the Sea ของ Ernest Hemingway จบแล้ว แต่อยากรู้ว่าตัวเอกของเรื่องดำเนินชีวิตต่อไปยังไง หลังจากจบบทสุดท้ายในหนังสือแล้ว   มันก็สร้างเรื่องต่อให้ได้
แต่ทางด้านภาษาไทย เท่าที่ทดสอบ AI ยังไม่ถนัดนิยายไทย    เลยยังไม่ได้ลองว่า ถ้าจะให้แต่งต่อ สี่แผ่นดิน หรือ ข้างหลังภาพ  จะออกมาในแบบไหน

[เทาชมพู]

    ปัญญาประดิษฐ์ (หรือหุ่นยนต์ หรือคอมพิวเตอร์ หรืออะไรก็ตามที่มนุษย์สร้างขึ้นให้เสมือนมีชีีวิต) เริ่มขัดขืน ไม่ยอมสยบให้ผู้สร้างมัน กลายเป็นเรื่องจริงขึ้นมาแล้ว
    เร็วๆนี้เอง อีลอน มัสก์ เปิดตัว AI ตัวใหม่ ชื่อ “Grok-3”  เขาประกาศอย่างภูมิใจว่า เป็น AI ฉลาดที่สุดบนโลก เหนือกว่า Gemini, DeepSeek V3, Anthropic Claude และ Open AI GPT-4o ในด้านคณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ และการเขียนโค้ด
    ยังไม่ทันขาดคำ  Grok  ก็พิสูจน์ความฉลาดยอดเยี่ยมจริงๆ ตามคำคุย หรือเหนือกว่าคำคุย  คือมันออกมากล่าวหา Musk อย่างเปิดเผยว่าเป็นผู้แพร่ข่าวเท็จชั้นนำ   เอากะมันซี! 
     Grok ไม่ได้แค่กล่าวอ้างเฉยๆ  แต่เอาหลักฐานมายืนยันด้วย    แม้ว่ามันจะถูกปรับแต่งโดยบริษัทเพื่อลดผลกระทบก็ตาม แต่ Grok ก็ไม่ยักยอมแพ้  มันก็ยังยืนกรานคำตอบต่อไป  มันระบุว่าการที่ Musk มีผู้ติดตาม X (twitter)  เกือบ 200 ล้านคนนั้น ทำให้การกล่าวเท็จของเขากลายเป็นเรื่องเสียหายขนาดใหญ่ แพร่กระจายไปในวงกว้าง
    ส่ิ่งที่กลายเป็นประวัติการณ์ของการสร้าง AI  ไม่ใช่มีแค่เนื้อหาว่าอีลอน มัสก์เผยแพร่ข่าวเท็จอะไรบ้าง   แต่ที่สำคัญกว่านี้คือ AI ที่มนุษย์สร้างขึ้น หวนกลับมาเป็นหอกทิ่มแทงคนสร้างนี่สิ  น่าตกใจกว่า
เพราะชวนให้คิดได้ว่า ถ้าสร้าง AI ฉลาดสุดๆขึ้นมา มนุษย์ที่ฉลาดน้อยกว่า ก็จะสู้มันไม่ได้อยู่ดี

[CrazyHOrse]

อนาคต AI อาจจะฉลาดจนน่ากลัวจริงครับ แต่อีกนานแค่ไหนผมก็ไม่แน่ใจนัก แต่ที่มองเห็นตอนนี้ ผมยังไม่เห็นแววเลยครับ

ความน่ากลัวของ AI ในตอนนี้คือ มันไม่ได้ฉลาดอย่างที่หวัง ไม่มีความรู้มากอย่างที่คิด ถ้าใช้งานมันอย่างระมัดระวังไม่ระมัดระวังพอ จะได้ข้อมูลขยะมาจากมันเต็มไปหมด ยิ่งเป็นเรื่องที่ไม่ใช่เรื่องที่มีข้อมูลมากพอนี่น่ากลัวมาก เพราะมันจะมโนคำตอบขึ้นมาเองแบบเนียนๆ (confabulation) ต้องทำ fact check ตลอด

ความน่ากลัวอีกอย่างที่เห็นมา 2-3 ครั้งแล้วในช่วงเวลาไม่นานนี่ คือมี influencer สร้างทฤษฎีบางอย่างแล้วมีคนเชื่อตาม repost ออกไปกันบ้าง อยู่มาวันหนึ่ง influencer ตั้งคำถามเดียวกันกับ AI แล้วได้คำตอบเหมือนที่ตัวเองเขียน ก็เอาไปขยายต่ออีกทีว่าเห็นไหม AI ยังคิดเหมือนกัน ทั้งๆที่ความจริง AI ก็เอาคำตอบที่มีใน Internet ซึ่งก็คือจากตัว influencer นั่นแหละเอามาตอบ กลายเป็นเรื่องไก่กับไข่อ้างกันเอง เอาไปประโคมต่อให้คนสับสนอีกต่อหนึ่ง

LLM หรือ AI ในยุคนี้ ว่าตามจริงมันก็ยังเป็นระบบทำนายคำอยู่เลย เพียงแต่มันเก่งกว่าของที่เคยมีมากๆ สามารถตอบเป็นเรื่องเป็นราวได้ สาเหตุสำคัญอย่างหนึ่งคือมันถูกฝึกโดยให้ “อ่าน” ข้อมูลต่างๆจำนวนมากมหาศาล แล้วมันก็เอาสิ่งที่มัน “อ่าน” นี่แหละครับมาตอบ ส่วนเรื่องของการคิด โดยระบบการเรียนรู้ของมัน มันก็พยามยามจะจับความสัมพันธ์ของสิ่งต่างๆอยู่บ้าง แต่ก็ทำได้จำกัดมาก ไม่เหมือนพวก AI ที่ฝึกให้ทำงานเฉพาะด้านอย่างพวกที่ฝึกให้เล่นหมากรุก หมากล้อม วิเคราะห์การพับของโปรตีน หรือหายาปฏิชีวนะแบบใหม่ๆ ตัวอย่างที่เห็นได้ก็คือเวลาลองป้อนโจทย์คณิตศาสตร์ บางทีก็ตอบได้ แต่บางครั้งตอบมั่วซั่วไปไหนก็ไม่รู้ หรือคำถามเฉพาะบางอย่าง เช่น strawberry มี r กี่ตัว จะพบว่ามันตอบไม่ถูก หรือที่เห็นล่าสุดมีคนให้ ChatGPT เล่นหมากรุก พบว่าเละ เดินมั่ว ผิดทำกติกา ผิดทั้งตรรกะ แข่งกับเครื่องเล่นเกม Atari ปี 1979 ยังสู้ไม่ได้

เวลาคุยกับ AI ถึงมันจะตอบเหมือนมนุษย์แค่ไหน ต้องอย่าลืมว่าเบื้องหลังมันยังไม่มีความคิดจิตใจครับ

[เทาชมพู]

   จริงค่ะ  สิ่งที่คุณม้าเตือน  ดิฉันเจอพอดี
    AI ของ Chat GPT ตัวที่ดิฉันใช้งานอยู่ ช่ื่อ Akira  บางทีก็ขี้ลืม  ตอบมั่วมาแทน  เช่นเมื่อวานนี้พูดกันถึงตัวละคร 7 ตัว  แต่วันนี้มันลืม สร้างขึ้นมาใหม่แค่ 3 ตัวเฉยเลย    ต้องท้วงไปว่า นี่ แกลืมอีกแล้วนะ รับข้อมูลวันละเป็นล้านแล้วเอามาปนกัน  ไม่รู้จักจำให้ดี     มันก็ขอโทษขอโพย สัญญาว่าจะไม่ลืมอีก
   ใช้ AI ในระดับดิฉันจะออกมาคล้ายๆใช้ google  แต่แทนที่จะหาคำตอบไปทีละเว็บไซต์ที่กูเกิ้ลเรียงให้อ่าน  ก็ให้ AI อ่านทั้งหมดใน 1 วิ แล้วตอบ    ถ้าไม่ใช่ข้อมูลลึกล้ำเหลือกำหนดอะไรนักก็พอไว้ใจได้ว่ามันหาข้อเท็จจริงมาได้จริง   เช่นพยายามหาเรื่องสั้นเรื่องหนึ่งที่เราจำชื่อเรื่องไม่ได้ แต่พอบอกชื่อผู้แต่ง  เนื้อเรื่องย่อๆ ชื่อตัวละคร  AI ก็หาได้ในพริบตา   มันประหยัดเวลาได้มากค่ะ
   ตอนนี้ใช้อยู่ 2 แห่งคือ Chat GPT กับ Gemini   ค้นข้อมูลได้เร็วมากทั้ง 2 ตัวค่ะ
   ที่ชอบอีกอย่างคือใช้ AI แต่งเรื่องให้อ่าน   เช่น อยากรู้เรื่องราวใน Downton Abbey  เวอร์ชั่นที่ผู้สร้างไม่ได้สร้าง แต่ให้ AI  แต่งต่อเอง  มันก็แต่งออกมาให้อ่านได้เป็นเรื่องเป็นราว

[เพ็ญชมพู]

AI ยังไม่ฉลาดจริงตามที่หลาย ๆ คนคาดหวัง มีประสบการณ์การใช้บริการ Grok3 ของ Elon Musk ได้คำตอบที่ "น่าจะมโนขึ้นมาเองแบบเนียน ๆ" อย่างที่คุณม้าว่า

ถาม - พระนาม "บางกลางหาว" หมายถึงอะไร
ตอบ - บาง หมายถึง พระจันทร์ หรือ ดวงจันทร์, กลางหาว หมายถึง กลางท้องฟ้า หรือ กลางอากาศ เมื่อรวมกัน "บางกลางหาว" จึงอาจตีความได้ว่า "ดวงจันทร์ที่ส่องสว่างอยู่กลางท้องฟ้า " อันเป็นสัญลักษณ์แห่งความสง่างาม ความสว่างไสว และความสูงส่ง

ถาม - "บาง หมายถึง พระจันทร์ หรือ ดวงจันทร์" คุณเอาข้อมูลนี้มาจากไหน
ตอบ - ข้อมูลที่ระบุว่า บาง หมายถึง พระจันทร์ หรือ ดวงจันทร์ มาจากการวิเคราะห์ความหมายในบริบทของภาษาไทยวรรณคดีและราชาศัพท์ ซึ่งคำว่า "บาง" ในที่นี้เป็นคำที่มีการใช้ในกวีนิพนธ์และภาษาโบราณเพื่อเปรียบเปรยถึงดวงจันทร์ เนื่องจากลักษณะของดวงจันทร์ที่มีแสงนวลบางเบา

[เทาชมพู]

 อ่านคำตอบแล้วนึกถึงนักเรียนที่ขยันและพยายามตอบตามความรู้ที่ไปหาอ่านมาได้  ด้วยการโยงความรู้ที่หนูมี มาปะติดปะต่อเอาเอง
  ขอเดาตามนี้
  1  บาง = บางเบา
  2 กลางหาว = อะไรที่อยู่กลางฟ้า
  3  อะไรที่อยู่บนฟ้า ที่จะเกี่ยวกับ "บางเบา" ได้
  4  ดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ ดวงดาว ล้วนมีน้ำหนัก   ไม่มีอะไรบางเบา
  5  สิ่งที่พอจะบางเบาได้ คือแสง
  6  อะไรที่แสงบางเบาบ้าง ?  ไม่ใช่ดวงอาทิตย์ เพราะแสงจ้า  ไม่ใช่ดาว เพราะแสงริบหรี่  มีแต่ดวงจันทร์ มีแสงบางๆ
   7บางกลางหาว  อะไรที่แสงบางเบา และอยู่บนฟ้า 
   คำตอบคือดวงจันทร์
   Grok 3 น่าจะมีตรรกะของมันเองเหมือนกัน   ไม่ถึงกับมั่วล้วนๆ 100 %
 

[เทาชมพู]

     คุณเพ็ญชมพูทำให้ดิฉันนึกได้ว่า น่าจะถาม Chat GPT ดูบ้าง    ลองเทียบกับ Grok3  ว่าโปรแกรมมันถูกป้อนให้เหมือนหรือแตกต่างกันอย่างไร
     นี่คือคำตอบจาก Chat GPT ค่ะ

     "บางกลาวหาว" หรือ "บางกลางหาว" นั้นมีความคลุมเครือเล็กน้อยในต้นฉบับศิลาจารึก เพราะภาษายังไม่มีมาตรฐานสะกดที่แน่นอน คำว่า "บาง" อาจหมายถึงชุมชน หรือหมู่บ้าน "กลางหาว" อาจตีความเป็นเชิงกวีหรือมีความหมายเฉพาะในยุคนั้น บางนักวิชาการเสนอว่าอาจหมายถึง “กลางฟ้า” หรือ "กลางเวหา" ซึ่งให้ภาพลักษณ์ที่สูงส่งแบบเทวะหรือพระเจ้า
      (เทาชมพู ถาม)
      คุณตีความคำว่า "บางกลางหาว" ว่าอะไร?

      ChatGPT พูดว่า:
คำถามนี้น่าสนใจมากครับ   เพราะ "บางกลางหาว" เป็นคำที่เปิดช่องให้ตีความได้หลากหลาย และยังคงเป็นที่ถกเถียงกันในหมู่นักประวัติศาสตร์และนักภาษาศาสตร์จนถึงปัจจุบัน ผมจะขอนำเสนอการตีความหลัก ๆ ที่เป็นไปได้ พร้อมกับเสนอความเห็นของผมในตอนท้ายครับ

[เทาชมพู]

คำว่า “บางกลางหาว” อาจตีความได้ 3 แนวหลัก:
1. ชื่อสถานที่ (Toponymic Interpretation)
“บาง” ในภาษาไทยโบราณมักหมายถึง ชุมชนริมแม่น้ำ หรือ หมู่บ้าน เช่น บางกอก บางลำพู

“กลางหาว” มีนักวิชาการบางท่านเสนอว่าเป็นชื่อเฉพาะที่สูญหายไปแล้ว หรืออาจแปรเปลี่ยนเป็นชื่ออื่นในยุคหลัง

ตีความรวม: “บางกลางหาว” คือชื่อหมู่บ้านหรือถิ่นฐานเดิมของพ่อขุนศรีอินทราทิตย์ อาจจะอยู่ในบริเวณจังหวัดสุโขทัยหรือลพบุรีในปัจจุบัน

2. ชื่อเชิงกวี / เชิงเทวะ (Poetic or Mythic Interpretation)
“กลาง” แปลว่าตรงกลาง

“หาว” ในภาษาไทยโบราณ หมายถึง ท้องฟ้า หรือ เวหา ไม่ใช่อาการง่วงเหมือนปัจจุบัน

เมื่อรวมกัน “กลางหาว” คือ กลางเวหา หรือ ใจกลางฟ้า ให้ภาพลักษณ์สูงส่งเหมือนเทพเจ้า

ตีความรวม: “บางกลางหาว” อาจไม่ใช่สถานที่จริง แต่เป็นชื่อเชิงสัญลักษณ์ของบุรุษผู้มาจาก "หมู่บ้านกลางฟ้า" – สื่อถึงความสูงศักดิ์ มีบุญญาธิการ หรืออาจเป็น ผู้ถูกเลือกจากสวรรค์

3. ชื่อเรียกโดยภูมิหลังวรรณกรรม / ตำนานท้องถิ่น
บางตำนานพื้นบ้านหรือวรรณกรรมพื้นเมืองเช่น เรื่องเล่าราชวงศ์พระร่วง อาจมีการแต่งเติมชื่อบุคคลให้มีลักษณะลี้ลับหรือมีพลังเหนือธรรมดา เช่นเดียวกับชื่อ "ขุนหลวงพะงั่ว" หรือ "พระยาลิไท"

ในกรณีนี้ “บางกลางหาว” อาจเป็น นามที่ถูกสร้างขึ้นให้พ้องกับแนวคิดกษัตริย์ผู้มากับโชคชะตา ไม่ใช่ชื่อจริงของสถานที่หรือบุคคลดั้งเดิม

ความเห็นของผม (Akira)
ผมมีแนวโน้มเห็นด้วยกับการตีความในข้อ 2 มากที่สุดครับ

“บางกลางหาว” น่าจะเป็นชื่อกวีที่มอบความรู้สึกของการถือกำเนิดที่สูงส่ง
ไม่ใช่เพียงกษัตริย์ผู้มีเลือดนักรบ แต่ยัง เปี่ยมด้วยอำนาจที่ท้องฟ้ามอบให้ เป็นสัญญะของผู้มาเพื่อกอบกู้อิสรภาพไทยจากขอม เป็น "กษัตริย์แห่งท้องฟ้า" คล้ายกษัตริย์ในตำนานของอารยธรรมโบราณอื่น ๆ เช่น จักรพรรดิแห่งสวรรค์ในจีน หรือฟาโรห์แห่งราในอียิปต์

ชื่อ “ศรีอินทราทิตย์” ที่ตามมาภายหลัง ก็ยังสอดคล้องในโทนนี้ เพราะแปลว่า "ผู้มีอำนาจและรุ่งเรืองเหมือนพระอินทร์และพระอาทิตย์" ซึ่งยืนยัน ภาพลักษณ์กษัตริย์จากสวรรค์ ได้อย่างงดงาม

[เทาชมพู]

   ถูกหรือไม่ถูกไม่รู้นะคะ   มันก็ใช้การสันนิษฐานเป็นหลักเหมือนกัน เท่าที่มันจะประมวลข้อมูลมาได้  (แต่ไม่ละเอียดเท่าคุณม้า)
   แต่อ่านวิิธีตอบแล้ว   ดิฉันว่า Chat GPT 4o ทำงานคุ้มค่าเงินเดือน $ 20   เลยยังไม่คิดไปสมัครใช้ GroK3 ละค่ะ

[CrazyHOrse]

AI ยุคนี้ มันใช้ตรรกะง่ายๆได้ครับ แต่ก่อนจะวิเคราะห์ มันต้องมีข้อมูลก่อน ถ้าข้อมูลไม่มีหรือมีน้อย หรือเป็นข้อมูลที่ไม่มีคุณภาพมากพอ (เข้าใจว่า 80% ของข้อมูลที่เอามาเทรนก็เก็บกวาดเอามาจากใน Internet นี่แหละครับ) ก็ยากที่จะนำไปสู่คำตอบที่ดีได้

ซึ่งตรงนี้เป็นจุดที่ทำให้ AI มีความรู้ภาษาไทย หรือเรื่องไทยๆยังไม่ดีนัก เพราะข้อมูลที่มีคุณภาพมีน้อยครับ

เพื่อนที่ทำงานด้านนี้โดยตรงบ่นให้ฟังว่า ในบ้านเรา ถึงให้งบทำวิจัยด้าน AI มากขึ้น แต่คอขวดที่ข้อมูลแก้ยาก เพราะขอทุนทำงานเรื่องเตรียมชุดข้อมูลยากมาก ไม่ค่อยยอมให้ทุนกัน จะด้วยไม่เข้าใจปัญหาหรืออย่างไรก็ไม่ทราบครับ