เรือนไทย
ยินดีต้อนรับ ท่านผู้มาเยือน
กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
ส่งอีเมล์ยืนยันการใช้งาน?
ข่าว: การแนบไฟล์ กรุณาใช้ชื่อไฟล์ภาษาอังกฤษเท่านั้นครับ
หน้า: [1]
  พิมพ์  
อ่าน: 3080 ปีแห่งความอ่อนล้าของ US Secret Service
ปัญจมา
อสุรผัด
*
ตอบ: 247


 เมื่อ 17 ต.ค. 24, 06:07

หน่วยอารักขาบุคคลสำคัญแห่งสหรัฐฯ ที่เรารู้จักกันในนามของ US Secret Service ถูกสังคมตั้งคำถามกันมากในช่วงที่ผ่านมา หลังจากอดีตปธน.โดนัลด์ ทรัมป์ตกเป็นเป้าหมายของการลอบสังหารถึงสองครั้งในเวลาแค่สามเดือน  และเกือบจะเอาชีวิตไปทิ้งที่เพนซิลเวเนียในการลอบสังหารครั้งแรก  เป็นเหตุให้ผอ.ของหน่วยต้องลาออกเพื่อสังเวยความผิดพลาด  และมีการตั้งคณะกรรมการมากมายขึ้นมาสอบสวนหน่วยงานนี้

แต่ในขณะที่คนในสังคมรุมก่นด่า นักการเมืองจับจ้องจะเอาผิด ฯลฯ น้อยคนจะรู้ว่าหน่วยงานนี้ต้องเผชิญกับอะไรบ้างใน 20 กว่าปีที่ผ่านมาตั้งแต่ถูกโอนให้ไปอยู่กับกระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิ   หลังจากที่ทรัมป์ถูกลอบสังหารในครั้งแรก. นสพ.นิวยอร์คไทมส์ของสหรัฐฯ จึงใช้เวลาหลายเดือนในการรวบรวมข้อมูลมารายงานอย่างเจาะลึกว่า  ความผิดพลาดต่างๆ ที่เกิดขึ้นระหว่างการอารักขาทรัมป์ที่เพนซิลเวเนียนั้นมันมีสาเหตุมาจากความล้มเหลวขององค์กรโดยรวม หรือเป็นแค่ความเลินเล่อของจนท.ภาคสนามไม่กี่คนกันแน่

คำตอบที่ได้อาจทำให้คนอ่านช็อคค่ะ 
_ _ _ _

คงไม่มีงานประเภทไหนในโลกนี้ที่จะเรียกร้องให้ผู้ปฏิบัติหน้าที่ต้องเพียบพร้อมสมบูรณ์แบบอยู่ตลอดเวลาเหมือนงานของ Secret Service  เพราะถ้าพลาดเพียงนิดเดียวก็อาจหมายถึงชีวิตของบุคคลในอารักขาได้  แต่ถ้าทำงานดีก็ไม่มีใครพูดถึง เพราะจะไม่มีอันตรายร้ายแรงอะไรเกิดขึ้นกับบุคคลในอารักขาให้เป็นข่าว  Secret Service จึงมีภาพลักษณ์ขององค์กรระดับอีลีทที่ใครๆ ก็อยากเข้า   ความล้มเหลวในการอารักขาทรัมป์ที่เพนซิลเวเนียเมื่อเดือนกค. ทำให้เราตระหนักว่า  เบื้องหลังภาพลักษณ์นั้นอาจมีอะไรแย่ๆ ซ่อนอยู่ 

ก่อนหน้านี้เมื่อปลายเดือนกย. มีรายงานการสอบสวนมูลเหตุแห่งความผิดพลาดที่เพนซิลเวเนียออกมาสองฉบับ  ฉบับแรกเป็นการสอบสวนภายในโดย Secret Service เอง  ฉบับที่สองเป็นการสอบสวนโดยคณะกรรมาธิการร่วมแห่งรัฐสภาสหรัฐฯ

รายงานทั้งสองฉบับระบุตรงกันว่าต้นตอของความผิดพลาดมาจากการที่ Secret Service ปล่อยปละละเลย  ไม่ได้ควบคุมดูแลให้การปฏิบัติงานเป็นไปตามกฎระเบียบอย่างเคร่งครัด รวมถึงการที่ผู้ปฏิบัติงานทั้งจากรัฐบาลกลางและจากท้องถิ่นในวันนั้นไม่มีช่องทางสื่อสารถึงกันอย่างมีประสิทธิภาพ  ทำให้ข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับมือปืนไม่ได้ถูกถ่ายทอดไปถึงจนท.ที่อารักขาทรัมป์อย่างทันท่วงที 

แต่รายงานเของนิวยอร์คไทมส์ในช่วงสองเดือนที่ผ่านมาชี้ให้เห็นว่า  ปัญหาที่ส่งผลต่อประสิทธิภาพในการปฏิบัติงานของ Secret Service นั้นมันฝังลึกและดำเนินไปอย่างเนิ่นนานก่อนทรัมป์จะถูกลอบสังหารเสียอีก 

ตั้งแต่เดือนตค. ปี 2022 เป็นต้นมา สภาพการทำงานอันเลวร้ายทำให้จนท. Secret Service 1,400 คน หรือเกือบ 20% ของหน่วยงานทั้งหน่วย ต่างก็พากันลาออกก่อนจะหมดอายุราชการหรือไม่ก็ขอโอนย้ายไปทำงานที่อื่น  ทำให้ขาดคนทำงานภาคสนามที่มีประสบการณ์และความเชี่ยวชาญสูง  อันส่งผลให้เกิดสภาวะที่เรียกว่า vicious cycle หรือวงจรอุบาทว์  คือคนที่เหลืออยู่ต้องทำงานหนักขึ้นจนรับกันไม่ไหว  พอคนที่รับไม่ไหวพากันลาออกไป  คนที่ยังไม่ออกก็ยิ่งต้องรับภาระหนักขึ้นไปอีก  วนลูปกันไปอย่างนี้ไม่มีวันสิ้นสุด   

จึงไม่น่าแปลกใจเลยที่ Secret Service จะถูกจัดให้อยู่ในอันดับที่ 413 จากหน่วยงานทั้งหมด 459 แห่ง ในการสำรวจประจำปี 2023 ว่าหน่วยงานในรัฐบาลกลางแห่งไหนน่าไปทำงานด้วยมากที่สุด

ก่อนหน้านี้ Secret Service อยู่ใต้สังกัดกระทรวงการคลัง  แต่พอเกิดเหตุการณ์วินาศกรรม 9/11  รัฐบาลสหรัฐฯ ก็โอนหน่วยงานนี้ให้ไปอยู่กับกระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิ หรือ Department of Homeland Security (DHS) ที่เพิ่งตั้งขึ้นใหม่ในปี 2003 

การทำงานใน Secret Service จะแบ่งออกเป็นสามเฟส  เฟสแรกสำหรับจนท.ที่เพิ่งเข้ามาใหม่ๆ  ซึ่งจะถูกส่งไปประจำตามสนง.ในรัฐต่างๆ เพื่อปฏิบัติภารกิจด้านการสืบสวนอาชญากรรมทางการเงินและทางไซเบอร์  แต่ถ้ามีบุคคลสำคัญผ่านมาแถวนั้นก็อาจจะไปเป็นฝ่ายสนับสนุนหน้างานบ้าง หรือไปช่วยสำรวจพื้นที่ก่อนวันงานบ้าง   

หลังจากทำงานในเฟสแรกไปสัก 4-5 ปีก็จะเข้าสู่เฟสที่สอง นั่นคือภารกิจอารักขาบุคคลสำคัญทั้งในอดีตและปัจจุบัน รวมถึงบุคคลที่ปธน.มอบหมายให้อยู่ในความดูแลด้วย เฟสนี้จะเป็นเฟสที่หนักหน่วงที่สุดเพราะชม.ทำงานจะขึ้นอยู่กับภารกิจและความต้องการของบุคคลในอารักขา  จนท.บางคนเล่าว่าการเข้ากะ 12 ชม.นี่ถือเป็นเรื่องปกติ เวลาอยู่ในหน้าที่ก็ต้องยืนนานเป็นชั่วโมงติดต่อกันไม่ได้พัก 

พออยู่เฟสสองไปนานๆ ก็จะได้เลื่อนไปยังเฟสสาม คือได้เป็น Special Agent ผู้มีความชำนาญพิเศษ หรือไปเป็นผู้ดูแลหน่วยพิเศษต่างๆ (เช่น หน่วยนักแม่นปืนเพื่อป้องกันการลอบสังหาร) และหน.สนง.ระดับภูมิภาค เป็นต้น

ในทศวรรษที่ผ่านมา Secret Service ต้องเผชิญกับปัญหาการขาดบุคลากรที่เพียงพอสำหรับการปฏิบัติงานในเฟสสองให้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ  ขณะที่ภารกิจและจำนวนผู้อยู่ในความอารักขากลับเพิ่มสูงขึ้นทุกปี 

มาถึงสมัยทรัมป์นี่ยิ่งหนักเข้าไปใหญ่ เพราะ Secret Service ต้องรักษาความปลอดภัยให้แก่ครอบครัวของปธน.ที่มีลูกห้า เขยสะใภ้สาม หลานอีกสิบ ซึ่งไม่ได้อาศัยอยู่ในรัฐเดียวกันทั้งหมดด้วย  ยังไม่นับจนท.ระดับสูงที่ทรัมป์ต้องการให้อารักขาเป็นพิเศษอีก แถมในช่วงที่ทรัมป์เป็นปธน.นั้น  ทั้งลูกตัว ลูกเขย และลูกสะใภ้ต่างก็เดินทางไปต่างประเทศกันเป็นว่าเล่น  ตัวทรัมป์เองก็ชอบบินกลับบ้านที่ฟลอริด้าและไปเล่นกอล์ฟที่สนามของตัวเองในนิวเจอร์ซี่ย์  สร้างแรงกดดันให้แก่ Secret Service เป็นอย่างมากในขณะที่หน่วยงานเองก็ยังประสบกับภาวะสมองไหลอยู่   

แม้จำนวนคนในอารักขาจะลดลงบ้างหลังจากที่ไบเดนขึ้นเป็นปธน.  แต่ปัญหาเรื่องการขาดบุคลากรก็ยังไม่ได้รับการแก้ไข  พอมาในปี 2024 ซึ่งเป็นปีเลือกตั้ง  Secret Service ก็ยังต้องรับภารกิจสำคัญๆ เพิ่มขึ้นมากมาย  เพราะผู้สมัครทั้งสองฝ่ายเป็นอดีตปธน.และปธน.คนปัจจุบันที่ต้องอยู่ในอารักขา  นอกจากนั้น  อเมริกาก็ยังต้องรับหน้าที่เป็นเจ้าภาพจัดประชุมสุดยอดผู้นำนาโต้ในเดือนกค. อีกด้วย  ความล้มเหลวที่เราได้เห็นในเพนซิลเวเนียจึงเป็นเครื่องบ่งชี้อย่างชัดเจนว่าหน่วยงานไม่มีศักยภาพและความพร้อมที่จะรับมือกับภารกิจมากมายเหล่านี้ในช่วงเวลาไล่เลี่ยกัน

_ _ _ _

อ่านบทความฉบับเต็มที่นี่ค่ะ

https://m.facebook.com/story.php?story_fbid=pfbid02RVW5mtyiHPXKFDwtmieVGDnUkA6GK1unJWJj128GjCLEzpyzWBhutNGvEyezSpDRl&id=61564539505812
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 41307

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 1  เมื่อ 17 ต.ค. 24, 09:59

 ถ้าหากว่าเป็นหน่วยงานไทย อาจจะลงเอยด้วยการของบประมาณเพิ่ม เพื่อเพิ่มกำลังคนและฝึกประสิทธิภาพให้แข็งแกร่ง  ไม่รู้ว่าอเมริกาถือหลักนี้หรือเปล่านะคะ
บันทึกการเข้า
ปัญจมา
อสุรผัด
*
ตอบ: 247


ความคิดเห็นที่ 2  เมื่อ 17 ต.ค. 24, 10:21

ถ้าหากว่าเป็นหน่วยงานไทย อาจจะลงเอยด้วยการของบประมาณเพิ่ม เพื่อเพิ่มกำลังคนและฝึกประสิทธิภาพให้แข็งแกร่ง  ไม่รู้ว่าอเมริกาถือหลักนี้หรือเปล่านะคะ

จริงๆ เขาก็ได้งบประมาณเพิ่มเหมือนกันค่ะ  แต่เพิ่มแล้วก็ยังใช้ไม่ถูกที่เหมือนที่พูดถึงไปในบทความเต็มๆ  ส่วนหนึ่งมาจากการที่หน่วยงานมีสองหน้าที่  เลยต้องใช้เงินไปกับงานสอบสวนเสียเยอะ  แล้วพอมีประเด็นเรื่องหน่วยงานขาดประสิทธิภาพขึ้นมา  นักการเมืองบางส่วนก็จะแย้งว่าทำงานแบบนี้ไม่สมควรได้เงินเพิ่มหรอก   แต่สุดท้ายก็ดูเหมือนว่าคองเกรสจะยอมเพิ่มเงินให้ในปีนี้เพราะเห็นว่าเป็นปีเลือกตั้ง ภารกิจเยอะ แต่ประเด็นคือพอปีต่อๆไปเรื่องพวกนี้มันจางหายไป  คนที่จะมารับหน้าที่แทนคุณคิมเบอร์ลี่นั้นจะมีวิสัยทัศน์และความจริงใจพอที่จะผลักดันเรื่องยากๆ ให้สำเร็จหรือเปล่า  เพราะข้อเสนอแนะหลายเรื่องจริงๆ ก็ไม่ใช่เรื่องใหม่  ตอนปี 2015 ก็มีรายงานเรื่องการปฏิรูป Secret Service ออกมาหลังจากที่มีคนแอบเข้าไปในทำเนียบขาวได้ในปี 2012  แต่สุดท้ายก็ไม่มีใครจับมาเป็นเรื่องเร่งด่วน  อีกเรื่องหนึ่งที่ไม่ได้พูดถึงในบทความคือเรื่องต้องแย่งชิงความสนใจจากนายใหญ่ที่ Homeland Security  ข่าวบอกว่าเวลาของบอะไรไปนายก็ไม่ได้ไปสู้กับคองเกรสเพื่อให้ได้งบมา  เพราะมัวแต่ไปสนใจเรื่องตรวจคนเข้าเมืองเสียมากกว่า เนื่องจากใน 8-9 ปีมานี้มันกลายเป็นประเด็นอ่อนไหวทางการเมืองไปแล้ว
บันทึกการเข้า
หน้า: [1]
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2006, Simple Machines
Simple Audio Video Embedder

XHTML | CSS | Aero79 design by Bloc หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.051 วินาที กับ 20 คำสั่ง