เรือนไทย
ยินดีต้อนรับ ท่านผู้มาเยือน
กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
ส่งอีเมล์ยืนยันการใช้งาน?
ข่าว: การแนบไฟล์ กรุณาใช้ชื่อไฟล์ภาษาอังกฤษเท่านั้นครับ
หน้า: [1] 2
  พิมพ์  
อ่าน: 5144 แชร์ลูกโซ่
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 41269

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
 เมื่อ 12 ต.ค. 24, 09:02

   คำนี้หายไปจากวงการธุรกิจของไทยมานานหลายทศวรรษแล้ว   เพิ่งมาเป็นกระแสอีกครั้งใน 3-4 วันนี้เอง  จึงขอนำมาเล่าสู่กันฟัง 
    แต่ไม่ขอวิจารณ์เรื่องที่กำลังอื้อฉาวอยู่ตอนนี้นะคะ   เพราะเรื่องราวยังไม่เข้าสู่กระบวนการยุติธรรม
    ย้อนหลังไปประมาณทศวรรษพ.ศ. 2520s  สมาชิกเรือนไทยบางคนยังไม่เกิด บางคนเกิดแล้วแต่ยังอยู่ในวัยเรียน    อยู่ๆก็มีข่าวกระซิบบอกกันปากต่อปากแพร่หลายว่า  มีการลงทุนชนิดหนึ่งชื่อว่า "กองทุนน้ำมัน" ให้ผลตอบแทนสูงมาก   ยิ่งกว่าดอกเบี้ยธนาคารหลายเท่า
   เจ้าของการลงทุนนี้ตอนแรกก็ไม่มีใครรู้จักชื่อว่าเป็นใคร   บอกแต่ว่าเป็นกิจการค้าน้ำมันทุกชนิด เปิดให้ประชาชนเข้าร่วมเล่นแชร์น้ำมัน   โดยเอาเงินมาลงซื้อรถบรรทุกน้ำมันคันละ 160,500 บาท ให้ผลตอบแทนเดือนละ 12,000 บาท หรือร้อยละ 6.5 ต่อเดือน หรือร้อยละ 78 ต่อปี   ถ้าใครมีเงินไม่พอ จะลงเป็น "ล้อ" คือแค่ 1 ใน 4  ก็ได้  หรือชวนเพื่อนอีก 3 คนมาลงอีกคนละล้อ   รวมแล้วได้รถน้ำมัน 1 คัน
  การลงทุนนี้มีหลักฐานเป็นสัญญากู้ยืมเงินแบบที่มีขายทั่วไป  หรือบางรายจะออกหลักฐานให้เป็นเช็ค โดยผู้ให้กู้ยืมสามารถเรียกคืนเงินต้นเมื่อใดก็ได้และจะกลับมาให้กู้ยืมอีกก็ได้ในเงื่อนไขเดิม
    ส่วนผู้ประสานงานหรือตัวกลางรับเงินจ่ายเงิน ชื่อ "ชม้อย"  จึงเรียกกันว่า "แชร์แม่ชม้อย"
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 41269

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 1  เมื่อ 12 ต.ค. 24, 09:14

    กิจการนี้ค่อนข้างลึกลับ   ในตอนแรกว่ากันว่าอยู่ในวงข้าราชการแห่งหนึ่ง ที่ลูกแชร์รวยอู้ฟู่ไปตามๆกัน  ต่อมาจึงแพร่ออกมาสู่ภายนอก   ในเมื่อมีการจ่ายดอกเบี้ยตรงตามเวลา   ลงทุนไปไม่เท่าไรก็ได้คืนทุนหมดแล้ว   ถ้าอยากถอนเงินต้น ก็สามารถถอนได้ทุกรายไม่มีปัญหา    แล้วยังมีข่าวว่า "แม่ชม้อย" ทำงานอยู่การปิโตรเลียมแห่งประเทศไทยอีกด้วย  ประชาชนก็ยิ่งหลงเชื่อ  ถึงขั้นลือกันว่าแม่ชม้อยเป็นเพียงตัวแทนของบุคคลสำคัญคนนั้นบ้างคนนี้บ้าง   ประชาชนก็ยิ่งตื่นเต้นที่จะไปร่วมลงทุน   ทำให้เกิดกิจการนี้ขึ้นอีกหลายแห่ง เช่น "แชร์แม่นกแก้ว" และแชร์อะไรต่อมิอะไรอีก   ทำธุรกิจแบบเดียวกัน
    สิ่งที่ประชาชนไม่รู้เพราะไม่มีประสบการณ์มาก่อน  คือธุรกิจแบบนี้เป็นมิจฉาชีพแบบหนึ่ง   ไม่ได้ค้าขายได้กำไรอย่างใดทั้งสิ้น   แค่เอาเงินลงทุนจากสมาชิกใหม่มาจ่ายดอกเบี้ยสมาชิกเก่า   ให้เงินดอกเบี้ยสูงมากเพื่อล่อใจ    ตราบใดยังมีสมาชิกใหม่เข้ามาเรื่อยๆ ธุรกิจนี้ก็ยังหมุนเงินต่อไปได้   แต่ถ้าไม่มีสมาชิกใหม่เข้ามา  ก็ไม่สามารถจ่ายดอกเบี้ยสมาชิกเก่าได้สะดวกอีกต่อไป   
    ในเมื่อความเริ่มแตก  ทางการยื่นมือเข้ามาสอบสวน   ธุรกิจแชร์น้ำมันทิพย์นี้ก็ล้มครืน   แม่ชม้อยถูกจับและถูกส่งฟ้องศาล   ต้องไปใช้หนี้อยู่ในคุก    แต่ประชาชนจำนวนมากที่หลงลงทุนไป สูญเสียเงินไปไม่มีทางได้คืน

   
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 41269

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 2  เมื่อ 12 ต.ค. 24, 09:19

ไทยเราเรียกธุรกิจหลอกลวงเอาเงินประเภทนี้ว่า "แชร์ลูกโซ่"   คือต้องหาคนมาร่วมธุรกิจไปเรื่อยๆเป็นห่วงลูกโซ่
 เพื่อให้ดำเนินการต่อไปได้     ส่วนฝรั่งเรียกว่า  Pyramid Scheme  เป็นสิ่งผิดกฎหมาย
ขอไปพักสายตาก่อนจะมาเล่าต่อค่ะ  เชิญร่วมออกความเห็น หรือเล่าเสริมต่อได้ตามสะดวกนะคะ
บันทึกการเข้า
SILA
หนุมาน
********
ตอบ: 8424


ความคิดเห็นที่ 3  เมื่อ 12 ต.ค. 24, 10:23

            ทันรู้เริ่อง "แม่ชม้อย" มีคนรู้จักที่เคารพหมดเงินไปโข จนต้องเปลี่ยนวิถีชีวิตการงาน
           
            สกู๊ป ย้อนอดีตบอกว่า เธอทำงานในตำแหน่งเสมียนธุรการที่องค์การน้ำมันเชื้อเพลิง และตำแหน่งสุดท้าย
คือพนักงานแผนกบริการทั่วไป
            มูลค่าความเสียรวมกว่า 4,500 ล้านบาท
            ศาลพิพากษาให้นางชม้อยและพวกรวม 10 คน มีความผิดฐานฉ้อโกงประชาชน ตามประมวลกฎหมายอาญา
ให้จำคุกเป็นเวลา 117,595 ปี (รวม 23,519 กระทง) และฐานฉ้อโกงประชาชนตามพระราชกำหนดการกู้ยืมเงินที่
เป็นการฉ้อโกงประชาชน พ.ศ.2527 อีก 36,410 ปี (กระทงละ 10 ปี รวม 3,641 กระทง)
            รวมจำคุก คนละ 154,005 ปี
            แต่ด้วยประมวลกฎหมายอาญาให้จำคุกได้ไม่เกิน 20 ปี
            ให้จำเลยทั้งแปดคนร่วมกันคืนเงินที่ฉ้อโกงประชาชน (4,043,997,795 บาท) แก่ผู้เสียหาย และ
ร่วมกันคืนเงินกู้ยืมที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน (510,584,645 บาท) พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 15 ต่อปี
แก่ผู้เสียหายแต่ละคน....
            คดีดังกล่าวได้ถึงที่สุดโดยไม่มีการอุทธรณ์ .... ทรัพย์สินของนางชม้อยฯ กับพวกได้ถูกเฉลี่ยคืนให้แก่ผู้เสียหายในคดี
            แต่แม่ชม้อยจำคุกจริงเพียง 7 ปี 11 เดือน 5 วันเท่านั้น เพราะเป็นนักโทษชั้นดี และได้รับอภัยโทษถึง 2 ครั้ง
            ออกจากเรือนจำมาในวันที่ 27 พ.ย. 2536

            ไม่พบข้อมูลว่า ยังอยู่หรือไม่ ที่ไหน
บันทึกการเข้า
เพ็ญชมพู
หนุมาน
********
ตอบ: 16057



ความคิดเห็นที่ 4  เมื่อ 12 ต.ค. 24, 10:35

ธุรกิจหลอกลวงทำนองนี้ เกิดขึ้นมาเกิน ๑๐๐ ปีแล้ว มาทำความรู้จัก  Charles Ponz บิดาผู้ให้กำเนิดธุรกิจที่เรียกว่า Ponzi scheme หรือที่รู้จักกันดีในชื่อไทยว่า แชร์ลูกโซ่

บันทึกการเข้า
พี่วรภัทรของพี่ชายใหญ่
มัจฉานุ
**
ตอบ: 74


ความคิดเห็นที่ 5  เมื่อ 12 ต.ค. 24, 23:31

ผมนึกถึงแชร์บลิสเชอร์ เรื่องนี้ก็เป็นข่าวประมาณ 30 ปีที่แล้ว
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 41269

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 6  เมื่อ 13 ต.ค. 24, 09:28

   ย้อนไปเมื่อประมาณช่วงปี 2534 มีกลุ่มธุรกิจหนึ่งชื่อ บริษัท บลิสเชอร์ อินเตอร์กรุ๊ป จำกัด ประกอบธุรกิจจัดสรรวันพักผ่อน หรือ ไทม์แชริ่ง โดยโฆษณาเชิญชวนให้สมัครสมาชิก เพื่อใช้บริการที่พักฟรี ซึ่งต้องเสียค่าสมาชิก และค่าบำรุง หากสมาชิกหาสมาชิกมาสมัครเพิ่มจะได้ค่านายหน้าเป็นค่าตอบแทน มีผู้เสียหายกว่า 2 หมื่นคน รวมมูลค่าความเสียหาย 826,266,000 บาท
    ต่อมาเมื่อวันที่ 23 พฤศจิกายน 2558 (7 ปีก่อน) ​ศาลฎีกาพิพากษาให้จำคุก 2 ผู้บริหาร บลิสเชอร์ฯ คนละ 20 ปี และออกหมายจับหลังจำเลยไม่มาศาล  ในคดีอัยการสั่งฟ้องบริษัท บลิสเชอร์ฯ  ความผิดฐานฉ้อโกงประชาชน และความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน พ.ศ.2527 ถือเป็นคดีแชร์ลูกโซ่ที่ต่อสู้ยาวนานมากคดีหนึ่ง...
จากเพจ ศูนย์ข้อมูลหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ


บันทึกการเข้า
เพ็ญชมพู
หนุมาน
********
ตอบ: 16057



ความคิดเห็นที่ 7  เมื่อ 13 ต.ค. 24, 09:35

แชร์ลูกโซ่แรกของไทยและทำความเสียหายมากที่สุด เห็นจะเป็น "แชร์แม่ชม้อย"


บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 41269

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 8  เมื่อ 13 ต.ค. 24, 09:42

    ขอเล่าเรื่องแชร์ลูกโซ่ระดับโลก  สร้างความเสียหายทางการเงินให้อเมริกาจน Wallstreet แทบคว่ำลงไปในช่วงทศวรรษ 2530s
   พ่อมดเจ้าของแชร์ชื่อ Bernie Madoff  ดูจากประวัติแกก็เป็นปัญญาชนเราดีๆคนหนึ่งนี่เอง   ไม่ใช่ผู้ร้ายเจ้าพ่อแก๊งค์ที่ไหนมาก่อน      เรียนจบมหาวิทยาลัยแล้วจากนั้นแกก็เข้าสู่วงการธุรกิจ  ตั้งบริษัทโบรคเกอร์เล็กๆชื่อ Bernard L. Madoff Investment Securities
  สมัยนั้นยังไม่มีระบบซื้อขายหุ้นอิเล็กทรอนิกส์อย่างทุกวันนี้ ต้องอาศัยนายหน้าทำหน้าที่ประสานงานหาคนซื้อและคนขายมาเจอกัน  เพื่อตกลงซื้อขายหุ้น  บริษัทเล็กๆ ย่อมไม่มีกำลังจ้างนายหน้ามากๆมาสู้กับบริษัทยักษ์ใหญ่  มาร์ดอฟ จึงหากินด้วยการจับคู่ซื้อขายหุ้นตัวเล็กๆ ในตลาดหรือที่เรียกว่า Penny Stock ซึ่งบริษัทร์รายใหญ่ไม่ค่อยสนใจ  ก็พอดำเนินกิจการเอาตัวรอดไปได้

แต่เนื่องจากสมัยนั้นความรู้เรื่องการลงทุนยังมีน้อย การจับคู่ซื้อขายหุ้นตัวเล็กๆ ช่วยให้บริษัทอยู่รอดก็จริง แต่ไม่ได้ทำให้ร่ำรวย จนกระทั่งเขาคิดสิ่งประดิษฐ์นึงที่จะเข้ามาเปลี่ยนตลาดหุ้นไปตลอดกาลครับ

สิ่งนั้นก็คือ "ระบบการซื้อขายหุ้นแบบอิเลกทรอนิกส์" ที่จะช่วยให้บริษัทของ Madoff จับคู่คนที่อยากซื้อกับคนที่อยากขายหุ้นตัวเดียวกันได้ง่ายขึ้น ดีกับทั้งนักลงทุนและธุรกิจของเขาเองด้วย win-win ทุกฝ่าย

หลังจากนั้นเขาก็ดังเป็นพลุแตกครับ ครั้งนึง Madoff ได้ให้สัมภาษณ์กับนักข่าวว่า “ในช่วงนั้น พวกนายธนาคารใหญ่ๆ พากันเอาอกเอาใจและปรนเปรอผมกันยกใหญ่” ก็พอจะบอกชื่อเสียงของเขาได้เป็นอย่างดี

หลังจากนั้น บริษัทโบรกเกอร์ของ Madoff และบริษัทอื่นๆ ที่ใช้ระบบการซื้อขายหุ้นอิเล็กทรอนิกส์เหมือนกันก็ร่วมกันก่อตั้งดัชนี NASDAQ ขึ้นในปี 2514

ซึ่งตัว Madoff เองก็ดำรงตำแหน่งเป็นประธานกรรมการของดัชนี NASDAQ ถึง 3 สมัย คือในปี 2533 2534 และปี 2536 ครับ

แถมยังเป็น 1 ในผู้ก่อตั้งบริษัทจัดการระบบบัญชีซื้อขายหุ้นทั้งหมดในตลาดหุ้นสหรัฐฯ และเป็น 1 ในกรรมการของสมาคมบริษัทหลักทรัพย์และตลาดการเงินแห่งสหรัฐฯ ด้วย

ถึงตรงนี้ โปรไฟล์ของ Madoff นั้น "สุดหรู" ไปเลยครับ ทำธุรกิจของตัวเองก็ประสบความสำเร็จจนร่ำรวย เป็นหัวหอกหลักในการสร้างระบบซื้อขายหุ้นอิเล็กทรอนิกส์ และยังมีตำแหน่งในองค์กรกลางอีกหลายแห่ง


บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 41269

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 9  เมื่อ 13 ต.ค. 24, 09:50

   มาดอฟฟ์เป็นคนฉลาด ตามประสาเจ้าพ่อหรือเจ้าแม่แชร์ลูกโซ่ทุกคน ที่จะต้องมีมันสมองมากกว่าลูกค้า  เขาก็เลยหัวใส ประดิษฐ์คิดค้นนวัตกรรมใหม่ที่เข้ามาเปลี่ยนตลาดหุ้นไปตลอดกาล   อันได้แก่  "ระบบการซื้อขายหุ้นแบบอิเลกทรอนิกส์" ช่วยให้บริษัทเขาจับคู่คนที่อยากซื้อกับคนที่อยากขายหุ้นตัวเดียวกันได้ง่ายขึ้น ดีกับทั้งนักลงทุนและธุรกิจของเขาเองด้วย win-win ทุกฝ่าย
   สิ่งนี้ทำให้ชื่อเสียงของเขาดังเป็นพลุแตกชั่วข้ามคืน   ก้าวจากเจ้าของบริษัทเล็กๆมาเป็นลูกค้ารายใหญ่ของธนาคารและคนดังในวอลล์สตรีท    บริษัทโบรกเกอร์ไหนๆก็หันมาใช้ระบบนี้กันยกใหญ่  จนเกิดการตั้งดัชนี NASDAQ ขึ้น  มี Madoff ดำรงตำแหน่งเป็นประธานกรรมการของดัชนี NASDAQ ถึง 3 สมัย คือในปี 2533 2534 และปี 2536
     โชคหลายชั้นตามมาอีก คือเป็นหนึ่งในผู้ก่อตั้งบริษัทจัดการระบบบัญชีซื้อขายหุ้นทั้งหมดในตลาดหุ้นสหรัฐฯ และกรรมการของสมาคมบริษัทหลักทรัพย์และตลาดการเงินแห่งสหรัฐฯ ด้วย
     ถ้าเป็นสุจริตชนอื่นๆ  ประสบความสำเร็จขนาดนี้น่าจะปลื้มไปตลอดชีวิต   แต่นายคนนี้กลับเอาฐานอันแข็งแกร่งของเขามาเม้คมันนี่ในทางเอาเปรียบหลอกลวงประชาชนให้เขารวย รวย รวยขึ้นไปอีก จนเป็นตำนานแชร์ลูกโซ่ที่ใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์การเงินโลก
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 41269

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 10  เมื่อ 14 ต.ค. 24, 09:38

     มาดอฟฟ์เป็นตัวอย่างของทัศนคติว่า "รวยแล้วไม่โกง" นั้นไม่เป็นความจริง     ทั้งที่รวยจากธุรกิจสุจริตแล้ว เขาก็ยังดูออกว่ารวยทางทุจริตนั้น รวยมากขึ้นกว่าเป็นไหนๆ    เขาจึงตั้งโครงการ Ponzi ขึ้น ก่อนหน้านี้ก็เที่ยวผูกมิตรกับเศรษฐีนักธุรกิจเจ้าใหญ่ๆในนิวยอร์กซิตี้และปาล์มบีช รัฐฟลอริดา  ตำแหน่งการงานของเขาทำให้ไม่มีใครระแวง  ตกลงเซ็นสัญญาในฐานะนักลงทุน  มาดอฟฟ์จ่ายผลตอบแทนอย่างงาม ตลอดจนชักชวนให้ชวนเพื่อนฝูงมาลงมากขึ้น   แถมยังฉลาดพอจะตีสนิทกับหน่วยงานกำกับดูแลทางการเงิน  ทำให้เห็นว่าธุรกิจพอนซีน่าเชื่อถือ 
    เล่ห์เหลี่ยมของมาดอฟฟ์คือไม่ได้เปิดให้ใครมาลงทุนกันได้ตามใจชอบ  แต่คัดเลือกเฉพาะรายที่เครดิตดีจริงๆ  ก็เลยกลายเป็นว่าใครที่ได้ร่วมทุนกับกองทุนพอนซี  เอาไปยืดกับพรรคพวกได้ว่ามีหน้ามีตากว่าคนอื่นๆ
    กองทุนพอนซีค่อนข้างลึกลับ   แต่ในเมื่อมีเงินปันผลอย่างงาม ก็ไม่มีใครติดใจสงสัย  มีแต่คนอยากเข้ามาร่วม  กองทุนก็ขยายตัวมากขึ้นทุกที
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 41269

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 11  เมื่อ 14 ต.ค. 24, 09:55

   ในเมื่อกองทุนพอนซีมีแต่ขยายตัวมากขึ้น  ไม่ว่าตลาดหุ้นจะขึ้นจะลงยังไง  ก็เกิดความสงสัยขึ้นมาในหมู่ผู้เชี่ยวชาญด้านการเงินที่จับตามองอยู่    เช่นกองทุนใหญ่มหึมาเงินหมุนเวียนมากมายขนาดนี้  ทำไมผู้ตรวจสอบบัญชีของบริษัทจึงเป็นแค่รายเล็กๆ มีพนักงานเพียงไม่กี่คน  ไม่น่าจะรับงานไหว
    เมื่อเริ่มมีคำถาม  มาดอฟฟ์ก็อ้างว่าใช้กลยุทธ์ "Split-Strike Conversion" ในการลงทุน ซึ่งเป็นการซื้อหุ้น Blue Chip ขนาดใหญ่และทำสัญญาออปชันพร้อมกันเพื่อควบคุมผลตอบแทน   แต่คำอ้างนี้กลับเป็นช่องโหว่  เพราะอ็อปชันนั้นเป็น "สัญญา" แปลว่าต้องมี 2 ฝ่ายเข้ามาตกลงกัน เช่น ถ้ามีคนอยากซื้อสัญญาอ็อปชันจำนวน 10,000 สัญญา ก็ต้องมีคนที่ยินดีขายสัญญาอ็อปชันรวมกันเป็นจำนวน 10,000 สัญญาหรือมากกว่านั้นในตลาด
     ต่อมาในปี 2001  นักวิเคราะห์ทางการเงินชื่อ Harry Markopolos ได้นำข้อพิรุธและหลักฐานที่เขารวบรวมได้แจ้งสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (SEC) หลายครั้งด้วยกัน  มีหลักฐานการสืบสวนโดยละเอียดในหัวข้อ"กองทุนป้องกันความเสี่ยงที่ใหญ่ที่สุดในโลกเป็นการฉ้อโกง"
     ผ่านมา 4 ปี    SEC เพิกเฉยต่อคำร้องเรียน  แถมบริษัทตรวจสอบบัญชีขนาดใหญ่ ทั้ง Price waterhouseCoopers, KPMG และ BDO Seidman กลับอ้างว่าตรวจสอบแล้วไม่มีความผิดปกติใด ๆ  ซ้ำร้ายกว่านี้ ธนาคาร JP Morgan Chase ก็กลับไม่รู้ไม่เห็น ไม่เฉลียวใจว่าน่าจะมีการฟอกเงินในกิจการของมาดอฟฟ์
บันทึกการเข้า
เพ็ญชมพู
หนุมาน
********
ตอบ: 16057



ความคิดเห็นที่ 12  เมื่อ 14 ต.ค. 24, 12:35

โครงการ Ponzi หรือ กองทุนพอนซี ของ Bernie Madoff (Bernard Lawrence Madoff) ก็คือ Ponzi scheme (ชื่อเรียก แชร์ลูกโซ่ ในภาษาอังกฤษ) เรียกตามชื่อของ Charles Ponzi บิดาแห่งแชร์ลูกโซ่ นั่นเอง ยิงฟันยิ้ม
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 41269

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 13  เมื่อ 14 ต.ค. 24, 14:20

      วิธีการของมาดอฟฟ์คือระดมทุนจากลูกค้าจำนวนมาก เอาไปฝากธนาคารไว้  ไม่ได้ซื้อขายหลักทรัพย์อะไรจริงจังตามที่อ้าง  แต่ใช้วิธีให้พนักงานแต่งตัวเลขปลอมๆ เหมือนกำลังซื้อขายจริงๆ    ส่วนผลตอบแทนเขาก็เอามาจากเงินต้นที่ระดมทุนมาได้นั่นแหละ    ยิ่งระดมเงินจากลูกค้าได้มากเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งมีเงินปันผลตอบแทนลูกค้ามากเท่านั้น   อาศัยเครดิตเก่าที่น่าเชื่อถือทำให้ลูกค้าเก่าเพิ่มเงินฝากมากขึ้น  แล้วก็ชักนำลูกค้าใหม่ๆมาให้บินเข้ากองไฟกันเรื่อยๆ 
      ระดมมาได้ 100  จ่ายคืนแค่ 10  ส่วนต่าง 90  ทำให้มาดอฟฟ์และลูกหลานเครือญาติที่มานั่งกินตำแหน่งในบริษัท กลายเป็นมหาเศรษฐีไปตามๆกัน
      มาดอฟฟ์ไม่ได้นั่งนับเงินอยู่เฉยๆ   เขาสร้างคอนเนคชั่นกว้างขวางในหลายวงการ ตั้งแต่ธุรกิจการเงินไปจนสาธารณกุศล  และแน่นอนว่าวงการเมืองด้วย     ทั้งหมดนี้เป็นฐานให้แชร์ลูกโซ่ของเขาแข็งแกร่ง  รอดพ้นการตรวจสอบอยู่ได้กว่า 20 ปี 
    แชร์ลูกโซ่ของ Madoff สามารถดำรงอยู่มาได้ยาวนานกว่า 20 ปี   สร้างรายได้กว่าพันล้านในแต่ละปี แมงเม่าทั้งหลายมีทั้งคนดังๆในหลายวงการ  มูลนิธิใหญ่น้อย และนักเลงหุ้นที่หลงเชื่อว่าผลตอบแทนสูง จ่ายตรงไม่มีเบี้ยว   ทั้งที่ประกอบการของธุรกิจนี้ก็ค่อนข้างคลุมเครือ  ไม่มีใครแน่ใจว่ามันทำกำไรมหาศาลได้ยังไง  แม้มีความพยายามจะสะกิดเตือน หน่วยงานทั้งหลายก็เอาหูไปนา เอาตาไปไร่ซะยังงั้น
     จนกระทั่งมาถึงปี 2008 เศรษฐกิจเริ่มตกต่ำ ดัชนี S&P 500 ลดลงถึง 39%  ผู้คนตื่นตระหนก  แห่กันไปถอนเงินคืน   มาดอฟฟ์ก็หมดท่า  ไม่รู้จะเอาเงินต้นที่ไหนมาคืน เพราะมันไม่ได้เป็นการค้าขายอะไรที่ได้กำไร  แค่เอาเงินส่วนน้อยของลูกค้ามาจ่ายกลับไปให้ลูกค้าเท่านั้น
    จนมุม มาดอฟฟ์ก็สารภาพกับลูกชายว่า  ธุรกิจใหญ่ของครอบครัวคือการหลอกลวงล้วนๆ   ไม่มีกำไรอะไรทั้งสิ้น
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 41269

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 14  เมื่อ 14 ต.ค. 24, 14:27

   ลูกชายจำใจต้องไปแจ้งความ  เมื่อความแตก  นักธุรกิจผู้ยิ่งยงก็ถูกจับในฐานะอาชญากรการเงิน เมื่อวันที่ 11 ธ.ค. 2008  เป็นอันปิดฉากแชร์ลูกโซ่ขนาดใหญ่สุดในประวัติศาสตร์การเงินของอเมริกา     รวมความเสียหายกว่า 5 หมื่นล้านเหรียญ
     มาดอฟฟ์ถูกตัดสินจำคุก 150 ปี และถูกริบทรัพย์สินแสนกว่าล้านดอลลาร์ ลูกชายคนโตฆ่าตัวตายสองปีหลังที่พ่อเขาถูกดำเนินคดี    ส่วนมาดอฟฟ์ป่วยตายในคุกเมื่อ 14 เม.ย 2021   นับเป็นการปิดฉากการลงทุนลวงโลกรายใหญ่สุด
     ไม่มีมาดอฟฟ์แล้ว แต่แชร์ลูกโซ่ได้ยังไม่ได้สูญพันธุ์ไปจากโลก   ยังคงโผล่ไปที่โน่นที่นี่อยู่เสมอ  จับได้ไล่ทันก็จบ ตัวการติดคุกไป    ถ้าจับไม่ได้ไล่ไม่ทัน ตัวการก็หอบเงินหนีไป  แต่จะจับได้หรือไม่ได้   ประชาชนที่ถูกหลอกไปติดกับ จะเจ็บตัวเสมอ
บันทึกการเข้า
หน้า: [1] 2
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2006, Simple Machines
Simple Audio Video Embedder

XHTML | CSS | Aero79 design by Bloc หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.106 วินาที กับ 19 คำสั่ง