เรือนไทย
ยินดีต้อนรับ ท่านผู้มาเยือน
กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
ส่งอีเมล์ยืนยันการใช้งาน?
ข่าว: การแนบไฟล์ กรุณาใช้ชื่อไฟล์ภาษาอังกฤษเท่านั้นครับ
หน้า: [1]
  พิมพ์  
อ่าน: 4908 ฤา “สิงหาพาฝัน” สำหรับคามาล่า แฮร์ริสกำลังจะเป็นอดีตที่ไม่หวนคืน
ปัญจมา
อสุรผัด
*
ตอบ: 247


 เมื่อ 10 ก.ย. 24, 09:22


หลังจากที่ปลาบปลื้มปลื้มปริ่มใจกับกระแสกมลาฟีเว่อร์มาตลอดเดือนสิงหา  กองเชียร์ของพรรคเดโมแครตก็เริ่มจะจิตตกเมื่อได้เห็นผลการสำรวจความคิดเห็นล่าสุด  เพราะมันบ่งชี้ว่าช่วงเวลาฮันนีมูนของคามาล่า แฮร์ริสได้สิ้นสุดลงแล้ว   และต่อให้เธอพยายามแค่ไหนที่จะนำเสนอตัวเองว่าเป็นทางเลือกใหม่ในฤดูเลือกตั้งนี้   คนอเมริกันจำนวนมากก็ยังมองว่าโดนัลด์ ทรัมป์ต่างหากคือสายลมแห่งการเปลี่ยนแปลงที่พวกเขาถวิลหา ไม่ใช่เธอ 

นี่แหละค่ะการเมืองอเมริกาในปี 2024  ทั้งผันผวน ทั้งเปราะบางสุดๆ  สงสัยดิชั้นต้องเลิกตามข่าวการเมืองสัก 2 เดือนเพื่อไม่ให้ความดันพุ่งพรวด  ตื่นมารับฝันร้ายหลัง 5 พฤศจิกาเลยจะดีกว่า  (อยากจะใส่ 555 ตามหลังประโยคนี้ก็มิอาจทำได้ลง)
_ _ _ _

ผลของการสำรวจ

นสพ. นิวยอร์คไทมส์ไปสำรวจความเห็นของคนอเมริกันทั่วประเทศระหว่างวันที่ 3 ถึง 6 กันยาที่ผ่านมา  ผลของโพลชี้ว่าคะแนนนิยมของโดนัลด์ ทรัมป์ทั่วประเทศตอนนี้เริ่มกลับมาสูงกว่าของคุณกมลาแล้ว (ก่อนหน้านี้คุณกมลานำอยู่เล็กน้อย) 
โพลนี้ให้พี่ทรัมป์นำโด่งในเรื่องซึ่งคนอเมริกันให้ความสำคัญมากที่สุดในการเลือกตั้งรอบนี้ นั่นก็คือปัญหาปากท้อง ส่วนเรื่องการแก้ปัญหาคนเข้าเมืองอย่างผิดกฎหมายนั้นคนก็เชื่อมั่นในทรัมป์มากกว่า ทั้งสองเรื่องเป็นมรดกของรัฐบาลโจ ไบเดนที่คุณกมลาต้องเข้ามารับช่วงต่อ  แต่คุณกมลาได้คะแนนมากกว่าในเรื่องสิทธิทำแท้งและการปกป้องประชาธิปไตย

ทรัมป์ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นในหมู่ฐานเสียงของพรรครีพับลิกันที่อายุ 65 ขึ้นไปและชนชั้นแรงงานผิวขาว (อย่างหลังนี่สำคัญมากเพราะมีสัดส่วนสูงถึง 60% ของผู้มีสิทธิเลือกตั้งทั่วประเทศ)   ขณะที่คุณกมลายังกอดฐานเสียงซึ่งเป็นผู้หญิงและคนรุ่นใหม่ได้อย่างเหนียวแน่น 

กว่า 60 % ของผู้มีสิทธิเลือกตั้งทั่วประเทศบอกว่าอยากเห็นการเปลี่ยนแปลง   แต่มีแค่ 25% เท่านั้นที่เห็นว่าคุณกมลาจะนำความเปลี่ยนแปลงนั้นมาให้  ขณะที่ 53% บอกว่าทรัมป์จะสร้างความเปลี่ยนแปลงได้   

คนไม่ถึง 10% บอกว่ายังรู้จักทรัมป์ไม่ดีพอ แต่ 28% บอกว่าต้องการรู้จักคุณกมลาให้มากขึ้น  คน 47% มองว่าคุณกมลาเธอลิเบอรัลจ๋าไปหน่อย เทียบกับ 32% ที่มองว่าทรัมป์อนุรักษ์นิยมเกินไป

เมื่อถูกถามว่าใครจะเป็นทางเลือกที่อันตราย  54% ตอบว่าทรัมป์ สูสีกับ 52% ที่ตอบว่าคุณกมลา คน  70% บอกว่าทรัมป์พูดจาก้าวร้าวน่ารังเกียจ  กว่าครึ่งบอกว่าเคยไม่พอใจในสิ่งที่ทรัมป์พูด  แต่ยังไงก็จะไปเลือกเฮียอยู่ดี 

อีกโพลหนึ่งซึ่งสำคัญพอๆ กันคือโพลของ CNN ใน 7 รัฐที่จะเป็นตัวตัดสินผลการเลือกตั้ง  เพราะมันชี้ให้เห็นว่าทรัมป์นำโด่งในหมู่ผู้ชาย 

ฉบับเต็มอยู่ที่นี่ค่ะ:  https://m.facebook.com/story.php?story_fbid=pfbid02LVkGsNTvyf1ZLtyuEcVZVjTuiUh5Rp7fXUhfguBVhafmL8tKJiyKtuLQhcoU5cC1l&id=61564539505812
_ _ _ _
บันทึกการเข้า
superboy
สุครีพ
******
ตอบ: 818


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 1  เมื่อ 10 ก.ย. 24, 09:58

ผมคิดว่ากระทู้เลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา สมควร 'รวม' ไว้ที่เดียวจะดีกว่าไหมครับ คนที่เข้ามาอ่านจะได้รับรู้เรื่องราวอย่างครบถ้วน  ยิ้ม

บันทึกการเข้า
ประกอบ
สุครีพ
******
ตอบ: 1416


ความคิดเห็นที่ 2  เมื่อ 11 ก.ย. 24, 18:05

ตอนนี้ผมรอคุณปัญจมามาสรุปผลการ debate ระหว่างกมลากับทรัมป์อยู่นะครับ ติดตามอย่างใกล้ชิด
บันทึกการเข้า

วิรุศฑ์ษมาศร์ อัฐน์อังการจณ์
ปัญจมา
อสุรผัด
*
ตอบ: 247


ความคิดเห็นที่ 3  เมื่อ 12 ก.ย. 24, 13:35

ตอนนี้ผมรอคุณปัญจมามาสรุปผลการ debate ระหว่างกมลากับทรัมป์อยู่นะครับ ติดตามอย่างใกล้ชิด
รีบๆ เขียนเมื่อวานหลังดูจบค่ะ  ขอบคุณที่ติดตามนะคะ
https://www.facebook.com/permalink.php?story_fbid=pfbid0th2MGkP52gBcAfbuRjEQjh1PfVuSAU4xAceYQ35CEDESTgCL6BGbgscyANkg28rql&id=61564539505812
บันทึกการเข้า
ภศุสรร อมร
พาลี
****
ตอบ: 216


ความคิดเห็นที่ 4  เมื่อ 15 ก.ย. 24, 07:45

เขียนได้ดีมากครับ
บันทึกการเข้า
ปัญจมา
อสุรผัด
*
ตอบ: 247


ความคิดเห็นที่ 5  เมื่อ 18 ก.ย. 24, 19:11

เขียนได้ดีมากครับ

ขอบคุณค่า
บันทึกการเข้า
ปัญจมา
อสุรผัด
*
ตอบ: 247


ความคิดเห็นที่ 6  เมื่อ 29 ก.ย. 24, 19:20


สำหรับท่านที่สนใจการเลือกตั้งครั้งนี้ มีบทความใหม่ในเพจอ่านฟังเล่านะคะ  มันยาวเพราะมีข้อมูลเยอะมาก เลยไม่อยากเอามาลงที่นี่ด้วยความเกรงใจคนอ่านค่ะ 
แต่ใช้เวลาค้นคว้าหลายอาทิตย์เลยตัดใจไม่ได้ว่าจะตัดอะไรออกดี 

https://m.facebook.com/story.php?story_fbid=pfbid0wU1TfRHz5Sxi3C19GZ5YAjcLfaLxt8CHdthMJgZhMV1BYaeZ7H2iR29nQguRjaZKl&id=61564539505812
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 41307

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 7  เมื่อ 01 ต.ค. 24, 08:51

ลุงทรัมป์ยังคงชูธง ประเด็นต่อต้านผู้อพยพเข้าอเมริกา เหมือนเดิม
จาก FB คุณ Kong Saeher
As President I will immediately end the migrant invasion of America. We will stop all migrant flights, end all illegal entries, terminate the Kamala phone app for smuggling illegals (CBP One App), revoke deportation immunity, suspend refugee resettlement, and return Kamala’s illegal migrants to their home countries (also known as remigration). I will save our cities and towns in Minnesota, Wisconsin, Michigan, Pennsylvania, North Carolina, and all across America.

โดนัลด์ ทรัมป์: หากผมได้เป็นประธานาธิบดี ผมจะยุติการทะลักเข้าสู่อเมริกาของผู้อพยพโดยทันที เราจะหยุดเที่ยวบินที่เกี่ยวกับผู้อพยพทั้งหมด หยุดยั้งการเข้าประเทศอย่างผิดกฎหมายทั้งหมด ยกเลิกแอปฯโทรศัพท์ของ รองประธานาธิบดี กมาลา ที่ใช้สำหรับการดำเนินการที่ผิดกฎหมาย ยกเลิกการให้ความคุ้มกันการส่งกลับประเทศต้นทาง ยกเลิกการตั้งถิ่นฐานใหม่ของผู้ลี้ภัย และส่งผู้อพยพที่ผิดกฎหมาย (ภายใต้การดำเนินงานของ รองประธานาธิบดี กลับประเทศบ้านเกิด ผมจะปกป้องเมืองต่าง ๆ ในรัฐมินเนสโซต้า วิสคอนซิน มิชิแกน เพนซิลเวเนีย นอร์ทแคโลไลน่า และที่อื่น ๆ ทั่วทั้งอเมริกา“
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 41307

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 8  เมื่อ 01 ต.ค. 24, 08:53

ได้อีลอน มัสก์ มาสนับสนุนสุดตัวด้วย

โพสต์บนแพลตฟอร์มเอ็กซ์เมื่อวันเสาร์ (28 ก.ย.) "มีอเมริกันชนเล็กน้อยมากที่ตระหนักรู้ว่าถ้า ทรัมป์ ไม่ได้รับเลือกตั้ง มันจะเป็นการเลือกตั้งครั้งสุดท้าย เขาไม่ได้ใกล้เคียงที่จะเป็นภัยคุกคามต่อประชาธิปไตย ในทางกลับกัน เขายังเป็นหนทางเดียวที่จะปกป้องประชาธิปไตย"

"ขอให้ผมอธิบาย แม้กระทั่งมีผู้อพยพเข้าเมืองผิดกฎหมายแค่ 1 ใน 20 ที่ได้สิทธิความเป็นพลเมืองในแต่ละปี บางอย่างที่เดโมแครตกำลังเร่งรีบดำเนินการอย่างรวดเร็วเท่าที่จะเป็นไปได้ มันจะเท่ากับว่ามีผู้มีสิทธิออกเสียงที่ถูกต้องตามกฎหมายรายใหม่ราว 2 ล้านคนใน 4 ปี" มัสก์ เขียนอธิบาย ตอบกลับโพสต์ๆ หนึ่งที่อ้างว่ามีผู้อพยพผิดกฎหมายมากกว่า 9 ล้านคน ที่ได้รับสิทธิพลเมืองภายใต้รัฐบาลปัจจุบัน

"ยิ่งไปกว่านั้น รัฐบาลไบเดน/แฮร์ริส กำลังส่งตัวพวกผู้อพยพ ซึ่งกำลังได้รับสิทธิพลเมืองแบบเร่งรัด (fast-tracked) เข้าไปยังรัฐสมรภูมิอย่างเพนซิลเวเนีย โอไฮโอ วิสคอนซิน และแอริโซนา โดยตรง มันเป็นหนทางที่จะรับประกันว่าจะได้รับชัยชนะในทุกๆ การเลือกตั้งอย่างแน่นอน" มัสก์ระบุ

ในรัฐสมรภูมิทั้งหลาย บ่อยครั้งผลการเลือกตั้งสหรัฐฯ จะตัดสินกันในคะแนนที่ห่างกันไม่ถึง 20,000 คะแนน ด้วยเหตุนี้ มัสก์ อ้างว่าถ้าเดโมแครตประสบความสำเร็จในการใช้พวกผู้อพยพเพิ่มคะแนนเสียงของพวกเขา มันก็จะไม่เป็นรัฐสมรภูมิอีกต่อไป การเลือกตั้งหลังจากนั้นจะเหลือเพียงแค่ศึกหยั่งเสียงของเดโมแครตเท่านั้น "เมื่อนั้นอเมริกาจะกลายเป็นรัฐพรรคเดียว และประชาธิปไตยจะจบลง"

ประเด็นผู้อพยพผิดกฎหมายและสถานการณ์ตามแนวชายแดนของสหรัฐฯ ติดกับเม็กซิโก กลายเป็นประเด็นถกเถียงสำคัญในการรณรงค์หาเสียงระหว่างพรรคเดโมแครตและรีพับลิกันในศึกเลือกตั้งครั้งนี้

ทรัมป์ วิพากษ์วิจารณ์คู่แข่งจากเดโมแครต ในประเด็นผู้อพยพ ประณามความเคลื่อนไหวของประธานาธิบดีโจ ไบเดน ต่อการคืนสถานะนโยบาย "จับแล้วปล่อย" ในยุคของโอบามา ซึ่งเขาอ้างว่าเป็นการเปิดทางให้พวกอาชญากรที่ซ่อนตัวอยู่ในหมู่ผู้อพยพผิดกฎหมายเข้าสู่ดินแดนสหรัฐฯ
https://mgronline.com/around/detail/9670000092346
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 41307

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 9  เมื่อ 01 ต.ค. 24, 15:17

บันทึกการเข้า
ปัญจมา
อสุรผัด
*
ตอบ: 247


ความคิดเห็นที่ 10  เมื่อ 03 ต.ค. 24, 08:02

คัดย่อบทความเรื่องช่องว่างระหว่างเพศในหมู่คน Gen Z   และอะไรคือความเป็นชายแท้ในยุคที่ผู้ชายรุ่นใหม่เห็นทรัมป์เป็นฮีโร่มาให้ผู้อ่านทั่วไปค่ะ  สำหรับท่านที่สนใจรายละเอียดเพิ่มเติมหรือเป็นคอการเมืองอเมริกันอย่างเหนียวแน่นก็สามารถกดลิงค์เข้าไปอ่านได้เลยนะคะ

https://m.facebook.com/story.php?story_fbid=pfbid0wU1TfRHz5Sxi3C19GZ5YAjcLfaLxt8CHdthMJgZhMV1BYaeZ7H2iR29nQguRjaZKl&id=61564539505812   

_ _ _ _

เมื่อการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ รอบนี้เป็นการปะทะกันระหว่างผู้ชายกับผู้หญิง   จึงมีโอกาสสูงที่ gender หรือเพศสถานะ*จะเป็นตัวตัดสินว่าระหว่างโดนัลด์ ทรัมป์กับคามาล่า แฮร์ริส  ใครกันแน่จะได้เข้าสู่เส้นชัย นอกจากนั้นผลที่ออกมายังอาจชี้ด้วยว่า  นิยามของความเป็นชายแท้เวอร์ชั่นไหนจะได้รับความเห็นชอบจากผู้มีสิทธิเลือกตั้งมากกว่ากัน 
_ _ _ _

เพศสถานะอยู่คู่กับการเลือกตั้งปธน.สหรัฐฯ มานานแล้ว ผู้ชายอเมริกันมักจะเอนเอียงไปทางสายอนุรักษ์นิยมมากกว่าผู้หญิง ในทางกลับกัน  ผู้หญิงก็มักจะเทคะแนนให้ผู้สมัครจากพรรคเดโมแครตมากกว่าพรรครีพับลิกัน 
ผู้หญิงอเมริกันไปลงทะเบียนเลือกตั้งและออกไปลงคะแนนเสียงจริงมากกว่าผู้ชายเสมอ  แต่บทบาททางการเมืองของผู้หญิงอเมริกันนอกหน่วยเลือกตั้งก็ยังตามหลังประเทศอุตสาหกรรมอื่นๆ อยู่มาก  ผู้หญิงที่ดำรงตำแหน่งผู้ว่าการรัฐมีแค่ 24% ของผู้ว่าทั้งหมด  และสัดส่วนของผู้หญิงในรัฐสภาชุดปัจจุบันอยู่ที่ 28% ของสมาชิกทั้งหมดเท่านั้น 

อุดมการณ์ที่แตกต่างก็มีผลต่อบทบาททางการเมืองของผู้หญิงในแต่ละพรรคด้วย  ในยุคที่ปธน.มาจากพรรคเดโมแครต  ผู้หญิงมักจะได้ดำรงตำแหน่งสำคัญในรัฐบาลมากกว่าในยุคที่ผู้นำมาจากพรรครีพับลิกัน   

คำวินิจฉัยของศาลสูงสหรัฐฯ ในปี 2022 ซึ่งส่งผลให้ผู้หญิงอเมริกันต้องสูญเสียสิทธิที่จะยุติการตั้งครรภ์โดยปลอดภัยและถูกกฎหมาย  อันเป็นสิทธิที่ได้รับการคุ้มครองโดยรัฐบาลกลางมายาวนานเกือบห้าทศวรรษ   ทำให้การเลือกตั้งรอบนี้เป็นเสมือนการทำประชามติเรื่องสิทธิและเสรีภาพของผู้หญิงมาตั้งแต่ก่อนโจ ไบเดนจะถอนตัวจากการแข่งขันแล้ว  พอคามาล่า แฮร์ริสก้าวเข้ามาสู่สนามแข่ง  การเลือกตั้งปธน.สหรัฐฯ 2024 จึงกลายเป็นการแข่งขันระหว่างเพศอย่างแท้จริง

การสำรวจความคิดส่วนใหญ่เห็นสะท้อนว่าผู้ชายสนับสนุนทรัมป์มากกว่าผู้หญิง และผู้หญิงชอบแฮร์ริสมากกว่าทรัมป์  ในบางรัฐ ส่วนต่างระหว่างจำนวนผู้หญิงกับผู้ชายที่บอกว่าจะไปเลือกแฮร์ริสนั้นมันมากกว่ากันเป็นเท่าตัว   ความแตกต่างที่เห็นได้ชัดเจนและน่าแปลกใจคือความแตกต่างในหมู่ Gen Z

โดยปกติแล้ว คน Gen Z มีแนวโน้มที่จะสนับสนุนอุดมการณ์เสรีนิยมมากกว่าคนวัยอื่นๆ   แต่ Gen Z ในวันนี้อาจไม่เหมือน Gen Z เมื่อ 8 ปีก่อน  ปัจจุบันนี้ผู้ชายวัยต่ำกว่า 30 เกินครึ่งให้การสนับสนุนทรัมป์  และน้อยกว่า 40% ที่นิยมชมชอบอุดมการณ์เสรีนิยม   ขณะที่สัดส่วนของผู้หญิงที่ไปสายเสรีนิยมนั้นเพิ่มขึ้นอย่างล้นหลาม   ทั้งนี้อาจเป็นเพราะประสบการณ์ทางการเมืองและทางสังคมระหว่างผู้หญิงกับผู้ชาย Gen Z นั้นแตกต่างกันมากในทษวรรษที่ผ่านมา  นอกจากนั้น สถิติทางสังคมต่างๆ ยังสะท้อนด้วยว่า  ผู้ชาย Gen Z กำลังเผชิญกับความยากลำบากทั้งในห้องเรียนและในที่ทำงาน  ขณะที่ผู้หญิง Gen Z นั้นก้าวหน้ากว่าสมัยพ่อแม่เยอะ

_ _ _ _

*ผู้อ่านอาจจะคุ้นชินกับการแปล “gender” ว่า “เพศสภาวะ” มากกว่า แต่ผู้เขียนขออนุญาตเรียกว่า “เพศสถานะ” ตามเพจ We Watch นะคะ เพราะรู้สึกว่ามันแสดงบริบททางสังคมและวัฒนธรรมที่แฝงมากับคำนี้ได้ดีกว่า
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 41307

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 11  เมื่อ 15 ต.ค. 24, 09:41

จะรอดถึงเลือกตั้งไหม!เชื่อ'ทรัมป์'ถูกเล็งเป้าลอบสังหารรอบ3 หลังรวบชายติดอาวุธพยายามเข้าเวทีหาเสียง
เวม มิลเลอร์ วัย 49 ปี จากลาสเวกัส ถูกจับกุม ณ จุดตรวจหนึ่ง บริเวณด้านนอกของสถานที่หาเสียงเมื่อวันเสาร์(12ต.ค.) พร้อมกับอาวุธปืนลูกซองที่ผิดกฎหมาย ปืนสั้นบรรจุกระสุนและแมกกาซีนกระสุนปืน จากการเปิดเผยของสำนักงานเจ้าหน้าที่บังคับใช้กฎหมายริเวอร์ไซด์ เคาน์ตีที่ระบุในถ้อยแถลงในวันอาทิตย์(13ต.ค.)

ชาด เบียนโก หัวหน้าเจ้าหน้าที่บังคับใช้กฎหมายริเวอร์ไซด์ เคาน์ตี ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนว่า มิลเลอร์ แสดงบัตรวีไอพีปลอมและบัตรสื่อมวลชนปลอม ณ จุดคัดกรอง "มันมีความแตกต่างกันมากพอที่กระตุ้นให้เจ้าหน้าที่เป็นกังวล บางทีเราอาจเพิ่งหยุดความพยายามลอบสังหารอีกรอบ"

ถ้าข้อสันนิษฐานดังกล่าวเป็นความจริง เหตุการณ์นี้จะเป็นความพยายามลอบสังหารอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เป็นครั้งที่ 3 ภายในเวลาไม่กี่เดือน

เบียนโก ให้จำกัดความ มิลเลอร์ ว่าเป็นสมาชิกขบวนการพลเมืองอธิปไตย กลุ่มหลวมๆ ที่ประกอบด้วยพวกหัวเสรีนิยมหัวรุนแรง ที่เชื่อว่ารัฐบาลไม่สามารถใช้อำนาจทางกฎหมายใดๆกับพวกเขาได้ ทั้งนี้ มิลเลอร์ ลงทะเบียนในฐานะผู้สนับสนุนรีพับลิกัน จบปริญญาจากมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย ในลอสแองเจลิส และเคยลงชิงเก้าอี้สภานิติบัญญัติแห่งรัฐเนวาดา ในปี 2022

อย่างไรก็ตาม เบียนโก เผยว่า มิลเลอร์ ไม่ยืนยันหรือปฏิเสธว่าเขามีเจตนาลอบสังหารทรัมป์หรือไม่

ผู้ต้องสงสัยวัย 49 ปีรายนี้ ได้รับอนุญาตให้ประกันตัวออกไปในวงเงิน 5,000 ดอลลาร์ และจะถูกนำตัวขึ้นศาลในเดือนมกราคม ตามข้อกล่าวหาครอบครัวอาวุธปืนผิดกฎหมาย

ทรัมป์ เคยรอดพ้นจากความพยายามลอบสังหารมาแล้ว 2 รอบในช่วง 3 เดือนหลังสุด อดีตประธานาธิบดีและตัวแทนจากรีพับลิกันรายนี้รอดตายอย่างฉิวเฉียด ณ เวทีหาเสียงในเพนซิลเวเนีย เมื่อเดือนกรกฏาคม ครั้งที่กระสุนที่ถูกยิงออกมาจากระยะห่าง 150 เมตร พุ่งเฉี่ยวใบหูเขาไป

เหตุการณ์นี้ส่งผลให้ผู้รับฟังการหาเสียงเสียชีวิต 1 รายและบาดเจ็บ 2 คน ก่อนคนร้ายจะถูกปลิพชีพโดยพลซุ่มยิง อย่างไรก็ตาม มันก่อคำถามต่างๆนานาเกี่ยวกับแนวทางอารักขาของหน่วยงานลับ

ความพยายามลอบสังหารรอบที่ 2 เกิดขึ้นที่สนามกอล์ฟของทรัมป์เอง ในเวสต์ปาล์มบีช รัฐฟลอริดา ในเดือนกันยายน มือปืนเล็งเป้าเล่นงานทรัมป์ จากพุ่มไม้ที่อยู่ด้านหลัง แต่ถูกเจ้าหน้าที่หน่วยงานลับสังเกตเห็นเสียก่อนและจับกุมคนร้ายได้สำเร็จ หลังหลบหนีไปจากที่เกิดเหตุ

บรรดาหน่วยข่าวกรองสหรัฐฯ อ้างว่าอิหร่านกำลังหาทางลอบสังหาร ทรัมป์ และประธานาธิบดีโจ ไบเดน ส่งเสียงเตือนไปยังเตหะราน ว่าเขาจะปฏิบัติกับเหตุโจมตีเล่นงานอดีตคู่แข่งทางการเมืองของเขารายนี้ ว่าเสมือนเป็นการทำสงคราม

แมตต์ กาสซ์ สมาชิกสภาคองเกรสจากรีพับลิกัน อ้างเมื่อเดือนที่แล้ว ว่าปัจจุบันมีทีมลอบสังหาร 5 ทีมในสหรัฐฯ ที่กำลังพยายามปลิดชีพทรัมป์ ในนั้น 3 ทีมเกี่ยวข้องกับอิหร่าน ปากีสถานและยูเครน ขณะเดียวกันก็มีอีกหนึ่งทฤษฎีที่ถูกพุดถึงกันอย่างกว้างขวางในหมู่ชาวรีพับลิกัน ก็คือมีหนอนบ่อนไส้ภายในหน่วยราชการลับ ที่ปล่อยข้อมูลรั่วไหลไปถึงมือทีมสังหารเหล่านี้

(ที่มา:อาร์ทีนิวส์/อาร์ทีนิวส์)
https://mgronline.com/around/detail/9670000099249
บันทึกการเข้า
หน้า: [1]
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2006, Simple Machines
Simple Audio Video Embedder

XHTML | CSS | Aero79 design by Bloc หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.065 วินาที กับ 20 คำสั่ง