สิ่งต่าง ๆ ที่อุม เซติได้เสนอเอาไว้จะเป็นความจริงหรือไม่ หรือแท้ที่จริงแล้วเธอจะเพียงแค่ "เพี้ยน" ไปเท่านั้น ตรงนี้นักวิทยาศาสตร์และนักอียิปต์วิทยาแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้เอาไว้อย่างไร อุม เซติหรือโดโรธี เอดีจะเป็นนักบวชหญิงเบนท์เรชีตที่กลับชาติมาเกิดใหม่จริงหรือไม ลองมาฟังแนวคิดในเชิงวิชาการกันดูบ้าง
แน่นอนว่า การวิเคราะห์ในเชิงวิทยาศาสตร์ก็จะโฟกัสไปที่ว่าอุม เซติเคยตกบันไดจนถึงขั้นหมดสติมาแล้ว นั่นแปลว่าถ้าสมองของเธอได้รับการกระทบกระเทือนจริงก็อาจจะส่งผลให้เกิดอาการแปลก ๆ เช่นนี้ได้เหมือนกัน นอกจากนั้นแล้ว เรื่องราวต่าง ๆ ที่เราได้รับรู้เกี่ยวกับ อุม เซตินั้นมาจาก "ตัวเธอเอง" ทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องที่เธอเล่าว่าเธอตกบันไดจนถูกวินิจฉัยว่าเสียชีวิตไปแล้ว ซึ่งในบันทึกก็ไม่มีบอกว่าแพทย์คนใดวินิจฉัยเช่นนั้น ไม่สามารถไปสืบเสาะหาเพื่อพิสูจน์ความจริงได้ นอกจากนั้นที่เธอบอกว่าเธอวิ่งไล่จูบเท้ารูปปั้นอยู่ในพิพิธภัณฑ์อังกฤษนั้นก็เป็นเรื่องที่เธอเล่าให้เราฟังอีกเช่นกัน โดยไม่ได้บอกด้วยว่าเป็นเรื่องที่เธอจำได้เองหรือเป็นเรื่องที่พ่อกับแม่เล่าให้เธอฟังทำให้เราไม่สามารถมั่นใจได้ว่าเรื่องเล่าเหล่านั้นจะถูกต้องตามจริง เพราะแน่นอนว่าความทรงจำของเด็กอายุเพียงแค่ ๔ ขวบเมื่อนำมาเล่าใหม่ด้วยตัวเองในอีกหลายปีให้หลังย่อมต้องมีความผิดเพี้ยนไปบ้างเป็นธรรมดา ซึ่งก็ไม่สามารถไปสืบเสาะหาความจริงจากเรื่องราวเหล่านี้ได้อีกเช่นกัน
ถ้ามองในทางอียิปต์วิทยาบ้าง ก็น่าสนใจไม่แพ้กัน อุม เซติบอกว่าเธอ "กลับชาติมาเกิด" ซึ่งในชาติก่อนนั้นเธอเป็นนักบวชหญิงในวิหารของฟาโรห์เซติที่ ๑ ซึ่งถ้าเราวิเคราะห์จากมโนคติความเชื่อของชาวอียิปต์โบราณแล้วนั้น พวกเขาไม่เคยคิดที่จะมา "เกิดใหม่" ในโลกนี้อีกเลย อีกทั้งยังไม่มีความเชื่อเรื่องการกลับชาติมาเกิดด้วย ถึงแม้ว่าการทำมัมมี่นั้นจะเป็นการรักษาร่างกายเอาไว้เพื่อให้วิญญาณได้กลับมาอาศัยก็จริง แต่นั่นก็ไม่ได้แปลว่าจะเป็นการกลับมาเกิดใหม่ในปัจจุบัน เพราะโลกหน้าของพวกเขาคือ "ทุ่งต้นกก" ซึ่งเป็นดินแดนที่มีแต่ความสุขในโลกหน้า อีกทั้งถ้าว่ากันตามประวัติศาสตร์อียิปต์โบราณแล้วนั้น ยังไม่มีนักอียิปต์วิทยาคนใดค้นพบพระนามของนักบวชหญิงที่ชื่อ "เบนท์เรชีต" เลย เพราะนักอียิปต์วิทยาทราบดีว่าฟาโรห์เซติที่ ๑ มีมเหสีเพียงแค่องค์เดียว (ผิดวิสัยฟาโรห์อียิปต์โบราณทั่วไปอยู่กันเหมือนกัน) นั่นก็คือสตรีที่มีชื่อว่า "มูต-ทูยา" ไม่มีหลักฐานถึงมเหสีองค์อื่น ๆ และไม่มีหลักฐานถึงเบนท์เรชีตเช่นกัน ยิ่งไปกว่านั้น จากการขุดค้นทางโบราณคดีของนักอียิปต์วิทยาที่วิหารแห่งฟาโรห์เซติที่ ๑ ที่อไบดอสมาจนถึงปัจจุบันก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะค้นพบห้องสมุดโบราณใต้ดินจริงอย่างที่อุม เซติเคยกล่าวไว้แต่อย่างใด นอกจากนั้นเธอยังเข้าออกวิหารแห่งนี้เป็นว่าเล่น เรียกได้ว่าบ่อยกว่านักอียิปต์วิทยาที่ขุดค้นอยู่ที่นั่นเสียอีก นั่นจึงไม่แปลกที่เธอจะสามารถระบุตำแหน่งของ "สวนประดับ" ได้อย่างแม่นยำ เพราะบางทีเธออาจจะไปแอบสำรวจมาก่อนแล้วด้วยก็เป็นได้ แต่ถึงอย่างนั้น นักอียิปต์วิทยาที่ร่วมทำงานกับเธอไม่มีใครจับได้ถึงความเสแสร้งแกล้งทำของเธอเลย ประหนึ่งว่าสิ่งที่อุม เซติแสดงออกมานั้นมันคือตัวตนที่แท้จริงของเธอก็ไม่ปาน
แต่น่าเสียดายที่สุดท้ายแล้วเราคงก็ทำได้เพียงแค่ตั้งสมมติฐานต่าง ๆ นานาเอาไว้เท่านั้นเอง เนื่องด้วยลมหายใจสุดท้ายของอุม เซติในวันที่ ๒๑ เมษายน ค.ศ. ๑๙๘๑ได้ปิดตายประตูสู่ความจริงของประเด็นนี้เอาไว้อย่างไม่มีวันกลับ สิ่งหนึ่งที่เราพอจะคาดเดาได้ก็คือ ถ้าอุม เซติเคยเป็นนักบวชหญิงเบนท์เรชีตแห่งไอยคุปต์จริง ๆ แล้วล่ะก็ ณ เวลานี้เธอคงกำลังมีความสุขอยู่กับฟาโรห์เซติที่ ๑ ในดินแดนแห่งทุ่งต้นกกเป็นแน่แท้
จาก
อุม เซติ : สตรีระลึกชาติแห่งไอยคุปต์ โดย สืบ สิบสาม ต่วยตูนพิเศษ ปีที่ ๔๓ ฉบับที่ ๔๘๓ เดือนพฤษภาคม ๒๕๕๘