
สืบเนื่องจาก album ชื่อ Trio ผมเสนอผลงานของสาว country ไปแล้ว 2 คน คือ Dolly Parton กับ Linda Ronstadt ในวาระดิถึนี้ก็จะกล่าวถึงศิลปินคนที่ 3
Emmylou Harris เป็นอีกหนึ่งราชินีเพลง country ในยุคหลังของ 70s ต่อต้น 80s ผมสงสัยว่ามีนักฟังเพลงฯ บ้านเราสักกี่คนที่รู้จัก อย่าว่าแต่เพลงของเธอเลย เอาแค่ชื่อของเธอก็พอ ตัวผมได้ยินชื่อเธอครั้งแรกจากเพลงหนึ่งใน album ชื่อ Prisoner in disguise ของ Linda Ronstadt เธอมาช่วย LR ร้องในเพลงนี้
ส่วนเพลงนี้ เป็นเพลงเปิดรายการหนึ่งของคลื่น Nite Spot ที่ดำเนินรายการโดยคุณวาสนา วีรชาติพลี ได้ฟังทุกวันจนเพราะ ผมไม่เคยได้ยินเพลงนี้จากคลื่นอื่นเลย ใครเป็นแฟนรายการ Together again ของคุณวาสนาฯ ต้องจำได้

ในยุคนั้น สื่อทางการบันเทิงจะเน้นไปที่ดารานักร้อง ผมว่ามีน้อยคนที่จะรู้ว่าคุณวาสนามีหน้าตาอย่างไร ผมคนหนึ่งแหละที่ไม่เคยเห็น จำได้ว่าเสียงหวาน (แต่เด็ดขาด) เพิ่งมาเห็นหน้าเธอชัด ๆ ในยุค อตน. เช่นเดียวกับพี่หมึก หรือ วิโรจน์ ควันธรรม ที่ตอนนั้นข่าวเข้ามาตลอดว่าหล่อสุดขีด แล้วก็ ม.ล. รุจยาภา อาภากร ที่มีข่าวว่าตัวเล็กนิดเดียว ฯลฯ
รายการ Together again นี้เก๋มากคือเพลงเปิดรายการเป็นเพลง country จากอเมริกาแต่เพลงที่เปิดมักเป็นเพลงจากฝั่งอังกฤษ
คุณวาสนาฯ เป็นดีเจที่ผมจำได้ไม่ลืมคือ ‘โคตร’ ดุ ใครที่โทรศัพท์เข้าไปหาเธอเพื่อขอเพลง ถ้าสำเนียงภาษาอังกฤษไม่ดี เธอจะสอนการอ่านออกเสียงที่ถูกต้องออกอากาศให้ด้วย และถ้าใครขอเพลง ‘โหล’ เธอจะบอกออกอากาศ (เช่นกัน) อย่างสุภาพว่า ‘ไปขอที่คลื่นอื่นนะคะ’ ผมไม่รู้ความคิดคนอื่นแต่สำหรับผมแล้ว เธอตรงดี และให้ข้อมูลได้ถึงกึ๋น ดุแบบนี้ แต่แฟนรายการเธอเหนียวแน่นมาก
กลับมาที่ Emmylou Harris เธอเป็นศิลปินสาขา country ขนานแท้คือ ในขณะที่มี single ฮิตในอันดับเพลง country เป็นกะตั๊ก แต่ไม่มีเพลงไหน ‘ข้ามฟาก’ มาดังในอันดับเพลง pop เลย
ท่ามกลางเพลงที่เข้ามาไต่ในอันดับเพลง pop นี้ เพลงของเธอที่ออกอากาศทางวิทยุในบ้านเรา เป็นครั้งแรก มาพร้อม ๆ กัน 2 เพลง เพลงแรกเป็นเพลงร้องเดี่ยวชื่อ Mr. Sandman เพลงฮิตในยุค 50s ของวง The Chordettes (ลงเพลงของพวกเธอไปแล้ว 1 กระบิ)
(เธอร้องในสไตล์เดียวกับฉบับของ The Chordettes ไม่ผิดเพี้ยน)
เพลงที่ 2 เป็นเพลงร้องคู่ คู่ของเธอคือ Roy Orbison เพลงมาจากหนังชื่อ Roadie (1980) หนังไม่มาฉายในบ้านเรา แต่ soundtrack มา เป็นแผ่นคู่ ผมหยิบแล้วหยิบอีก ถ้าเป็นแผ่นเดี่ยวคงซื้อไปแล้ว
(เป็นอีกหนึ่งในเพลงเพราะที่สุดสำหรับผมในตอนนั้น และนี่คือสาเหตุที่ทำไมผมหยิบแผ่นเสียงชุดนั้นแบบ ‘หยิบแล้วหยิบอีก’ คือ ต้องจ่ายตังค์ตั้งร่วม 4 ร้อยบาท (ในขณะที่ผู้ปกครองจ่ายเงินเดือนเดือนละ 800 บาท) เพื่อเพลงเพลงเดียว เข้าแผนกแผ่นเสียง (ห้างเซ็นทรัลสีลม) ทีไรก็หยิบแผ่นนี้ขึ้นมาดู พลิกไปพลิกมา แล้วก็วางกลับคืน แล้ววันหนึ่งเมื่อผมไปถึงก็พบว่ามันหายไปจากช่องเก็บ ใครซื้อวะ อยากเห็นหน้า ตอนนั้นผมคิดว่าชาตินี้คงไม่มีทางได้ฟังเพลงนี้แบบอิ่ม ๆ เสียแล้ว)

มีต่อ...