เรือนไทย
ยินดีต้อนรับ ท่านผู้มาเยือน
กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
ส่งอีเมล์ยืนยันการใช้งาน?
ข่าว: การแนบไฟล์ กรุณาใช้ชื่อไฟล์ภาษาอังกฤษเท่านั้นครับ
หน้า: 1 ... 36 37 [38]
  พิมพ์  
อ่าน: 109473 Yesterday Once More...
nathanielnong
อสุรผัด
*
ตอบ: 2274


ความคิดเห็นที่ 555  เมื่อ 07 ต.ค. 25, 18:21

เหลือเพลงของวง Dave Clark Five อีกเพลง  เอาไว้ต่อยอด




ผมว่าฝ่ายหญิงคือ Marianne Faithful นะ  เธอก็เป็นอีกหนึ่งหัวหอกของ British Invasion  หน้าตาเธอน่ารัก  ไม่น่าเชื่อว่าจะมีชีวิตที่อื้อฉาวไม่น้อย  ติดยา  ไร้บ้าน  มั่วผู้ชาย ฯลฯ  เพลงนี้ไม่มีนักฟังเพลงฝรั่งร่วมยุคคนไหนไม่เคยได้ยิน



แถม...



เพลง As Tears Go By เป็นผลงานการแต่งเนื้อของ Mick Jagger กับคู่หู Keith Richards  เนื้อเพลงถูกส่งต่อให้ MF เอาไปร้องแล้วกลายเป็น signature song ของเธอ  ผมเคยอ่านมาจากที่ไหนสักแห่งว่าในช่วงเวลานั้น MF กับ MJ กำลังคั่วกันอยู่

MF ร้องเพลงนี้ออกตลาดในปี 1964  ปีต่อมา MJ ซึ่งเป็นหัวหน้าวง The Rolling Stones ก็เอามาร้องเป็น single ซึ่งดังกว่าฉบับของ MF  แต่ในบ้านเราผมว่าดังไม่เท่านะ

(เพลงแห่งความสุขตอนเด็ก ๆ)


วง The Rolling Stones  นี่นับได้ว่าเป็นคู่แข่งตัวเอ้ของวง The Beatles  บอกตามตรงว่าผมไม่เคยชอบเพลงของวงนี้เลย  ผมว่าดนตรีของพวกเขาห่าม  เสียงร้องก็กระโชกโฮกฮาก  จำได้ว่าวิทยุชอบผลงานของวงนี้มาก  เพลงของพวกเขาผ่านเข้าหูอยู่หลายเพลง  แต่เข้ามาแล้วผ่านออกไปอย่างรวดเร็ว  แต่ก็ยังจำได้  เพราะมันดัง ๆ ทั้งนั้น  

(พอแก่แล้ว  ยอมรับว่าเพลงนี้สะใจดีจัง)













นักฟังเพลงฝรั่งทุกคนรู้ดีว่าชื่อเสียงของวงนี้ยืนยาวมาจนถึงปัจจุบัน  ความที่ผมไม่เคยชอบก็เลยไม่เคยติดตามงานของพวกเขาอย่างจริงจัง  อย่างไรก็ตามในยุค 70s  เพลงนี้ดังมาก ๆ



พอแค่นี้ละกัน  ไม่ชอบก็คือไม่ชอบ  ไม่ฝืน  


มีต่อ...
บันทึกการเข้า
nathanielnong
อสุรผัด
*
ตอบ: 2274


ความคิดเห็นที่ 556  เมื่อ 08 ต.ค. 25, 18:20

วง Badfinger ก็เป็นอีกหนึ่งหัวหอกของ British Invasion
  
สำหรับนักฟังเพลงฝรั่งเช่นผมและแก่กว่า (เพราะผมแก่แดด)  ถ้าใครไม่เคยได้ยินเพลง Carry on till tomorrow (1969) ของคณะ Badfinger ละก็ยังไม่ได้ชื่อว่ามีประสบการณ์การฟังเพลงฝรั่งอย่างแท้จริง

เพลงนี้ดังจนจุกในเมืองไทย  ทุกสถานีวิทยุภาคเพลงฝรั่ง (ยุคนั้นมีแต่ภาค AM) ล้วนเปิดเพลงนี้กันทุกวี่ทุกวัน  ตอนนั้นอายุผมยังไม่ถึง 10 ขวบยังรู้จักเพลงนี้เลย (หมายถึงจำทำนองได้)

ต่อมาเมื่อหนังสือ Starpics ถือกำเนิด  ก็มีคนเอาเบื้องหลังเพลงนี้มาเล่า  ผมถึงรู้ว่าเป็นเพลงประกอบ (ที่ไม่ใช่ single) ของหนังเรื่อง The Magic Christian เล่าเรื่องเศรษฐีเงินล้านชาวอังกฤษ (Peter Sellers) ไปอุปการะเด็กหนุ่มข้างถนน (Ringo Starr)  จากนั้นทั้งคู่ก็ช่วยกันพิสูจน์ให้โลกเห็นว่า  เงินสามารถซื้อได้ทุกอย่าง

ใน SP มีแต่ภาพนิ่งขาวดำให้เห็นบางฉากของหนังซึ่งก็ไม่ชัดเพราะอัดสำเนามา  ผมไม่รู้ว่าหนังเป็นอย่างไร  แล้วหนังก็ไม่ได้มาเมืองไทย  ผมก็ได้แต่อยากดู  อยากเห็นว่าเพลงประกอบเพลงนี้อยู่ที่ฉากไหน

พอถึงยุคจรวด  ข้อมูลเกี่ยวกับหนังเรื่องนี้มีโผล่ขึ้นมาให้เสพย์มากขึ้น  ก็ได้ความรู้ว่าเป็นหนัง ‘งั้น ๆ’  นักวิจารณ์ด่าด้วยซ้ำ  ผมก็เลยเลิกอยากดูทั้ง ๆ ที่ตอนนั้นเริ่มหาวิดีโอได้แล้ว (แบบว่าเปลืองเงินเช่า)  แล้วเปลี่ยนเป็นแค่อยากเห็นอยากฟังเพลงนี้ในหนังเท่านั้น  ซึ่งก็หาเจอใน youtube ในเวลาต่อมา



ในยุคที่วงนี้กำลังดัง  วิทยุต่อยอดด้วยเพลงเหล่านี้  ล้วนดังและเป็นอมตะในบ้านเราทั้งนั้น










สำหรับเพลงนี้ไม่ได้เป็น single  ดังนั้นในบ้านเรา  วิทยุจึงไม่เปิด  ผมก็เลยไม่เคยได้ยิน มาได้ยินในตอนหลัง  เมื่อฉบับของ  Nilsson ออกอาละวาดในต้น 70s  ตอนได้ยินนึกว่าเป็นต้นฉบับ  นึกแบบนั้นมาอีกนานจนกระทั่งมาถึงยุควิทยุคลื่น soft 105 ที่ดำเนินรายการโดยกลุ่มฝรั่ง ที่ผมคิดเอาเองว่าน่าจะมาจากฝั่งอังกฤษ  เพราะเพลงที่รายการนำเสนอส่วนใหญ่ดังที่อังกฤษ

ผมได้ยินดีเจคนหนึ่งบอกว่า เพลง Without You เป็นเพลงเก่าในยุค 60s  ต้นฉบับนี้แต่งและร้องโดยวง Badfinger  เพราะทั้งคู่นะผมว่า



ตอนผมอ่านบทความเรื่อง Rock Ballad  ผู้รู้จะอ้างถึงเพลง Without You ฉบับของ Badfinger ว่าเป็นหัวหอก (อย่างเป็นทางการ) ของเพลงแนวที่ว่า

อุทิศความดีให้กับ อตน...  ผมเพิ่งได้อ่านรายละเอียดของวงนี้จาก website เจ้าหนึ่ง  เล่าถึงชะตากรรมของวงแบบสรุปว่า  เล่นดีเพลงดี (เห็นด้วย  เพลง (single) เพราะ ๆ ทั้งนั้นเลย) แต่โอกาสไม่ดี  จะเรียกว่าซวยก็ได้  เมื่อวงได้เซ็นสัญญากับ บ. Apple Rec. ซึ่งมี The Beatles เป็นเจ้าของ  สัญญาที่เซ็นไว้มีอายุ 6 ปี (1968 – 1973)

เมื่อวง The Beatles แตกในปี 1970  บ. AR ก็แตกออกเป็นลักษณะแผ่นพาย  ระหว่างนี้มีส่วนที่เกี่ยวกับกฎหมายเข้ามาเกี่ยวข้องทำให้ วง Badfinger มีปัญหาในการผลิตผลงาน  แล้วยังเกิดการขัดแย้งกันเองในกลุ่มสมาชิก  ผลกระทบจากการนี้คือสถานภาพทางการเงินเริ่มสั่นคลอน  

ในปี 1975 Pete Ham พบว่าผู้จัดการส่วนตัวของวงชื่อ Stan Polley ขี้โกง  ทำให้สถานการเงินของวงย่อยยับ  ความเครียดนี้ทำให้เธอตัดสินใจฆ่าตัวตาย 

On the night of 23 April 1975, Ham received a phone call from the United States, telling him that all his money had disappeared. Later that night, he met Tom Evans and they went to The White Hart Pub in Surrey together, where Ham drank ten whiskies. Evans drove him home at three o'clock on the morning of 24 April 1975.

Ham hanged himself in his garage studio in Woking later that morning, just three days shy of his 28th birthday. His suicide note — addressed to his girlfriend, Anne Herriot; and her son, Blair — blamed Polley for much of his despair and inability to cope with his disappointments in life. The note read:

    "Anne, I love you. Blair, I love you. I will not be allowed to love and trust everybody. This is better. Pete. P.S. Stan Polley is a soulless bastard. I will take him with me".

Ham had shown growing signs of mental illness over the preceding months, with Gibbins remembering Ham burning his hands and arms with cigarettes.


ส่วนสมาชิกอีกคนคือ Tom Evans  ฆ่าตัวตายเนื่องจากการขัดแย้งในเรื่องลิขสิทธิ์ของเพลง Without You ที่ PH และ TE ช่วยกันแต่ง

Evans hanged himself in his garden on 19 November 1983, at the age of 36. He had fallen into a dispute with former bandmate Joey Molland over royalties for the song "Without You" the previous evening.


สมาชิกอีก 2 คนที่เหลือตายด้วยโรครุมเร้า  สรุปแล้ว วง Badfinger  จบสิ้นไปจากโลกดนตรี  ฝากไว้แต่เพลงที่เพราะสุดขีด




หมายเหตุ Wikiฯ บอกว่าวง Badfinger นี่แต่แรกเริ่มใช้ชื่อว่า The Iveys  



มีต่อ...
บันทึกการเข้า
nathanielnong
อสุรผัด
*
ตอบ: 2274


ความคิดเห็นที่ 557  เมื่อ 09 ต.ค. 25, 18:04

วันนี้พิเศษ  เป็นการไว้อาลัย...

เมื่อวานส่งเรื่องวง Badfinger แล้วเกิดอาการควันหลง  เลยหาบทความอ่าน  พบว่าทุกคนเขียนต่างสรรเสริญความสามารถของแกนนำของวงคือ Pete Ham กับ Tom Evans ทุกบทความมีบรรยากาศเศร้า/เสียดายกับความโชคร้ายที่มีผลกระทบต่อวง Badfinger  โดยเจาะจงที่ชะตากรรมของทั้ง 2  ที่รุนแรงอย่างคาดไม่ถึง 

ชื่อ Stan Polley ที่เอ่ยถึงในโน้ตฆ่าตัวตาย (suicide note) ของ Pete Ham มีชื่อจริงว่า Stanley Polley (1922 – 2009) คือนักต้มตุ๋นตัวยงชั้นเนียนที่มีชื่อเสียง (แต่ตอนนั้นคงหาคนระแคะระคายได้ยากเพราะ อตน. ยังไม่เกิด) ในยุคกลาง 60s ถึง 70s  ผู้ที่ได้รับผลกระทบอย่างสาหัสกว่าเหยื่อรายอื่นก็คือวง Badfinger

In 1972, Polley negotiated a record contract with Warner Bros. Records for Badfinger (สังกัดเดิมคือ Apple Rec. ล่มสลายจากการยุบวง The Beates ซึ่งเป็นเจ้าของ), which had its advances paid into an escrow account belonging to Polley. In 1974, Warner's publishing division filed a lawsuit against Polley when it was unsuccessful in locating the funds. The legal morass crippled Badfinger financially; leading to band leader Pete Ham taking his own life on April 24, 1975. His suicide note directly blamed Polley for his financial ruin.  Eight years later bandmate Tom Evans died by suicide on November 19, 1983.






ไปค้น CD ของวงมาฟังอย่างตั้งใจ  นี่เป็น album tracks ที่น่าฟัง







(แนว rock ballad อีกหนึ่งเพลง)





มีต่อ...
บันทึกการเข้า
nathanielnong
อสุรผัด
*
ตอบ: 2274


ความคิดเห็นที่ 558  เมื่อ 10 ต.ค. 25, 17:43

สำเนา Suicide Note ของ Pete Ham




Tom Evans showed his talents on canvas as well as vinyl. Here, we see one of Tom’s skilled and perceptive paintings. It seems to reflect the storyline of "Carry On Till Tomorrow"' - telling us of a lonesome figure reflecting on his life, yet determined to “carry on” through a “stormy day” motivated by optimism and the peacefulness of the “rising” and “setting” suns.




บันทึกการเข้า
nathanielnong
อสุรผัด
*
ตอบ: 2274


ความคิดเห็นที่ 559  เมื่อ 10 ต.ค. 25, 18:01

British Invasion รายต่อมาที่จะเขียนถึงคือ วง Herman’s Hermits

ทั้งตัววงและผลงานดังในบ้านเราสุดกู่  พอผมเริ่มรู้จัก ‘เพลงฝรั่ง’ ก็ได้รู้จักชื่อ Peter Noone นักร้องนำของวงนี้ไปด้วย  เธอเป็นขวัญใจวัยรุ่นของหนุ่มสาวบ้านเรา ทุกหนังสือเพลงฝรั่ง (I.S. Song Hits, Current Song Hits และ Savvy Song Hits) กับ หนังสือ Starpics ลงภาพของเธอเป็นประจำ  

หลังจากผีเพลงเข้าสิง 2 เพลงนี้ได้ยินแทบทุกวัน





นั่นเป็นเพลงในยุคปลายของวง  มันไม่ดังบน billboard  แต่ดังสนั่นในบ้านเรา

ในยุครุ่งเรือง  ผลงานดัง ๆ ทั้งหมดของวงนี้ทะยอยกันเข้ามารอออกอากาศในบ้านเรา  ความที่ตอนนั้น ประเทศไทย ‘หมุนรอบตัวเอง’ ช้ามาก  ขณะที่ 2 เพลงข้างบนกำลังอบอวลอยู่ในบรรยากาศของกรุงเทพฯ  วิทยุก็ยังคงเปิดเพลงดังในยุคแรก ๆ ของพวกเขาผสมกันโดยเฉพาะ 3 เพลงนี้  







ส่วนเพลงดังอื่น ๆ ของพวกเขา  ผมจำไม่ได้ว่าเคยได้ยินทางวิทยุหรือเปล่า  จำได้แต่ชื่อ  พอได้ซื้อแผ่นเสียงรวมเพลงดังของพวกเขา (จากเมืองนอกน่ะ  เมืองไทยขาดตลาดไปนานแล้ว) มาฟัง  ก็พบว่ามีบางเพลงคุ้นหูแสดงว่าเคยได้ยินมาก่อน  โดยเฉพาะ  2 เพลงอันดับ 1 นี้



จากความรู้มาตั้งแต่เด็ก ๆ ผมเข้าใจมาตลอดว่าเพลงนี้กล่าวถึงกษัตริย์ Henry ที่ 8 ของอังกฤษ (ตามการเขียนชื่อเพลง)  แต่ก็สงสัยมาตลอดเหมือนกันว่าเรื่องราวในเนื้อเพลงแหม่ง ๆ  เช่น Henry แต่งงานกับผู้หญิงที่เคยแต่งงานมา 7 ครั้งแล้ว  ใครวะ  ไม่ตรงตามประวัติศาสตร์  มีเพียง Catherine of Aragon กับ Catherine Parr ที่เคยแต่งงานมาก่อนแต่ไม่มีใครถึง 7 ครั้ง เลยนึกว่าเอามาล้อเลียน  มารู้แจ่มแจ้งในยุค อตน. ว่า ชื่อ Henry นั้นความจริงคือ Henery (อ่านออกเสียงอย่างไรฟังที่เพลง) เธอแต่งงานกับแม่หม้าย (ข้างบ้าน) ซึ่งเคยแต่งงานมาแล้ว 7 ครั้ง  อดีตผัวทั้ง 7 ต่างก็มีชื่อเหมือนกันว่า Henery

I'm 'Enery the Eighth, I am,
'Enery the Eighth I am, I am!
I got married to the widow next door,
She's been married seven times before
And every one was an 'Enery
She wouldn't have a Willie nor a Sam
I'm her eighth old man named 'Enery
'Enery the Eighth, I am!
(เนื้อต้นฉบับ)

วงนี้ยังมีเพลงดัง ๆ อีกเป็นกระบุง











ผมชอบเพลงของวงนี้  ฟังง่ายดีนะ

พรุ่งนี้เป็นควันหลงอีกนิ้ด  
บันทึกการเข้า
nathanielnong
อสุรผัด
*
ตอบ: 2274


ความคิดเห็นที่ 560  เมื่อ 11 ต.ค. 25, 18:13

ความจริงอยากให้จบตั้งแต่เมื่อวาน  แต่มันจะยาวไป

เพลง Mrs. Brown, you’ve got a lovely daughter นี่มีทำนองน่ารักมาก  ฟังปั๊บก็นึกออกเลยว่าเคยได้ยินทางวิทยุมาก่อนแล้ว  ที่เมืองนอกเพลงนี้เป็น 1 ใน signature song ของวงเลย 



ความดังของเพลงทำให้มีการทำหนังออกมาฉาย  ที่จริงช่วงนั้นศิลปินวัยรุ่นคนไหนดังก็จะมีการสร้างหนังให้พวกเขาเล่นออกมาฉายล่อเงินเป็นประจำ  ที่มาบ้านเราแน่ ๆ ก็หนังของ The Beatles, Cliff Richard, Elvis Presley แล้วก็เรื่องนี้ (เป็น 1 ใน 2 เรื่อง อีกเรื่องจำไม่ได้ว่ามารึเปล่า) ของคณะ Herman’s Hermits  อย่างไรก็ตามผมไม่เคยดูเรื่องไหนซักเรื่อง  พวกพี่ ๆ เคยดูบ้าง  เคยถามก็ไม่เห็นเล่าอะไรนอกจากว่า  รอบปฐมทัศน์  จะมีคณะนักร้องของไทยมาแสดงดนตรีบนเวทีหน้าจอ  ทุกโรงหนังสมัยก่อนจะมีเวทีกว้างหน้าจอเพื่อกิจกรรมนี้  รอบปฐมทัศน์จะเป็นรอบเช้าของวันเสาร์  เพื่อให้กิจกรรมดำเนินจนจบสิ้นก่อนรอบฉายปกติของวันหยุดสุดสัปดาห์คือ 10 โมงเช้า


(แฟ้มภาพงานปฐมทัศน์เรื่องแอ๊กเนสชาน ยอดรัก)


สำหรับหนังเรื่องนี้ผมจำได้จากการดูตัวอย่างทางทีวี   มาได้ดูอย่างจริงจัง  จาก website สำหรับให้โหลดหนัง  เมื่อหลายปีก่อน  เนื้อเรื่องก็บางเบาแบบหนังวัยรุ่นร้องเพลงทั่วไปที่เน้นความหล่อของศิลปินเป็นแก่นสาร 

Peter Noone เล่นเป็นหนุ่มอังกฤษจากเมือง Manchester ชื่อ Herman ที่ได้รับมรดกเป็นหมาแข่งพันธุ์ greyhound  ชื่อ Mrs. Brown  เขากับเพื่อน ๆ (สมาชิกวงในชีวิตจริง) ก็คิดจะเอามาลองลงแข่ง  แต่ก่อนจะเข้าแข่งได้ก็ต้องจ่ายเงินค่าสมัครซึ่งเหล่าหนุ่ม ๆ มีไม่พอ  ก็เลยต้องตั้งวงดนตรีเพื่อเล่นหาเงิน (แหงน่อ)  พอได้เงินมาพอแก่ความต้องการก็ดำเนินเรื่องต่อ  พอเข้าแข่งก็ปรากฏว่าชนะได้ถ้วย  แล้วก็น่าจะได้เงินด้วยแต่คิดว่าคงเล็กน้อย (หนังไม่ได้บอก เดาเอา)

หลังงานก็มีแมวมองมาทาบทามให้นำหมาไปเข้าแข่งในรายการใหญ่กว่านี้ที่ London  หนุ่มทั้งคณะก็ทำตาม  แต่ความที่ยังถังแตกก็เลยไปพักที่บ้านแมวมองระหว่างนั้นก็ทำงานหาเงินไปด้วย  แมวมองชื่อ Mr. Brown กับเมีย Mrs. Brown มีลูกสาวสวยเป็นนางแบบ  เธอกับ H ก็ปิ๊งกัน  แต่ปิ๊ง (น่าจะแค่ปิ๊ง  ยังไม่ได้คั่ว  สมัย 60s  สังคมยังเรียบร้อยไม่เหมือนเดี๋ยวนี้  ที่คำว่า ปิ๊ง สูญพันธุ์ไปแล้ว  เหลือแต่ คั่ว) ได้ไม่นานเพราะสาวต้องไปทำงานที่ Italy  ระหว่างที่ส่งสาวออกเดินทาง  H เฟอะฟะทำ Mrs. Brown (หมายถึงหมา ไม่ใช่แม่แฟน) หาย 

ก็มีการตามหาแต่ไม่เจอ  ผลก็เลยอดเข้าแข่ง  หนุ่ม ๆ คอตกกอดคอกันกลับบ้าน  แต่ไม่นานก็ได้หมาคืน (เพราะอะไร ขี้เกียจ 'จิ้ม' อธิบาย)  ปรากฏว่ากลับมาคราวนี้ Mrs. Brown (ย้ำ... หมา ไม่ใช่แม่แฟน) ทำงามหน้าไปท้องกลับมา  แล้วก็ออกลูกมา 1 ตัว (น่าร้ากกกก)

หนังจบที่ H ต้องฟื้นฟู Mrs. Brown ให้กลับมาแข็งแรงเพื่อจะได้เอาเข้าแข่งในอนาคต  ส่วนแฟนสาวก็ไป ๆ มา ๆ

หนังยาวเกือบ 2 ชม.  แต่ผมใช้เวลาดูประมาณครึ่ง ชม. เศษ ๆ   ปกติ ณ ปัจจุบัน  หนังแนวนี้ผมไม่รบกวนกล้ามเนื้อนิ้วเพื่อ 'คลิก' แล้ว 'โหลด' มันมานั่งถ่างตาดูหรอก  แต่มันเป็น nostalgia ก็เลยดูเพื่อตอบสนองความโหยหา  ดูแล้วก็อดรำพึงในใจไม่ได้ว่า PN ไม่เห็นหล่อสมกับได้ชื่อว่าเป็นขวัญใจสาว ๆ ทั่วโลกเลย  หน้าตาจืด ๆ แถมหุ่นก็ไม่ดี  ปู่ Cliff Richard ร่วมยุค (แต่ไม่ได้อยู่ในขบวนการ British Invasion  เพราะเพลงของเธอเข้ามาบุกอเมริกาก่อนหน้าแล้ว) ดูดีกว่ามาก

หนังมีเพลงน่ารัก ๆ สอดแทรกอยู่ประปราย  ฉากที่ออกเพลงฮิตนี้ (9.16) เป็น plot ที่ผมชอบมาก  คือให้ตัวละครมีชื่อ Mrs. Brown สองรายคือหมากับคน  แต่นึกไม่ถึงว่าเพลง Mrs. Brown ... นี้จะเกี่ยวกับหมา  เพราะลูกสาว Mrs. Brown ก็สวยน่ารัก  นึกว่าจะเกี่ยวกับฝั่งคน  หลอกไปได้จนเกือบจบเรื่อง

หนังไม่ได้ดังอะไรมากมาย  ก็เลยไม่มีใครย่อย clip มาลงใน Youtube




ตัวอย่างหนัง  ที่หลอกให้งงว่าใครคือ Mrs. Brown



มีต่อ...


บันทึกการเข้า
nathanielnong
อสุรผัด
*
ตอบ: 2274


ความคิดเห็นที่ 561  เมื่อ 11 ต.ค. 25, 18:22

วันนี้จืด ๆ  เพิ่มวงในขบวนการ British Invasion  ที่มีเพลงดัง (ในบ้านเรา) จำนวนไม่มาก

วง Wayne Fontana & the Mindbenders





ผมเพิ่งรู้ว่าเพลงนี้เกิดขึ้นหลังจาก WF แยกตัวออกมาเป็นศิลปินเดี่ยวแล้ว



วง Billy J. Kramer & the Dakotas







ต่อยอด...



มีต่อ...
บันทึกการเข้า
nathanielnong
อสุรผัด
*
ตอบ: 2274


ความคิดเห็นที่ 562  เมื่อ 12 ต.ค. 25, 17:49

กลับมาที่ British Invasion รายต่อมาที่ส่งเพลงเข้ามาดังมาก ๆ ในบ้านเราหลายเพลงคือวง Gerry & the Pacemakers

ประเดิมด้วยเพลงโปรดของผม  มันเป็นเพลงในหนัง (ซึ่งไม่เคยดู)  



เพลงนี้ฝังอยู่ในความทรงจำมาตั้งแต่ได้ยินครั้งแรก  ได้ฟังทีไรก็มีความสุขอย่างประหลาด  ผมจำไม่ได้แล้วว่าทำอีท่าไหนถึงรู้ว่า Mersey นี้เป็นชื่อแม่น้ำอยู่ในประเทศอังกฤษ  พอโตขึ้นอีกหน่อยก็รู้เพิ่มขึ้นว่ามันอยู่ในเมือง Liverpool  

มีรายละเอียดพร้อมกับได้ฟังเพลงที่ทำให้มีความสุขก็ใฝ่ฝันว่าอยากไปเห็นกับตาจัง  แล้ววันหนึ่งในอนาคตก็ได้ไปเห็นกับตาจริง ๆ  ผมว่าแม่น้ำกว้างใหญ่กว่าแม่น้ำเจ้าพระยาของเรา  แม้ภาพที่เห็นจะเป็นในยุคกลาง 90s  บรรยากาศมันแตกต่างไปจาก music video ของเพลงนี้ที่อยู่ในยุคปลาย 60s  แต่ทำไงได้  มันโตไม่ทัน

อีก 3 เพลงโปรดเช่นกัน  ฟังแล้วให้อารมณ์เดียวกันหมด  คือ ถวิลหาความสุขในอดีต







วง G & PM  นำเพลง You'll never walk alone ขึ้นแตะอันดับ 1 และค้างอยู่นานถึง 4 อาทิตย์  ในประเทศอังกฤษบ้านเกิด  ตั้งแต่นั้นมาเพลงก็กลายเป็นเพลงประจำตัวของทีม Liverpool Football Club (Liverpool F.C.)  ในปี 2019 วง Boy Band ชื่อดัง Take That  จัด concert และเชิญ Gerry Marsden (1942 - 2021) ขึ้นมาร้องเพลงนี้



วงนี้มีต้นกำเนิดมาจากที่เดียวกันกับวง The Beatles คือ Liverpool  สี่เพลงข้างต้นที่ได้ยินทางวิทยุเป็นเพลงดังทางฝั่งอเมริกา  ไม่ใช่ทางฝั่งอังกฤษ  วงนี้ทำสถิติที่บ้านเขาว่ามี singles ติดอันดับ 1 ติดต่อกัน 3 เพลงเป็นวงแรก  แม้แต่วง The Beatles ยังทำไม่ได้  วิทยุคงเอามาเปิดบ้างแต่ผมจำไม่ได้  เพิ่งมาเคยได้ยินตอนซื้อ cd ของพวกเขา







เพลงดังอื่น ๆ ทางฝั่งอังกฤษที่ผมแกะออกมาจากแผ่น CD









เพลงทำนองน่ารัก ๆ นะผมว่า



มีต่อ...
บันทึกการเข้า
nathanielnong
อสุรผัด
*
ตอบ: 2274


ความคิดเห็นที่ 563  เมื่อ 13 ต.ค. 25, 17:49

British Invasion รายต่อมา  วง The Searchers มีสมาชิกเข้าออกมากมายตั้งแต่เริ่มตั้งวงเมื่อปี 1959  ซึ่งทำให้วงเต้นแร้งเต้นกาอยู่ในวงการเพลงมาได้ถึงยุคนี้

ช่วงรุ่งเรืองของวงอยู่ในยุค 60s ครึ่งหลัง  เป็นช่วงที่วิทยุบ้านเราเปิดเพลงของพวกเขามากมาย  เพลงนี้ได้ยินมาตั้งแต่ยังอยู่ชั้นประถม  มันดังดั๊งดัง



จากนั้น 3 เพลงนี้ก็ตามมา







ต่อยอด... ผมว่าบางเพลงเคยได้ยินทางวิทยุนะ  ฟังครั้งแรกก็คุ้นหู







ปิดท้ายด้วยเพลงโปรดของผม



ชอบมากเลยอ้ะ  แต่ละ clip การแสดง  เมื่อจบแล้วมีการคำนับ  ส่วนมือกลอง (Chris Curtis หล่อจัง) ก็ลุกขึ้นยืนแล้วคำนับ  สุภ้าพสุภาพ  หาไม่ได้แล้วในสมัยนี้  ไม่ 'เฟี้ยง' รองเท้าใส่กันก็นับว่าสุภาพแล้ว


มีต่อ...
บันทึกการเข้า
nathanielnong
อสุรผัด
*
ตอบ: 2274


ความคิดเห็นที่ 564  เมื่อ 14 ต.ค. 25, 18:08

วง The Searchers มีต้นกำเนิดมาจากเมือง Liverpool ประเทศอังกฤษ ที่เดียวกับวง Gerry & the Pacemakers  ทั้ง 2 วงดังคู่คี่กันมาตั้งแต่ต้น  โดยมี The Beatles เป็นจ่าฝูง  อีกวงหนึ่งจาก Liverpool ที่ตามมาติด ๆ คือวง Billy J. Kramer & the Dakotas ที่เพิ่งนำเสนอไป  ตามมาห่าง ๆ ก็วง The Swinging Blue Jeans  แต่เป็นที่น่าเสียดายว่ากำลังของวงนี้หมดแรงเสียเมื่อข้ามไปถึงอเมริกา  นี่เป็นเพลงดังที่สุดเพลงเดียวของวงที่อังกฤษ  เพราะมากแต่น่าแปลกที่มันไปแป๊กบน billboard  อย่างไรก็ตามเพลงนี้ดังในบ้านเรามากกว่าที่อเมริกาอย่างแน่นอน




ต่อยอด

(ต้นฉบับเป็นเพลง soul ของ Little Richards)





หมายเหตุ - เพลงจากวงดนตรีที่มีต้นกำเนิดจากเมือง Liverpool นี้เป็นจุดกำเนิดของนิยามว่า Merseybeat  นี่ถ้าไม่มี อตน. ก็คงไม่รู้อะไรสนุก ๆ แบบนี้


วง The Fortunes





The Tremeloes





Freddie & the Dreamers



พรุ่งนี้เปลี่ยนบรรยากาศกันสักนิด
บันทึกการเข้า
nathanielnong
อสุรผัด
*
ตอบ: 2274


ความคิดเห็นที่ 565  เมื่อ 15 ต.ค. 25, 18:01

Soul ballad ในยุคปลาย ๆ ที่ผมซึมซับมาจากการฟังวิทยุ (เท่าที่นึกได้ในตอนนี้)

Brenda Russell นี่อีกคนที่เข้ามาในวงการเพลงนานแล้ว  ตอนนี้อายุเกิน 70 แต่เธอมาดังในยุคที่ไม่ใช่แนวเพลงของผม



Angela Bofill (เพิ่งตาย)



Karyn White



Oleta Adams กับ Taylor Dayne ... 2 เพลงแรกนี้เพราะมากสำหรับผม







และ 2 เพลงนี้ที่ครองหน้าปัดวิทยุในช่วงเวลาของมัน

Gregory Abbott



Peabo Bryson



รวมถึงเพลงของ James Ingram ที่ผมลงไปหลายครั้งแล้ว
บันทึกการเข้า
หน้า: 1 ... 36 37 [38]
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2006, Simple Machines
Simple Audio Video Embedder

XHTML | CSS | Aero79 design by Bloc หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.08 วินาที กับ 16 คำสั่ง