เรือนไทย
ยินดีต้อนรับ ท่านผู้มาเยือน
กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
ส่งอีเมล์ยืนยันการใช้งาน?
ข่าว: การแนบไฟล์ กรุณาใช้ชื่อไฟล์ภาษาอังกฤษเท่านั้นครับ
หน้า: 1 ... 21 22 [23] 24 25 ... 32
  พิมพ์  
อ่าน: 66171 รำลึกถึงดาวเสียงต่างชาติต่างภาษาที่ดับแสงไปแล้ว [2]
nathanielnong
อสุรผัด
*
ตอบ: 2156


ความคิดเห็นที่ 330  เมื่อ 11 ธ.ค. 23, 18:43

เพลงของวง J. Geils Band ที่ดังในบ้านเรากลับเป็นเพลงที่ไม่ดังเอาเลยที่บ้านเขา  มันขึ้นไปได้แค่ดับที่ 98 (1973) ก็ร่วง  แต่ที่บ้านเราเปิดได้เปิดดี  หูบอกผมว่าเพราะด้วยแต่ทำไมไม่ได้รับนิยมก็ไม่รู้



ระหว่างนั้นเพลงของพวกเขาดังออกมาให้ฟังเนือง ๆ รวมถึงเพลง ‘โหล’ เพลงนี้



พอมาปี 1981  คราวนี้กระหึ่มเลยกับเพลงนี้ มันดังจิง ๆ ให้ดิ้นตาย  ทั้ง 2 ฝั่งฟ้าเลยละ



ตอกย้ำความดังด้วยเพลงนี้ที่ผมว่าเพราะสู้เพลงแรกไม่ได้



บันทึกการเข้า
nathanielnong
อสุรผัด
*
ตอบ: 2156


ความคิดเห็นที่ 331  เมื่อ 12 ธ.ค. 23, 18:36

Jefferson Airplane/Jefferson Starship/Starship  สามชื่อนี้ (เอาคร่าว ๆ เพราะไม่ได้กำลังทำรายงาน) ความจริงแล้วก็เป็นศิลปินกลุ่มเดียวกัน  ศิลปินบางคนลาออกไป  ศิลปินใหม่เข้ามาก็เปลี่ยนชื่อวง ประมาณนี้

ตอนเด็ก ๆ ในยุคปลาย 60s  วงชื่อ JA  มีเพลงที่เคยได้ยินทางวิทยุ  ไม่รู้ว่าบ่อยแค่ไหนเพราะผมไม่ได้แวะฟัง  ลั่นมาจาก สถน. เฮ้ว ๆ อย่างของ คุณวิฑูรฯ



(เพลงนี้ฟังทีไร  คิดถึงตอนเมายา  ทำไมอย่างนั้นก็ไม่รู้  ครั้งที่ผมเมายา  ก็ไม่เคยนึกถึงเพลงนี้  ตอนแรกผมคิดว่าเพลงชื่อ Go ask Alice)

พอมายุคผีเพลงเข้าสิงอันเป็นช่วงต้น 70s  วงเปลี่ยนชื่อเป็น JS  ตอนนั้นไม่รู้หรอกว่าสืบทอดฯ กันมา  ดีเจแค่อ่านชื่อให้ฟังเฉย ๆ  เลยนึกว่าเป็นคนละวง

ยุคนี้วงฯ มีเพลงเพราะที่วิทยุนำมาเสนอ 2 เพลง  เป็นเสียงร้องของ Marty Balin





ต้นยุค 80s เธอแยกออกมาเป็นศิลปินเดี่ยว  เพลงนี้ล่องลอยอยู่ในอากาศ



บันทึกการเข้า
nathanielnong
อสุรผัด
*
ตอบ: 2156


ความคิดเห็นที่ 332  เมื่อ 13 ธ.ค. 23, 18:35

ในปี 1979 จู่ ๆ เพลงนี้ก็ระเบิดในเมืองไทย 



มันโฉ่งฉ่างสำหรับหูของผมมาก  ผมไม่เคยชอบเลย  แต่วิทยุก็ยัดเยียดใส่รูหูจนผมจำเพลงนี้ได้ไม่ลืม  เพลงนี้ไม่ได้ดังเฉพาะในเมืองไทย  ที่บ้านเขาก็ดังสนั่น  ขึ้นอันดับ 1 ทั้ง single และ album

มา single ที่สอง  นุ่มนวลลงหน่อย  ผมชักชอบ  แต่บ้านเขาไม่ชอบเท่าไรเพราะมันขึ้นไม่ถึง top 10



เหล่าดีเจยังติดตามงานของวงนี้ต่อไป  พอ single จาก album ที่สองคลอด  พวกเขาก็เอามานำเสนอ  ผมไม่มีความทรงจำอะไรเกี่ยวกับเพลงนี้  จำได้แต่ว่าทำนองย้อนรอยเพลงดังเพลงแรกของพวกเขา My Sharona 



Album ที่สองของพวกเขาขายได้ไม่ดีเท่า  แต่มีเพลงหนึ่งที่เหล่าดีเจนำมาเปิดให้ฟัง  เพลงนี้อ้อยสร้อยและเพราะมาก  ผมคาดว่ามันต้องติดอย่างน้อย top 10  จนกระทั่งผมมีปูมเพลงของ Joel Whitburn  เมื่อพลิกหาก็ต้องประหลาดใจมาก  เพลงนี้เป็นแค่ร่องหนึ่งใน album เท่านั้น  ไม่ใช่ single  แต่ในบ้านเราดูจะดังกว่าเพลงสุดฮิต MS เสียอีก



จากนั้นชื่อเสียงของพวกเขาก็ดิ่งลงเรื่อย ๆ จนปี 1982 เพียง 3 ปีพวกเขาก็ยุบวง

นักร้องนำ Doug Fieger ตายด้วยมะเร็งปอด  Wikiฯ เล่าเบื้องหลังการแต่งเพลงดัง MS ของเธอว่า...

...(เมื่ออายุได้ 25 ปี) Fieger wrote "My Sharona" for Sharona Alperin (อายุ 17 ปี), his girlfriend.

"It was like getting hit in the head with a baseball bat; I fell in love with her instantly. And when that happened, it sparked something and I started writing a lot of songs feverishly in a short amount of time."
Fieger and Alperin dated for four years, but they parted, married other people, and remained friends. Alperin visited him frequently in his final months...





ปก single เพลง My Sharona  สาวหน้าปกคือ SA
บันทึกการเข้า
nathanielnong
อสุรผัด
*
ตอบ: 2156


ความคิดเห็นที่ 333  เมื่อ 14 ธ.ค. 23, 18:38

เพลง Come and get your love ของวง Redbone ดังในบ้านเรามาตั้งแต่เริ่มต้นแล้วคือตั้งแต่ปี 1973 โน่น  ไอ้ช่วง intro ว่า Heyyyyy นั่นเพื่อน ๆ ผม (พวกบ้าเพลงฝรั่ง) ที่ รร. ร้องกันนัวเนีย  

ในปี 2014 หนัง Guardians of the Galaxy นำเพลงนี้เข้ามาประกอบทำให้มันกลับมาดังอีกครั้งอย่างง่ายดาย  ก็ไอ้ช่วง intro ว่า Heyyyy นั่นแหละ



นี่คือวง Redbone สมาชิกมีเชื้อชาติ Native American และ Mexican American







บันทึกการเข้า
nathanielnong
อสุรผัด
*
ตอบ: 2156


ความคิดเห็นที่ 334  เมื่อ 15 ธ.ค. 23, 18:59

Kai Winding...

ผมเพิ่งรู้ว่าเพลง More เป็นเพลงแปลงมาจากต้นฉบับภาษาอิตาเลียน  มันอยู่ในหนังสารคดีเรื่อง Mondo Cane ที่ออกฉายในปี 1962  ผู้ที่ทำให้เพลงบรรเลงเพลงนี้กระจายสู่โลกกว้างก็คือ KW ศิลปินชาว Danish American  พอเพลงนี้ดังก็มีคนนำเนื้อร้องภาษาอังกฤษเข้ามาจับ จากนั้นมันก็กลายเป็นเพลงอมตะเพลงหนึ่งของโลก


(มันเป็นฉบับที่ถูกใจผมที่สุด)

ครั้งแรกที่มีการใส่เนื้อร้องคือภาษาอิตาเลียน ร้องโดยนักร้องคนนี้




บันทึกการเข้า
nathanielnong
อสุรผัด
*
ตอบ: 2156


ความคิดเห็นที่ 335  เมื่อ 16 ธ.ค. 23, 18:34

ผมเคยได้ยินเพลงนี้ครั้งแรกขณะดูนั่งดูหนังอยู่ในโรง  ฟังแล้วติดใจ  แต่อย่างที่บอกว่าการหาชื่อเพลงบรรเลงนี่ยากสุดขีด  พอ ๆ กับงมน้ำหาเข็มละมัง  คือ ไม่มีทางหาเจอนอกจากฟลุ้ค  แล้ววันหนึ่งความฟลุ้คก็เกิดขึ้นกับผม

Acker bilk (1929 – 2014)


ของแถม  รับรองว่าต้องคุ้นหู  ผมหาประวัติโดยละเอียดของศิลปินคนนี้ไม่ได้


บันทึกการเข้า
nathanielnong
อสุรผัด
*
ตอบ: 2156


ความคิดเห็นที่ 336  เมื่อ 17 ธ.ค. 23, 18:23




Uriah Heep เป็นวงจากอังกฤษถนัดแนว heavy เป็นวงโปรดของเพื่อนนักเรียนผมที่ผมแอบเรียกว่า ขาโหด  เธอเป็นนักเลงประจำห้อง  แกล้งชาวบ้านดะโดยเฉพาะเด็กหน่อมแน้ม  ในฐานะที่ผมก็เป็นเด็กหน่อมแน้มคนหนึ่งแต่เธอยกเว้นให้เพราะผมบ้าเพลงเหมือนเธอ  แม้แนวของเราจะต่างกัน  เธอก็มีเมตตา เอาแค่ถากถางพอ (เคยเล่าไปแล้วในกระทู้หนังฯ)

ผมเคยกระตุกหนวดเสือครั้งหนึ่ง  ตอนชวนเธอไปดูคอนเสิร์ตของ Agnes Chan  ที่มาเปิดการแสดงพร้อมหนังที่เธอเล่นชื่อ แอกเนส ชาน ยอดรัก (Generation Gap) ที่โรงหนังรามาซึ่งผมไม่รู้ทางไป
 
หลังจากเอ่ยปากชวนซึ่งก็รู้คำตอบตั้งแต่เธอยังไม่ได้อ้าปากตอบ  แต่เผื่อฟลุค  เธอทำท่าเหมือนจะฆ่าผมแต่แล้วทำใจได้เลยแค่ด่ากลับมาว่า  ‘มึงไปของมึงคนเดียวเหอะ  กูยังไม่บ้า’  ผมบอกเสียงอ่อย ๆ ว่า ‘ก็ชั้นไม่รู้จักทางไป  แกพาไปหน่อยดิ’  เธอตอบกลับมาด้วยความเห็นใจว่า ‘เรื่องของมึง’ แล้วก็สะบัดหน้าพรืดส่ายอาด ๆ จากไป

แม้แนวเพลงของวงนี้จะไปไม่ได้กับเส้นชีวิตของผม  แต่ก็มีบางเพลงที่แบบว่า  ... เออ... ก็ไม่เลว  เช่นเพลงนี้ 





ซึ่งเมื่อ ขาโหด รู้เข้า  ผมได้คะแนนมาโขเลย  แล้วเธอก็ไปหาเพลงอื่นๆ ของวงนี้มาให้ผมฟังอีก (ทางเทป cassettes)





ผมฟังแล้วก็เพราะดีอีกเหมือนกันแม้ช่วงหลังจาก 3.30 นาทีไปแล้ว  ผมจะทำหน้าเบ้  แต่ก็กล้ำกลืนฟังจนจบ 

ขาโหด ของผมยังแนะนำ (ความจริง บังคับ) เพลงแนวของเธออีก 2-3 เพลง  จากวง heavy อื่น ๆ เธอเลือกจังหวะที่คิดว่าผมพอจะรับได้  ต้องเช็คก่อนว่าสมาชิกวงเหล่านั้นตายไปบ้างแล้วยัง

อย่างไรก็ตาม มาปี 1977 (เราแยกย้ายกันไปตามยถากรรมแล้ว)  วิทยุเอาเพลงนี้มาเปิดแล้วบอกว่าเป็นของวง UH  ผมฟังแล้วแทบไม่เชื่อหู  ทำไมแหวกแนวจัง  ไม่รู้ ขาโหด ยังตามเพลงของวงนี้อยู่รึเปล่า  ถ้าได้ยินคงด่าเช็ด


บันทึกการเข้า
nathanielnong
อสุรผัด
*
ตอบ: 2156


ความคิดเห็นที่ 337  เมื่อ 18 ธ.ค. 23, 18:34

Nazareth ก็เป็นวงเล่นเพลงหนัก ๆ อีกวงที่มาจากอังกฤษ  ผมจำไม่ได้ว่าขาโจ๋เอ่ยชื่อวงนี้รึเปล่า  เธอพร่ำเพ้อแต่  Uriah Heep, Deep Purple แล้ว Scorpions

เพลงนี้ไม่ต้องรอให้เธอแนะนำ  วิทยุเป็นผู้แนะนำ  เพราะมาก ๆ



นำเสนอเพลงที่ผมว่าน่าฟัง





บันทึกการเข้า
nathanielnong
อสุรผัด
*
ตอบ: 2156


ความคิดเห็นที่ 338  เมื่อ 19 ธ.ค. 23, 18:22

มีคนเคยบอกว่าถ้าวงเฮฟวี่ทำเพลงช้าละก็  เพราะสุดขีด  วง UFO จากอังกฤษ (อีกแล้ว) นี่ก็ไม่เป็นรองใคร  วงฯ มีอายุยืนยาวมาตั้งแต่ยุค 60s  สมาชิกผลัดกันเข้าออก ๆ  จนสุดจะจำ  ตายไปก็เยอะ  พอแขนงนี้ตายทางวงก็รับคนใหม่เข้ามาแทนที่  เท่าที่สังเกตวงพวกนี้ส่วนใหญ่จะมี 2 กลุ่มคือกลุ่มอัดเพลงใน studio กับกลุ่มออกแสดงสด  จะมีขาประจำก็นักร้องนำ 

ผมไม่สันทัดเพลงแนวนี้แต่ถ้าวิทยุเอาเพลงช้าของพวกเขามาเปิดละก็  รับรองความเพราะ



ไม่รู้จะแนะนำอะไรดี

บันทึกการเข้า
nathanielnong
อสุรผัด
*
ตอบ: 2156


ความคิดเห็นที่ 339  เมื่อ 20 ธ.ค. 23, 18:27

นักดูหนังฝรั่งรุ่นเก่าชาวไทยทุกคนรู้จักหนัง Singing Nun ที่แสดงโดย Debbie Reynolds  ถ้าเป็นนักดูหนังแบบเจาะลึกจะรู้ว่าหนังเรื่องนี้สร้างอิงประวัติช่วงหนึ่งของแม่ชีชาว Belgium ที่ร้องเพลง Dominique ออกกระจายเสียงไปทั่วโลกรวมถึงบ้านเราในปี 1963  เป็นเพลงฝรั่งที่ไม่ใช้ภาษาอังกฤษที่ผมฟังไม่ออกสักกะคำแต่ทำนองเพราะเหลือหลาย

ตอนดังในวงการเธอใช้นามแฝงว่า Sœur Sourire  แปลเป็นภาษาอังกฤษว่า "Sister Smile" สำหรับในประเทศที่ใช้ภาษาอังกฤษเธอใช้ชื่อว่า Singing Nun ส่วนชื่อจริงก็อ่านจากในภาพ  สำหรับบางคนรู้จักชื่อ Sister Luc Gabriel นั่นเป็นชื่อทางศาสนาของเธอ

ชีวิตของเธอเศร้ามาก  ขี้เกียจเล่าเพราะมีให้อ่านทั่วไปใน อตน.  เอาเป็นว่าเธอเป็น lesbian และท้ายที่สุดเธอก็ฆ่าตัวตายพร้อมกับคู่ของเธอ

เพลงนี้เป็นตัวอย่างที่ชัดเจนของนิยามว่า One hit wonder

เพลง single นี้ติดอันดับ 1 ในตาราง billboard นานถึง 4 สัปดาห์  ส่วนแผ่น album ดังกว่านั้นอีกโดยติดอันดับ 1 นานถึง 10 สัปดาห์  ตัว sister ในฐานะผู้แต่งเนื้อและทำนองก็ได้รับรางวัล Grammy ด้วย




บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 41269

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 340  เมื่อ 21 ธ.ค. 23, 09:58

บทบาทในหนัง สวมบทโดย Debbie Reynolds  ร้องภาษาอังกฤษ

บันทึกการเข้า
nathanielnong
อสุรผัด
*
ตอบ: 2156


ความคิดเห็นที่ 341  เมื่อ 21 ธ.ค. 23, 18:52

ชื่อ Julie London นี้ผมได้ยินมาตั้งแต่ตัวกระจิ๋วหลิว  รายการ golden oldies เปิดเพลงของเธอเพลงเดียวคือ Cry me a river  ซึ่งผมไม่เคยชอบเลย  มันอ้อยสร้อยชวนหลับ 



พอถึงยุค อตน. มีแหล่งข้อมูลมากมายให้ค้นคว้าก็พบกับความประหลาดใจว่า  แม้มีเพลงดังเพียงเพลงเดียวคือที่เพลงที่ว่า (อันดับ 9 บนตาราง billboard) แต่กิตติศัพท์ของเธอเลื่องลือมาก  ประเดิมด้วย...
An American singer and actress whose career spanned more than 40 years. A torch singer noted for her sultry, languid contralto vocals.

เนื่องจากไม่เคยชอบเพลงของเธอ  ผมก็เลยไม่ได้ติดตามผลงาน  ก็เลยไม่รู้ว่าเธอมีเพลงอะไรอื่นที่น่าฟัง (กว่าเพลงนี้) อีก  เลยมั่ว ๆ เอา









บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 41269

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 342  เมื่อ 22 ธ.ค. 23, 09:24

  นอกจากเป็นดาวเสียงแล้ว  คุณย่าจูลี่ยังเป็นดาวทีวีด้วยค่ะ   เธอเล่นในหนังซีรี่ส์ยาว Emergency!  ที่ไม่ได้ส่งเข้ามาฉายในช่องทีวีไทย

   
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 41269

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 343  เมื่อ 22 ธ.ค. 23, 09:25

บันทึกการเข้า
nathanielnong
อสุรผัด
*
ตอบ: 2156


ความคิดเห็นที่ 344  เมื่อ 22 ธ.ค. 23, 18:40

ข้อมูลบอกว่าเพลง Christmas ประเภท ‘หยอกล้อ (novelty)’ ความดังประมาณคลาสสิคมีอยู่จำนวนหนึ่ง  ผมไล่ดูแล้วพบว่ามี 3 เพลงที่ผมรู้จักและเคยฟัง



ประวัติของเพลงนี้น่าสนใจมาก
"All I Want for Christmas Is My Two Front Teeth" is a novelty Christmas song written in 1944 by Donald Yetter Gardner while teaching music at public schools in Smithtown, New York. He asked his second grade class what they wanted for Christmas, and noticed that almost all of the students had at least one front tooth missing as they answered in a lisp. Gardner wrote the song in 30 minutes. In a 1995 interview, Gardner said, "I was amazed at the way that silly little song was picked up by the whole country (และลามมาถึงบ้านเราด้วย). The song was published in 1948 after an employee of Witmark music company heard Gardner sing it at a music teachers' conference.

เพลงฉบับข้างบนนี้บรรเลงโดย Spike Jones (1911 – 1965) and his City Slickers เป็นฉบับที่มีชื่อเสียงที่สุด  วิทยุก็เคยเอามาเปิดที่บ้านเรา  ผมจำได้แม่นช่วงเด็กฟันหน้าหลอออกเสียง ตัวเอส - lisp (ข้อมูลทั้งหมดรวมถึงชื่อศิลปิน  ผมเพิ่งรู้เมื่อ Wikiฯ ปีกกล้าขาแข็งแล้ว)

อีกฉบับหนึ่งที่เปิดบ่อยในบ้านเรา



บันทึกการเข้า
หน้า: 1 ... 21 22 [23] 24 25 ... 32
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2006, Simple Machines
Simple Audio Video Embedder

XHTML | CSS | Aero79 design by Bloc หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.07 วินาที กับ 19 คำสั่ง