The Pointer Sisters เป็นวง girl group ที่ประสบความสำเร็จที่สุดในยุค 70s และต่อไปถึงต้น 80s สมาชิกประกอบด้วยพี่น้อง 4 สาว แต่อยู่กันครบ 4 เพียงช่วงเวลาสั้น ๆ วิทยุบ้านเราเริ่มเปิดเพลงของพวกเธอกันกว้างขวางในปลายยุค 70s เพลงนี้เป็นเพลงแรกที่ทำให้ผมรู้จักพวกเธอ
เพลงนี้ทำให้นึกถึงความหลังที่ยังแจ่มชัด เพลงออกมาในปี 1978 เป็นช่วงเวลาที่ผีเพลงสิงผมอย่างเหนียวแน่น ได้ฟังเพลงครั้งแรกทางวิทยุ (อย่างแน่นอน) แค่ช่วงขึ้นต้นก็ติดใจแบบหูผึ่ง พลางเลยเถิดอยากได้แผ่นเสียงของวงฯ เป็นอย่างมาก
ตอนนั้นยังเรียนอยู่ มหาวิทยาลัย ยังหาเงินเองไม่เป็น ต้องแบมือขอผู้ปกครอง ผู้ปกครองให้เงินมาเป็นแบบเงินเดือน เอาไปบริหารเอาเอง ถ้าบริหารผิดเงินหมดก่อนสิ้นเดือน เป็นความล้มเหลวของแก
เงินเดือนนี่ถ้าจำไม่ผิดเดือนละ 800 (+/-) บาท แต่ผมก็อยู่ได้ ไม่เคยบริหารล้มเหลว เพราะอย่างนี้มั้งผมถึงเก็บเงินเก่ง ไม่เคยไถเงินผู้ปกครอง อยากได้อะไรก็เริ่มต้นวางแผน แล้วก็ได้อย่างที่ต้องการ
กลับมาที่การใช้เงิน ถ้าเป็นเด็กปกติ 800 บาทต่อเดือนนี่สบาย ๆ ก็สมัยนั้นไม่มีสิ่งล่อใจอยู่รอบตัวทุกองศาเหมือนเดี๋ยวนี้ แต่ผมผิดปกติ เพราะผมเล่นแผ่นเสียง
แผ่นเสียงนี่ถือเป็นของฟุ่มเฟือย เพราะมันไม่มีความจำเป็น ฟังวิทยุเอาก็ได้ แถมมีราคาแพง แต่ผมติดกับ เลยต้องก้มหน้าก้มตารับชะตากรรม แผ่นเสียงที่มีขายในบ้านเราแบ่งเป็น 2 ประเภทคือ แผ่นจากเมืองนอก (ในที่นี้ผมหมายถึง อเมริกา ประเทศเดียวเพราะวิทยุเปิดเพลงจากฝั่งอเมริกาเป็นส่วนใหญ่) มีราคาแพง คือประมาณ 300 บาทบวกลบ แต่วัสดุดี Jacket ทำด้วยกระดาษแข็งอย่างดี หุ้มพลาสติกใสแน่นหนากันตัวแผ่นฯ ร่วง ซองในใส่แผ่นมักมีรูปสวยงาม บางทีก็แถมเนื้อเพลง คนในวงการฯ เรียกว่า แผ่นนอก


(ลักษณะแผ่นที่เปิดกางออกได้แบบนี้เรียกว่า gatefold เป็นกำไรของคนซื้อ)
อีกประเภทก็แผ่นก๊อปปี้ แผ่นก็อปปี้นี่ไม่ได้หมายถึงแผ่นผี แต่หมายถึงแผ่นก๊อปปี้อย่างถูกกฏหมายสากล เพื่อทำมาขายในตลาดแถบเอเซียที่มีค่าครองชีพต่ำกว่า บ.ใหญ่เจ้าของลิขสิทธิ์คือ บ. EMI สาขา ฮ่องกง บ้าง สิงคโปร์ บ้าง แผ่นพวกนี้ราคาถูกคือประมาณ 100 บาทหน่อย ๆ เพราะต้นทุนมันถูก วัสดุจึงห่วย Jacket ทำด้วยกระดาษแข็งแบบบางเหมือนกล่องใส่ตะโก้ สีสันบนปกไม่สดใสเท่าแผ่นฯ นอก แถมไม่มีแผ่นพลาสติกใสหุ้ม เปิดโป้งโล้ง ถ้าหยิบไม่ระวัง แผ่นฯ ร่วงออกมาง่าย ๆ ส่วนซองในใส่แผ่นทำด้วยพลาสติกเนื้อขุ่น... ประมาณนี้
บ. EMI ไม่ได้ซื้อลิขสิทธิ์ของทุกบริษัทแผ่นเสียงในอเมริกา ฉะนั้นศิลปินใดที่อยู่ในสังกัดที่ไม่ได้ขายลิขสิทธิ์ให้ บ. EMI เอาไปทำแผ่นก๊อปฯ จึงไม่มีแผ่นก็อปฯ ของศิลปินนั้น ๆ วางขายในราคาถูก ต้องรอแผ่นนอกซึ่งบางทีก็มีคนสั่งเข้ามาขายบางทีก็ไม่มี
โหมโรงมานานเพื่อจะบอกว่า บ. แผ่นเสียงต้นสังกัดของ The Pointer Sisters นั้น ไม่ได้ขายลิขสิทธิ์ให้ บ. EMI ดังนั้น ถ้าอยากได้ก็ต้องรอแผ่นนอก อย่างเดียว
วันหนึ่งผมไปเดินที่ศูนย์การค้าอินทรา ผมเห็น album แผ่นนี้วางขายอยู่ในร้านขายเครื่องเสียง ไม่ใช่ร้านขายแผ่นเสียงอย่างปกติ แผ่นฯ วางโชว์อยู่ในตู้โชว์หน้าร้าน ผมพยายามเล็งมองหาราคา ราคาเท่าไรก็จำไม่ได้แล้ว ก็กี่สิบปีมาแล้วใครจะไปจำได้ รู้แต่ว่าโคตรแพง แพงกว่าราคาทั่วไปของแผ่นนอก สรุปไม่กล้าเสี่ยงซื้อ กลัวเงินหมดโดยใช่เหตุ (สาเหตุคือ ความบ้า)
เวลาผ่านไปหวือ ๆ วันนั้นผมไปเดินในห้างเซ็นทรัลสีลม ห้างประจำตัว ขณะเดินขึ้นไปสำรวจแผ่นเสียงบนชั้น 5 ที่ชั้น 4 ผมเห็นเทป cassette ชุดเดียวกับแผ่นเสียงของวงฯ วางขายอยู่บนชั้นหลังเคานเตอร์ (เกริ่นนิดว่า สมัยนั้นงานเพลงของศิลปิน นอกจากจะออกขายในรูปแบบของแผ่นเสียงแล้ว ยังมีแบบเป็นเทป cassette ขายด้วยซึ่งราคาถูกกว่า นัยว่าเอาไว้ฟังในรถ ก่อนหน้านี้เป็นเทป 8-track ซึ่งผมโตไม่ทัน) และตอนนี้ผมก็กำลังยืนดูอยู่ ราคาแน่นอนจำไม่ได้ จำได้แต่ว่าเฉียด 100 ในขณะที่เทป cassette ผีที่ขายตามแผงริมถนนราคาประมาณตลับละไม่กี่สิบบาท
ผมยืนนิ่งจ้องเทปตลับนั้นเหมือนโดนสาป กำลังชั่งใจว่าเอาดีมั้ยว้า ถ้าเกิดฟังได้เพลงเดียวทำไง อีกใจก็บอกว่า ก็ยังดีกว่าซื้อแผ่นเสียง สรุปแล้วผมซื้อ แบบไม่เต็มใจ ตั้งร่วม 100 บาท กินข้าวได้ตั้งกี่มื้อ
พอรู้ว่าผมตกลงใจซื้อ คนขายถามว่าอยากลองฟังมั้ย ผมก็เลยเลือกฟังเพลง Fire นี้โดยไม่รอช้า คนขายฉีกแผ่นพลาสติกหุ้มตลับเทปออกแล้วกรอหาเพลงที่ว่าอย่างชำนาญ พอได้ที่ก็กด play ซึ่งเริ่มต้นด้วยตอนท้ายของเพลงก่อนหน้า พอจบก็ขึ้น intro ของเพลง Fire มันเพราะมากจริง ๆ
ตอนนั้นมีฝรั่งผู้หญิงยืนอยู่ใกล้ ๆ เธอกำลังทำอะไรอยู่ก็จำไม่ได้ แต่พอได้ยิน intro ของเพลงนี้ปั๊บ เธอฮัมตามทันที แสดงว่ารู้จักเพลงนี้ ผมจำได้ว่าเธอหันมาบอกผมว่า ‘Best song ever’ ผมละปลื้ม ลืมความพะวงเรื่องกลัวผิดหวังไปในทันที
พอกลับมาบ้านผมรีบเอาตลับเทปใส่เครื่องฯ แล้วฟัง ผลเป็นไปตามที่คาดไว้คือชอบเพลงเดียว

จากเพลง Fire นี้ซึ่งได้รับความนิยมจนถึงขั้นได้แผ่นเสียงทองคำ วงฯ นี้ก็เป็นขาประจำของเหล่าดีเจ
(2 เพลงนี้เปิดบ่อยจนเลี่ยนไปเลย)
เพลงนี้ออกอากาศไม่บ่อยเท่า ไม่เลี่ยน ผมเลยชอบ
มีต่อ...