มิอาจห้ามใจ มิอาจไม่แชร์

[เทาชมพู]

นึกถึงชื่อคนไทยบ้าง   
ในปัจจุบัน  ชื่อที่ไม่นำมาตั้งเป็นชื่อหนูน้อยเกิดใหม่อีกแล้ว มีอะไรบ้าง ทั้งหญิงชาย  ทั้งๆเมื่อหลายสิบปีก่อน นิยมกันแพร่หลาย
เท่าที่นึกออก
ผู้หญิง    สมศรี  สมใจ  สมพร   สมจิต   มาลี  กุหลาบ  มะลิ   แน่งน้อย  วิไล  นารี  โฉมฉาย  ทรงศรี   ยุพา ยุพดี นงเยาว์
ผู้ชาย     สมศักดิ์ สมชาย  สมหวัง  สุเทพ   สงบ   อำนวย   อำนาจ  สามารถ   ทรงศักดิ์   สุชาติ  เสมอ  สนิท 

[SILA]

รวมภาพ 2024 สัตว์น่าสงสาร (มากกว่าจะ น่ารัก)

ภาพจาก National Geographic

เพราะอากาศเปลี่ยนแปลงจนไม่มีแผ่นน้ำแข็ง เพนกวินจักรพรรดิจำต้องประเดิมการแหวกว่ายสายธารามหาสมุทร
ด้วยการกระโจนจากผาน้ำแข็งสูง ๕๐ ฟุต

Emperor penguin chicks jump off a 50-foot cliff to take their first swim in Atka Bay, Antarctica.

[SILA]

เมื่อแรดก็ต้องพึ่งคลินิคผู้มีบุตรยาก เพื่อการอนุรักษ์พันธุ์แรดขาวตอนใต้ที่ใกล้สูญพันธุ์ในเคนยา

ตัวอ่อนแรดผู้วัย 70 วัน ยาว 6.4 ซ.ม. ได้จากการผสมไข่และน้ำเชื้อในห้องปฏิบัติการแล้วนำไปฝาก
ในมดลูกแม่แรดอุ้มบุญ
น่าเศร้าที่แม่อุ้มบุญเสียชีวิตจากการติดเชื้อ แรดน้อยไม่ได้ลืมตาดูโลกทั้งที่มีโอกาสคลอดออกมาตัวเป็นๆ ถึง 95 %


World's first IVF rhino pregnancy could save near-extinct animals

[SILA]

แผ่นน้ำแข็งแบนบางกับแมวน้ำสุดคิวท์
ยิ่งอุณหภูมิโลกสูงขึ้น แผ่นน้ำแข็งยิ่งบางลง อนาคตของเหล่าสัตว์ขั้วโลกก็เรียวลง

The glistening eyes of a harp seal pup draw you in, but the sea ice may actually be the star of this photo,
taken by Jennifer Hayes as part of the February 2024 story, “On Thin Ice.” Without sea ice, which is
disappearing due to rising temperatures from climate change, harp seals and many other polar creatures won’t survive.

[SILA]

ริมถนนตัดผ่านเทือกเขา Carpathian, Romania
สองลูกหมีไร้เดียงสา ไม่รู้ว่าชะตาชีวิตตนมืดมน กับ
แม่หมีสีน้ำตาลพิการด้วยสูญเสียขาหลัง(จากกับดักหรืออุบัติเหตุรถยนต์ ไม่น่าใช่ถูกตัดเพื่อนำไปปรุงอุ้งตีนหมี)
ไม่สามารถออกล่าหาอาหารได้ นอนยื่นมือขอความช่วยเหลือจากผู้คนริมถนน

[SILA]

ผลจากกิจกรรมหวังดีที่ส่งผลร้าย การให้อาหารหมีระหว่างทาง

[SILA]

ภาพรางวัล Natural History Museum of London

บันทึกที่ Norwegian archipelago of Svalbard
หมีขั้วโลกหนุ่ม(หรือสาว) พักผ่อนนอนหลับบนเตียงน้ำแข็งที่ขุดบนก้อนน้ำแข็งขนาดย่อมพอพักพิง
ล่องลอยไปในมหาสมุทรขั้วโลกเหนือที่เหลือผืนแผ่นน้ำแข็งน้อยลงๆ

A polar bear (Ursus maritimus) carves out a bed from a small iceberg
before drifting off to sleep in the far north, off Norway’s Svalbard archipelago.

[SILA]

official vdo (Directors' Cut) เพลง ALL MY LOVE ศิลปิน Coldplay

Starring Dick Van Dyke and family



บางส่วนจาก ฟบ. คุณกิจจา บุรานนท์

         สุขสันต์วันเกิดครบ ๙๙ ปี ของนักแสดง Dick Van Dyke ที่เรา ๆ จะจำเขาได้จริง ๆ มาจากภาพยนตร์เพลงเรื่อง Mary Poppins
ซึ่งจูลี่ แอนดรูวส์คว้าตุ๊กตาทอง ออกฉายเมื่อ ๖๐ ปีมาแล้ว
         เพลงที่ดังมากจากหนังเรื่องนั้นคือ Chim Chim Cher-ee เพราะดิ๊กแสดงเป็นเบิร์ท ผู้มีอาชีพกวาดล้างปล่องไฟ(chimeny)
เพลงนี้ร้องและรำเป็นหมู่อยู่บนหลังคาของทาวน์เฮาส์ในสมัยโบราณของอังกฤษ และเป็นระบำกระโดดโลดเต้นที่ดิ๊ก แวนไดค์แสดงได้เก่งมาก
ในการหกคะเมนตีลังกาสารพัดวิธี
          แม้ว่าวันนี้เขาจะอยู่ในวัย ๙๙ ปีก็ตาม แต่ในอดีตแวนไดค์เคยมีปัญหากับแอลกอฮอลิสม์ และติดบุหรี่ไม่ยอมเลิก ทุกวันนี้ในวัย ๙๙
ก็ยังเคี้ยวหมากฝรั่ง/นิโคทีน
          และวันสองวันนี้เองที่ไฟไหม้ถิ่นมาลีบูที่แอลเอ/ที่ดิ๊กอยู่อาศัย เพื่อนบ้านสามคนต้องมาช่วยกันอุ้มดิ๊คหนีจากไฟ (ที่ต้องหนีด้วยกันกับ
ดิ๊กที่มาลีบู มีบาร์บรา สตรัยแซนด์ จูเลีย โรเบิร์ตส์ และแชร์ ซึ่งต่างก็มีคฤหาสน์กันอยู่ที่นั่น)
          ดิ๊ค แวนไดค์แต่งงานครั้งแรกแล้วหย่า แล้วมีแฟนอีกคนที่ตายก่อน ในปัจจุบันแต่งงานใหม่กับหญิงอ่อนวัยกว่ามาก  
          เค้ามีลูกสี่คน มีหลักทรัพบ์ประมาณ ๕๐ ล้านดอลลาห์
          ที่ประหลาดจริง ๆ คือนามที่เขาใช้ในการแสดง เพราะเขาเกิดมาพร้อมนามเต็มว่า Richard Wayne Van Dyke ดิ๊กคือชื่อเล่นของริชาร์ด
โดยอัตโนมัติ ตัดเวยน์ทิ้ง เก็บนามสกุล
          ชื่อทั้งหมดของเขาจึงตลกที่สุด ล้อง่ายที่สุด เพราะ Dick ในภาษาอังกฤษ คือการเรียกเครื่องเพศของชายว่าเป็น [a] Dick หากไม่ชอบหน้า
ชายคนไหนก็จะด่ากันเสร็จสรรพว่า “He’s a dick.” หรือ “He’s such a dick.”
          ส่วนคำว่า Dyke นั้นยิ่งไปกันใหญ่ เพราะนั่นคือวิธีฝรั่งเรียกหญิงทอมที่ดูดุดันเกือบเหมือนผู้ชายระดับกรรมกรว่าเป็น A Dyke
คำนี้น่าเกลียดมากที่จะเรียกเลสเปี้ยน เทียบเท่ากับการเรียกเกย์อย่างหยาบคายว่าเป็น A Faggot
          (Dyke/ไดค์นั้นแปลว่า”เขื่อนหรือกำแพงกั้นน้ำ”หมายความว่าแข็งแรงและทื่อ ๆ แบบทอม …แฟ๊กก๊อตหมายความถึงเชื้อฟืนที่ก่อไฟ
ฉะนั้นเวลาเกย์ดัดจริตกันอย่างจัดจ้าน ก็จะเรียกกันว่า [a] flaming faggot คือเชื้อฟืนที่ลุกเป็นไฟ คงหมายถึงการเดินดิ้น ส่ายไปส่ายมา)
          
Happy 99th Birthday to Dick Van Dyke

[เทาชมพู]

[เทาชมพู]

[SILA]

ภาพจากฟบ. Anucha Thirakanont     

         ช่างเชื่อมรัก kintsuji คินซึงิ ซ่อมงานกระเบื้องที่แตกร้าว เป็นการยอมรับความงามที่ไม่สมบูรณ์

คำโปรยจากหนังสือ วะบิ ซะบิ Wabi Sabi ความงดงามในความไม่สมบูรณ์แบบ

ใบไม้ร่วง ริ้วรอยแห่งวัย ถ้วยชามแตกบิ่น และแม้ความผิดหวังเจ็บปวดในชีวิต ล้วนมีคุณค่างดงาม
ที่แทรกไว้ในร่องรอยของประสบการณ์และกาลเวลา
การมองเห็น เข้าใจ และยอมรับธรรมชาติของความไม่สมบูรณ์แบบ จะช่วยให้เราก้าวพ้นจากหลุมพราง
ทางความคิดที่ทำให้ชีวิตเครียดเคร่ง ไม่ว่าจะเป็นความเครียดที่เกิดจากความคาดหวังของผู้คนรอบตัว หรือความคาดหวังของตัวคุณเองก็ตาม   

วะบิ ซะบิ คือแนวคิดการใช้ชีวิตที่งดงามเรียบง่าย โดยยอมรับความไม่สมบูรณ์แบบและความไม่ยั่งยืนของทุกสิ่ง

[SILA]

        ของรักหักแตกร้าว           ถึงคราวเลือกผสานหรือทิ้ง

ครวญคนึงถึงความจริง              ทุกสิ่งย่อมเปลี่ยนปรวนแปร

        ใช้รักเชื่อมประสาน          รอยรานติดสนิทแน่

แม้เห็นเป็นรอยแผล                 แต่งามความไม่สมบูรณ์

[เทาชมพู]

      พิษสงของ AI  และ Deepfake  ที่แผลงฤทธิ์ล่าสุด เป็นข่าวดังไปทั่วโลกคือมิจฉาชีพเอาหน้าตาดารารูปหล่อแบรด พิตต์ ไปสวมรอยหลอกผู้หญิงคนหนึ่งจนเธอแทบสิ้นเนื้อประดาตัว   กลายเป็นโรคซึมเศร้าอย่างรุนแรง พยายามฆ่าตัวตายถึง 3 ครั้ง
      ผู้หญิงคนนี้เพิ่งเปิดเผยเรื่องราวของเธอผ่านรายการ Seven to Eight ทางช่อง TF1 ของฝรั่งเศส
      เธอชื่อ“อานน์”(Anne)  อายุ 53 ปี   ภรรยาเศรษฐีนักธุรกิจซึ่งชีวิตคู่ไม่ลงรอยกันมา 2 ปีแล้ว    สองปีก่อนครอบครัวเธอไปเล่นสกีที่แถบเทือกเขาแอลป์ของฝรั่งเศส   ถ่ายรูปสวยๆเอาไว้มาก    
      ก่อนหน้านี้  อานน์ไม่ค่อยมีความรู้เรื่องโซเชียลมิเดีย แต่ก็เริ่มหัดใช้แพลตฟอร์ม “อินสตาแกรม” เพื่อแชร์รูปวิวสวยๆที่ไปถ่ายมาระหว่างเล่นสกี
       หลังจากโพส  ก็มีผู้ใช้นามว่า เจน เอตตา พิตต์ ซึ่งเป็นชื่อของแม่ของ แบรด พิตต์  เข้ามาโพสชมภาพของเธอก่อนจะเริ่มคุยกันอย่างถูกคอ      จากนั้นสักพัก เจนบอกอานน์ว่า “ลูกชายฉันควรเจอผู้หญิงแบบคุณ   คุณคือผู้หญิงในแบบที่เขาแสวงหาเป๊ะเลย“ แล้วเจนก็บอกว่าพรุ่งนี้จะให้แบรดติดต่อมา
       ต่อมาชายที่ใช้ชื่อว่าวิลเลียม แบรดลีย์ซึ่งเป็นชื่อจริงของพิตต์ ทักมาจริงๆ  เขาบอกว่าแม่เขาแนะนำให้เขาติดต่อเธอมา เพราะแม่ถูกชะตากับเธอมาก    ตอนแรกอานน์ก็ไม่ค่อยเชื่อ แต่ก็ลองคุยดู  รู้สึกถูกคอ  ไม่เห็นมีพิษภัยอะไรก็เลยคุยต่อกันมาเป็นประจำ
      เขาเป็นผู้ชายอ่อนหวาน ชอบบทกวี  เอาใจใส่สนใจแม้เรื่องเล็กๆน้อยๆของเธอ  ซึ่งเธอไม่เคยได้รับจากสามี    เธอก็เริ่มยึดเขาเป็นที่พึ่งทางใจโดยเฉพาะเมื่อเธอกำลังหย่าขาดจากสามี
     ชายที่อ้างว่าเป็นแบรด พิตต์ติดต่อกับเธออย่างสม่ำเสมอ   ถ้างานเขายุ่งจนโทรไม่ได้เขาก็จะส่งข้อความ รูป และคลิปต่างๆของเขามาให้   แม้แต่รูปถ่ายส่วนตัวของเขาที่ไม่ได้ตีพิมพ์ในสื่อ เธอก็ได้รับ
     เขาตั้งใจจะส่งของขวัญให้เธอเป็นกระเป๋าหรูจาก Louis Vuitton, Hermès และ Chanel โดยให้แอนน์เลือกเองจากรูปช็อปปิ้ง   แต่ในการส่งข้ามประเทศ เธอต้องจ่ายค่าภาษีศุลกากรเองเป็นเงิน 9,000 ยูโร (3.2 แสนบาท) อานน์ก็ดีใจและเต็มใจจ่าย    โดยไม่ได้เฉลียวใจสงสัยเลยว่าแบรนด์ทั้งหลายที่ว่า มันก็ของผลิตในฝรั่งเศส  ทำไมจะต้องจ่ายภาษีขาเข้า   แล้วผู้ชายอเมริกันคนไหนจะเลือกซื้อกระเป๋าฝรั่งเศสที่มีขายในอเมริกา ส่งมาให้ผู้หญิงฝรั่งเศสที่อยู่ห่างร้านขายไปไม่กี่ก้าว     ส่งเงินมาให้ไปซื้อเองไม่ดีกว่าหรือ
    ที่สำคัญ  กระเป๋าหรูนั้นเกิดเหตุขัอข้อง  ล่องหนไประหว่างทาง  ส่งไม่ถึงมืออานน์    หายไปพร้อมกับเงิน 9000 ยูโร จับมือใครดมไม่ได้
     ครั้งหนึ่ง  อานน์เกิดระแวงขึ้นมาว่าเขาไม่ใช่แบรด พิตต์ตัวจริง  เขาก็ยืนยันด้วยการถ่ายพาสปอร์ตส่งมาให้   เขาแนะนำให้เธอรู้จักเพื่อนสนิทเช่น Jeremy Kleiner ซึ่งเป็นหุ้นส่วนและผู้บริหารบริษัทหนังของแบรด พิตต์    นายคนนี้ก็เคยส่งข้อความมาทักทายเธอ   ทำให้เธอกลับไปเชื่อเต็มร้อย

[เทาชมพู]

    เมื่อความสัมพันธ์ออนไลน์ระหว่างแม่กับแบรด พิตต์รู้ไปถึงหูลูกสาว      หญิงสาวผู้รู้จักภัยของโลกเสมือนได้ดีกว่าแม่ก็พยายามเตือนแม่หลายครั้งว่าแม่กำลังถูกหลอก    ดาราฮอลลีวู้ดน่ะหรือเขาจะมาจีบแม่อย่างใหลหลงขนาดนี้   หน้าตาตัวเป็นๆก็ยังไม่เห็นกันสักครั้ง     แต่อานน์ไม่เช่ื่อลูกแม่แต่คำเดียว   ทำให้ทั้งคู่ทะเลาะกันอย่างหนัก จนลูกไม่ยอมคุยกับแอนน์อยู่ 2-3 เดือน
    อานน์บอกลูกด้วยความมั่นใจว่า
    “คอยดู เมื่อแบรด พิตต์ตัวเป็น ๆ มายืนอยู่ตรงหน้า  ลูกจะต้องขอโทษแม่”
    ชีวิตสมรสของอานน์จบลง   เธอเล่าทุกขั้นตอนให้แบรด พิตต์ฟัง  รวมทั้งค่าเลี้ยงดูจากอดีตสามีเป็นเงิน 775,000 ยูโร (28 ล้านบาท) เธอก็บอกให้เขารู้เช่นกัน
    จากนั้นอีกแป๊บเดียว  แบรด พิตต์ก็ขอเธอแต่งงาน อานน์ตอบรับด้วยสุดแสนจะปลื้มใจ   ตกลงจะบินไปแต่งงานที่แอล เอ แต่ก่อนหน้านี้เขาจะเป็นฝ่ายเดินทางมาหาเธอ    อานน์ก็รอรับอยู่ จนได้รับข่าวร้ายว่าเขาป่วยกะทันหันต้องเข้าโรงพยาบาล   หมอตรวจพบว่าเป็นมะเร็งที่ไต
     ปัญหาคือดาราใหญ่อย่างแบรด พิตต์ตกที่นั่งถังแตก  เพราะแอนเจลินา โจลี อดีตภรรยาที่กำลังฟ้องหย่ากันอยู่ทำคำร้องให้ศาลอายัดบัญชีธนาคารทั้งหมดของเขา เพื่อไม่ให้เคลื่อนย้ายสินสมรส   ทำให้เขาไม่สามารถเบิกเงินออกมาเป็นค่ารักษา
      อานน์ได้รับอีเมลที่ลงชื่อนายแพทย์ผู้รักษาแบรด    ส่งให้เธอในฐานะคู่หมั้น  ยืนยันว่าแบรดกำลังต่อสู้กับมะเร็งที่ลุกลามหนักต้องผ่าตัดด่วน มิฉะนั้นจะไม่รอด    อานน์จึงไม่ลังเลที่จะส่งเงินค่ารักษาและผ่าตัดให้เขา เพื่อช่วยชีวิตว่าที่เจ้าบ่าวของเธอ     

[เทาชมพู]

     อานน์หมดเงินค่ารักษาที่ส่งไปให้แบรด  เป็นเงิน  830,000 ยูโร (29.7 ล้านบาท)  เขาให้เธอโอนเงินไปเข้าบัญชีที่ประเทศตุรกีแทนที่จะเป็นอเมริกา  (ซึ่งเขารักษาตัวอยู่)  โดยอ้างว่าเพื่อไม่ให้ถูกอายัดเงิน    อานน์ก็เชื่อ
     ต่อมาเธอเห็นข่าวในสื่อว่าแบรด พิตต์กำลังควงอยู่กับสาวหน้าใหม่  ชื่ออิเนส  เด ราโมน  เธอหึงหวงมาก  รีบติดต่อไปหาเขา  ครั้งแรกเขาปฏิเสธว่าข่าวไม่จริง  ครั้งที่สองเขาอ้างว่ามือถือแบตหมดต้องวาง    หลังจากนั้นเขาก็หายตัวไปเลย ติดต่อไม่ได้อีก
    จากนั้นเมื่อค้นหาข้อมูล  เธอก็พบว่าแบรด พิตต์ตัวจริงคบหากับแฟนใหม่มานานแล้ว  และไม่เคยป่วยเป็นมะเร็งหรือโรคอื่นใด    ตลอดเวลา 1 ปีกว่าที่ติดต่อกัน  เธอตกเป็นเหยื่อมิจฉาชีพที่หลอกลวงให้รัก เพื่อสูบเอาเงินจนสิ้นเนื้อประดาตัว
  อานน์ได้แต่ตั้งคำถามว่า เหตุใดพวกเขาถึงเลือกทำร้ายเธอเช่นนี้ ทั้งที่เธอก็ไม่เคยทำร้ายใคร พวกที่มาหลอกลวงเหล่านั้นควรตกนรก    เธอตัดสินใจแจ้งความ  แล้วไปออกรายการโทรทัศน์เพื่อแฉเรื่องนี้ให้ผู้คนรูิ   แต่แทนที่จะได้รับความเห็นใจ    เธอกลับถูกกระหน่ำซ้ำเติมจากชาวเน็ตอย่างรุนแรงว่าเป็นตัวตลก  โง่   หลงผู้ชายจนทิ้งสามี  ฯลฯ  ชาวฝรั่งเศสเอาเรื่องแบรด พิตต์ปลอมไปเป็นเรื่องตลกล้อเลียนกันแพร่หลาย
    อานน์ได้รับความกดดันมากจนต้องเข้าโรงพยาบาลรักษาอาการป่วยซึมเศร้า   ทางทีวีถอดรายการนี้ออกไม่ให้ได้ดูกันอีก   เพราะจะเป็นการซ้ำเติมผู้เคราะห์ร้ายเกินไป   และกล่าวขอโทษเธอด้วย