เรือนไทย
ยินดีต้อนรับ ท่านผู้มาเยือน
กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
ส่งอีเมล์ยืนยันการใช้งาน?
ข่าว: การแนบไฟล์ กรุณาใช้ชื่อไฟล์ภาษาอังกฤษเท่านั้นครับ
หน้า: 1 ... 19 20 [21] 22 23
  พิมพ์  
อ่าน: 60359 สัตว์ประหลาด ๖
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 41269

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 300  เมื่อ 19 ส.ค. 24, 11:31

เคยคิดเหมือนกันว่าคนโบราณที่เคยเจอปลาออร์ฟิช   มองเห็นความใหญ่ ยาว ครีบหลังและหงอนบนหัว น่าจะจินตนาการไปถึงพญานาค
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 41269

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 301  เมื่อ 19 ส.ค. 24, 11:35

บันทึกการเข้า
เพ็ญชมพู
หนุมาน
********
ตอบ: 16057



ความคิดเห็นที่ 302  เมื่อ 20 ส.ค. 24, 08:35

เป็นภาพน่าตะลึง ปลานี่ภพได้ยากนัก แอบคิดว่าตำนานมังกร พญานาคต่างๆ อาจจะมีเค้าแห่งความจริง มาจากการที่คนโบราณได้ปลาชนิดนี้รึเปล่า?

ครั้งหนึ่งคนไทยก็เคยเชื่อว่า น้องอํอเป็นพญานาค

น้องอ๋อตัวที่คนไทยรูจักกันดี เห็นจะเป็นตัวนี้



บรรยายภาพว่า

"นางพญานาค จับได้ที่แม่น้ำโขง โดย ทหารอเมริกาที่ตั้งฐานทัพอยู่ในประเทศลาว เมื่อวันที่ ๒๗ มิถุนายน ๒๕๑๖ ความยาวประมาณ ๗.๘๐ เมตร"

ปัจจุบันหัวของนางพญานาคยังเก็บรักษาไว้ที่ สถาบันสมุทรศาสตร์ทางทะเลสคริปป์ (Scripps Institution of Oceanography) ในเมือง La Jolla รัฐแคลิฟอร์เนีย ประเทศสหรัฐอเมริกา

ภาพและคำบรรยายที่ติดอยู่หน้าห้องเก็บตัวอย่าง

"SIO 96-82 ถูกพบที่ชายหาดของหน่วยบัญชาการสงครามพิเศษทางเรือ กองเรือยุทธการ ของสหรัฐอเมริกา ใกล้กับชายหาดโคโลนาโด รัฐแคลิฟอร์เนีย ในวันที่ ๑๙ กันยายน พ.ศ. ๒๕๓๙ (ค.ศ. ๑๙๙๖) มีความยาวประมาณ ๗.๓ เมตร"

ภาพจากบทความเรื่อง Naga of San Diego เรื่องและภาพโดย อาจารย์วิน (ดร.วัชรพงษ์ หงส์จำรัสศิลป์) ภาควิชาวิทยาศาสตร์ทางทะเล  คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย


บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 41269

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 303  เมื่อ 15 ม.ค. 25, 11:13

สาวโคลอมเบียว่ายน้ำในทะเลสาบ ถูกคาปิบารากัด-กดให้จมน้ำ โชคดีมีคนช่วยทัน

วันที่ 15 มกราคม 2568 เว็บไซต์  Daily Mail รายงานเหตุการณ์ นาทีช็อก หญิงรายหนึ่งถูกคาปิบาราโจมตี ขณะว่ายน้ำในทะเลสาบที่เมืองเซียเนกา ทางตอนเหนือของโคลอมเบีย  คลิปวิดีโอแสดงให้เห็นว่าการพายเล่นกับสัตว์ฟันแทะขนาดใหญ่กลับกลายเป็นเหตุการณ์น่าหวาดเสียว เมื่อมันพุ่งเข้าใส่หญิงสาวและโจมตีเธอ

โดยในภาพจากโทรศัพท์มือถือ หญิงสาวพยายามยกนิ้วเตือนเจ้าสัตว์ให้รักษาระยะห่างจากเธอ ทันใดนั้นเจ้าคาปิบารากระโจนขึ้นหลังเธอและดูเหมือนจะกัดศีรษะของเธอ ก่อนที่เธอจะจมลงไปในน้ำ เสียงร้องของหญิงสาวดังขึ้นขณะที่เจ้าคาปิบาราตัวนี้พยายามกัดเธอ

โชคดีที่ มีชายคนหนึ่งมาถึงฝั่งและคว้าไม้เพื่อปกป้องเขา ขณะที่เธอมาถึงฝั่งพร้อมร้องไห้สะอื้น  ในขณะที่เจ้าคาปิบารากลับไปลอยตัวอย่างสงบในทะเลสาบ
https://www.naewna.com/inter/853404

บันทึกการเข้า
เพ็ญชมพู
หนุมาน
********
ตอบ: 16057



ความคิดเห็นที่ 304  เมื่อ 08 ก.พ. 25, 18:35

วันที่ ๒๖ มกราคม ๒๕๖๗ ทีมนักชีววิทยาทางทะเลจากองค์กร NGO Condrik Tenerife ได้บันทึกภาพปลาตกเบ็ดปีศาจดำ (black devil anglerfish) หรือ ปลาตกเบ็ดหลังค่อม (humpback anglerfish) ชื่อวิทยาศาสตร์คือ Melanocetus johnsonii  (คำหน้าเป็นชื่อสกุล (genus) มาจากภาษากรีกแปลว่า "ปีศาจทะเลสีดำ" ส่วนคำหลังเป็นชื่อชนิด (spicies) มาจากชื่อนักธรรมชาติวิทยาชาวอังกฤษ James Yate Johnson ซึ่งเป็นผู้ค้นพบปลาชนิดนี้เป็นคนแรก) ปลาชนิดนี้เป็นนักล่าที่น่าเกรงขามแห่งท้องทะเลลึก ใช้เหยื่อเรืองแสงซึ่งเต็มไปด้วยแบคทีเรียที่อาศัยอยู่ร่วมกัน เพื่อดึงดูดเหยื่อในความลึกอันมืดสนิทของมหาสมุทร ปรกติจะพบได้ที่ความลึกประมาณ ๒๐๐-๑,๕๐๐ เมตร ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่พบเจ้าปีศาจดำตัวนี้ในเวลากลางวันใกล้ผิวน้ำ โดยห่างจากชายฝั่งของเกาะเทเนรีเฟ (Tenerife) ของสเปนไปเพียง ๒ กิโลเมตร

Laia Valor นักชีววิทยาทางทะเล เล่าว่า "ขณะที่กำลังเดินทางกลับท่าเรือ เธอเห็นอะไรบางอย่างสีดำในน้ำซึ่งดูไม่เหมือนพลาสติกหรือเศษซากใด ๆ เราใช้เวลาอยู่กับมันสองสามชั่วโมง มันอยู่ในสภาพที่ย่ำแย่และรอดชีวิตได้เพียงไม่กี่ชั่วโมงเท่านั้น"

หลังจากปลาตาย ทีมวิจัยได้ขนย้ายปลาอย่างระมัดระวังในถังน้ำ ไปยังพิพิธภัณฑ์ธรรมชาติและโบราณคดี (the Museum of Nature and Archaeology - MUNA) ในเมือง Santa Cruz de Tenerife เพื่อทำการศึกษาเพิ่มเติมต่อไป

สาเหตุที่ทำให้ปลาชนิดนี้ขึ้นสู่ใกล้ผิวน้ำ เดาว่าอาจจะเกิดการการเจ็บป่วย กระแสน้ำที่เชี่ยวกราก หรือความพยายามที่จะหลบหนีจากอันตรายในถิ่นที่อยู่ใต้ทะเลลึก



บันทึกการเข้า
เพ็ญชมพู
หนุมาน
********
ตอบ: 16057



ความคิดเห็นที่ 305  เมื่อ 18 ก.พ. 25, 09:35

ดูจากรูปข้างบน บางท่านอาจจะคิดว่าเจ้าปีศาจทะเลดำตัวนี้มีขนาดใหญ่มาก แท้จริงตัวที่จับได้ที่สเปนตัวนี้มีขนาดยาวเพียง ๖ เซนติเมตร (ข้อมูลที่บันทึกไว้ Melanocetus johnsonii ตัวเมียใหญ่ได้ถึง ๑๘ เซนติเมตร ส่วนตัวผู้ยาวเพียง ๒.๙ เซนติเมตร *) ขนาดพอ ๆ กับตัวอย่างที่เก็บไว้ที่ พิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ธรรมชาติแห่งมหาวิทยาลัยแคนซัส (KU Natural History Museum)

* ข้อมูลจาก australian.museum

ภาพจาก Alex Maile


บันทึกการเข้า
เพ็ญชมพู
หนุมาน
********
ตอบ: 16057



ความคิดเห็นที่ 306  เมื่อ 18 ก.พ. 25, 18:35

ความรักอันแสนประหลาดของปลาตกเบ็ด (Anglerfish): ฝังร่างไว้ในกายเธอ

ปลาตกเบ็ดปีศาจดำ (Melanocetus johnsonii) ปัจจุบันมีเพื่อนพ้องน้องพี่ในท้องสมุทร มากกว่า ๒๐๐ สายพันธุ์

ในท้องทะเลลึกที่เวิ้งว้างและมืดมิด การหาคู่ในสถานที่เช่นนี้ถือเป็นงานที่ท้าทายเป็นอย่างยิ่ง ปลาตกเบ็ดเหล่านี้ได้ปรับตัวเพื่อแก้ปัญหานี้ได้อย่างน่าทึ่ง ปลาตกเบ็ดปีศาจดำ ตัวผู้มีขนาดเล็กมาก บางครั้งมีขนาดน้อยกว่าหนึ่งในสิบของตัวเมีย ตัวผู้จะตามหาตัวเมียโดยการตามกลิ่น เมื่อพบแล้วจะเกาะติดตัวเมียที่ท้องและปล่อยน้ำเชื้อเพื่อผสมพันธุ์ จากนั้นก็จะแยกตัวเพื่อหาคู่ตัวใหม่ต่อไป

ในปลาตกเบ็ดสายพันธุ์อื่น การเกาะติดของตัวผู้กับตัวเมีย ของบางสายพันธุ์อาจเกิดขึ้นถาวร เมื่อเวลาผ่านไป ระบบไหลเวียนโลหิตของตัวผู้จะรวมเข้ากับตัวเมียได้ ทำให้สามารถสร้างสเปิร์มได้ตามต้องการในขณะที่ได้รับสารอาหารจากร่างกายของตัวเมีย

แม้ว่าตัวผู้จะไม่สามารถล่าเหยื่อเองได้ แต่พวกมันมีบทบาทสำคัญอย่างยิ่งต่อการอยู่รอดของสายพันธุ์ นั่นคือการปล่อยสเปิร์มให้กับตัวเมียอย่างต่อเนื่อง ซึ่งช่วยให้ไข่ของตัวเมียสามารถปฏิสนธิได้ตลอดชีวิต

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมที่ discovermagazine.com





ปลาตกเบ็ด มีขนาดต่างกันตามแต่สายพันธุ์ ดังตัวอย่าง Ceratias holboelli และ Melanocetus johnsonii เก็บไว้ที่ พิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ธรรมชาติแห่งมหาวิทยาลัยแคนซัส (KU Natural History Museum)

ภาพจาก Alex Maile


บันทึกการเข้า
เพ็ญชมพู
หนุมาน
********
ตอบ: 16057



ความคิดเห็นที่ 307  เมื่อ 06 มี.ค. 25, 09:35

เรื่องแปลก ๆ เกี่ยวกับสัตว์ทะเลมีอย่างต่อเนื่อง คราวนี้เกิดที่เมืองไทย ยิงฟันยิ้ม

เมื่อวานนี้ (๒๐ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๗) คุณสุวรรณา แซ่ฮึง โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กว่า "กุ้งต็อกหรือกั้งต็อก  หลาย ๑๐ ปี พึ่งเคยเจอ ใครอยากได้มาช้อนเอาเลย"

กุ้งต๊อก หรือ กั้งต๊อก ของคุณสุวรรณา คือ กั้งหางแดง หรือ แม่หอบอ่อน ซึ่งขึ้นมาลอยตัวบนผิวน้ำจำนวนมาก บริเวณจุดชมวิวแหลมแท่น ชายหาดบางแสน  ตำบลแสนสุข อำเภอเมือง จังหวัดชลบุรี


มาตามนัด สร้างความฮือฮาต้อนรับฤดูร้อน แม่หอบอ่อน รวมตัวกันอีกครั้งที่แหลมแท่น บางแสน



ภาพจาก สถาบันวิทยาศาสตร์ทางทะเล มหาวิทยาลัยบูรพา


บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 41269

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 308  เมื่อ 11 เม.ย. 25, 08:48

นักวิจัยจาก Colossal Biosciences บริษัทเทคโนโลยีชีวภาพและพันธุวิศวกรรมของสหรัฐ ให้กำเนิด “หมาป่าไดร์วูล์ฟ” (Dire Wolf) ซึ่งสูญพันธุ์ไปเมื่อกว่า 10,000 ปีก่อน ด้วยเทคนิค “การดัดแปลงพันธุกรรม”

ลูกหมาป่าไดร์วูล์ฟที่ Colossal Biosciences เพิ่งให้กำเนิดมีทั้งหมด 3 ตัว โดยเป็น ตัวผู้ 2 ตัวอายุ 6 เดือน ชื่อ โรมุลุส (Romulus) และ รีมัส (Remus) ส่วนตัวเมียอายุ 3 เดือน ชื่อ คาลีซี (Khaleesi)

เบ็น แลมม์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของบริษัท Colossal กล่าวถึงการพัฒนาครั้งนี้ว่าเป็นก้าวสำคัญที่ยิ่งใหญ่

“ผมภูมิใจในทีมงานมาก แต่โครงการนี้จะเป็นเพียงตัวอย่างแรก จากหลาย ๆ โครงการที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ซึ่งแสดงให้เห็นว่าเทคโนโลยีการนำสิ่งมีชีวิตที่สูญพันธุ์กลับมามีชีวิตอีกครั้งสามารถทำได้จริง” แลมม์กล่าว

นักวิทยาศาสตร์ทำการการตรวจสอบและสกัดดีเอ็นเอจากฟอสซิลหมาป่าไดร์วูล์ฟหลายชิ้น ทั้งจากฟันหมาป่าไดร์วูล์ฟอายุ 13,000 ปีที่ขุดพบในโอไฮโอ และชิ้นส่วนกะโหลกศีรษะอายุ 72,000 ปีที่พบในไอดาโฮ จากนั้นทีมงานได้เปรียบเทียบจีโนมหมาป่าไดร์วูล์ฟกับจีโนมของสุนัขป่า เช่น หมาป่า จิ้งจอก และสุนัขจิ้งจอก เพื่อระบุรูปแบบทางพันธุกรรมสำหรับลักษณะเฉพาะของหมาป่าไดร์วูล์ฟ เช่น ขนสีขาวและขนยาวและหนา

จากนั้น บริษัทใช้ข้อมูลจากการวิเคราะห์ทางพันธุกรรมเพื่อปรับเปลี่ยนเซลล์หมาป่าสีเทา โดยแก้ไข 20 ครั้งในยีน 14 ยีน เมื่อได้ยีนตามที่ต้องการ นักวิทยาศาสตร์นำเซลล์เม็ดเลือดจากหมาป่าสีเทาที่มีชีวิตมาใช้ในการตัดแต่งยีน ด้วยเทคโนโลยี CRISPR ให้มีความใกล้เคียงกับหมาป่าไดร์วูล์ฟ
พวกเขาถ่ายโอนวัสดุทางพันธุกรรมไปยังเซลล์ไข่ของสุนัขบ้าน เมื่อพร้อมแล้ว เอ็มบริโอจะถูกย้ายไปฝังในตัวของสุนัขบ้าน และ 62 วันต่อมา ลูกหมาป่าสีเทาที่ดัดแปลงพันธุกรรมให้คล้ายกับหมาป่าไดร์วูล์ฟก็ถือกำเนิดขึ้น โดยลูกสุนัขหมาป่าไดร์วูล์ฟตัวผู้ 2 ตัวเกิดเมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 2024 ส่วนลูกสุนัขตัวเมีย 1 ตัวเกิดเมื่อวันที่ 30 มกราคม 2025

เบธ ชาปิโร หัวหน้านักวิทยาศาสตร์ของ Colossal กล่าวว่า “ด้วยแนวทางที่ดีขึ้นในการกู้คืนดีเอ็นเอโบราณ ความก้าวหน้าทางการคำนวณเหล่านี้ ทำให้เราสามารถแก้ไขประวัติวิวัฒนาการของหมาป่าไดร์วูล์ฟและสร้างรากฐานจีโนมสำหรับการคืนชีพ โดยเฉพาะการคัดเลือกสายพันธุ์เฉพาะของหมาป่าไดร์วูล์ฟอย่างมั่นใจ ซึ่งกำหนดเป้าหมายสำหรับการแก้ไขยีนของเรา”

หมาป่าไดร์วูล์ฟสูญพันธุ์ไปเมื่อกว่า 10,000 ปีก่อน มีลักษณะเด่นของสายพันธุ์นี้ คือ ขนหนาและกรามที่แข็งแรง มีขนาดใหญ่กว่าหมาป่าสีเทา ซึ่งเป็นญาติที่ใกล้ชิดที่สุดของพวกมันในปัจจุบันมาก

ทั้งนี้ นักบรรพชีวินวิทยา ดร.นิค รอลเลนซ์ จากมหาวิทยาลัยโอทาโก อธิบายว่าดีเอ็นเอของหมาป่าไดร์วูล์ฟโบราณที่สกัดมาจากซากฟอสซิล เสื่อมสภาพและได้รับความเสียหายเกินกว่าที่จะคัดลอกหรือโคลนได้ทางชีวภาพ

“ดีเอ็นเอโบราณเหมือนกับว่าคุณใส่ดีเอ็นเอสดในเตาอบที่อุณหภูมิ 500 องศาข้ามคืน มันแตกออกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย เหมือนเศษชิ้นส่วนและฝุ่น ดังนั้น สิ่งที่ Colossal สร้างจึงเป็นหมาป่าสีเทา แต่ก็มีลักษณะบางอย่างเหมือนหมาป่าไดร์วูล์ฟ เช่น หัวกะโหลกที่ใหญ่กว่าและขนสีขาว หมาป่า 3 ตัวนี้จึงเป็นลูกผสม” ดร.รอลเลนซ์กล่าวกับ BBC News



https://www.bangkokbiznews.com/environment/1175128


บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 41269

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 309  เมื่อ 11 เม.ย. 25, 08:49

ของไทยเราก็โคลนนิ่งสำเร็จเหมือนกัน  ฮืม
บันทึกการเข้า
ธสาคร
พาลี
****
ตอบ: 364


ความคิดเห็นที่ 310  เมื่อ 28 เม.ย. 25, 06:45

ของไทยเราก็โคลนนิ่งสำเร็จเหมือนกัน  ฮืม

อันจากยูทู้บเป็นการเก็บDNAจากซากสด ซึ่งต่างจากกรณีหมาป่าไดร์วูล์ฟเป็นอย่างมาก // เจ้าของอยากได้สุนัขใหม่ที่มีลักษณะเหมือนสุนัขเดิมทุกประการ อาจเก็บDNAไว้ตั้งแต่สุนัขป่วย(ยังไม่ตาย) // วิธีการประมาณนี้ครับ ดูดนิวเคลียสของสุนัขเก่าเก็บไว้ ซึ่งในนิวเคลียสจะมีDNAครบทั้งยวง (ไม่ต้องตัดต่อพันธุกรรม ไม่ต้องกลัวว่าDNAจะไม่ครบ) // เอาไข่ที่ผสมอสุจิแล้วจากสุนัขตัวใดก็ได้ เอามาดูดนิวเคลียสออก แล้วฉีดนิวเคลียสเป้าหมายเข้าไปแทน // กรณีหมาป่าไดร์วูล์ฟ น่าเป็นการตีปี๊บเรียกแขกมากกว่า ยังไม่สามารถชุบชีวิตหมาป่าไดร์วูล์ฟได้จริงๆ // Colossal Biosciences ใช้DNAของสุนัขปัจจุบันเป็นตัวยืนพื้น แล้วเอาDNAบางท่อนที่แสดงผล(ลักษณะปรากฏ)ละม้ายหมาป่าไดร์วูล์ฟ สวมเข้าไปแทน เช่นDNAขนสีขาว DNAตัวใหญ่ // ทั้งที่จริง หมาป่าไดร์วูล์ฟย่อมมีอะไรๆๆอีกมากที่นักวิทย์ไม่รู้จัก (หาฟอสซิลกระดูกครบทุกชิ้นแล้วหรือยังเถอะ) ขนาดว่าแมมมอธมีกระดูกครบทุกชิ้น เครื่องในทุกชิ้น มีแม้กระทั่งขน ยังโคลนนิ่งไม่ได้เลย
บันทึกการเข้า
ธสาคร
พาลี
****
ตอบ: 364


ความคิดเห็นที่ 311  เมื่อ 28 เม.ย. 25, 06:48

Gary Galbreath ตีพิมพ์ผลงานใน Journal of the Bombay Natural History Society ตีพิมพ์ 30-8-2019 รายงานว่าค้นพบเขาสมัน (เป็นซากใหม่ มีเลือดติด) ในประเทศลาว โดยเป็นการวิเคราะห์จากรูปที่ถ่ายโดย United Nations agronomist Laurent Chazée เมื่อปลายปี1990
.
https://phys.org/news/2019-09-evidence-rare-deer-years-extinction.html


คลิกที่รูปเพื่อขยาย/ย่อ
บันทึกการเข้า
เพ็ญชมพู
หนุมาน
********
ตอบ: 16057



ความคิดเห็นที่ 312  เมื่อ 28 เม.ย. 25, 09:35

บทความเรื่อง Evidence of Late Survival of Schomburgk's Deer Rucervus schomburgki in Central Laos ซึ่งเผยแพร่ใน Journal of Bombay Natural History Society, Volume 116, (2019) บ่งชี้ว่า สมันยังคงมีชีวิตอยู่ไม่น้อยว่าครึ่งศตวรรษ หลังจากถูกเพิ่มเข้าสู่รายชื่อสัตว์สูญพันธุ์ใน พ.ศ. ๒๔๘๑ (ค.ศ. ๑๙๓๘)

รายงานจากการศึกษาดังกล่าวระบุว่า คนขับรถบรรทุกรายหนึ่งในประเทศลาวได้ค้นพบซากเขากวางคู่หนึ่ง ซึ่งปรากฏลักษณะว่ายังอยู่ในสภาพใหม่ เมื่อช่วงต้นทศวรรษ ๑๙๙๐ ต่อมาเขาได้มอบซากเขากวางดังกล่าวให้แก่ร้านค้าแห่งหนึ่งในแขวงพงสาลี ทางตอนเหนือของประเทศลาว

ในเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๓๔ (ค.ศ. ๑๙๙๑) นายโลรองต์ ชาซี (Laurent Chazee) นักปฐพีวิทยาแห่งสหประชาชาติ ได้บันทึกภาพซากเขากวางดังกล่าวไว้  และศาสตราจารย์แกรี่ กัลเบรธ (Gary Galbreath) ศาสตราจารย์ด้านชีววิทยาประจำวิทยาลัยศิลปศาสตร์และวิทยาศาสตร์ Weinberg แห่งมหาวิทยาลัยนอร์ทเวสเทิร์น (Northwestern University) และผู้ร่วมงานคือ นายจี.บี. ชโรริง (G.B. Schroering) ได้วิเคราะห์สภาพทางกายภาพของซากเขากวางจากภาพถ่ายเหล่านั้น จากลักษณะโครงสร้างของเขาที่มีการแผ่ขยายออกเป็นวงกว้างคล้ายตะกร้าและมีการแตกแขนงเป็นจำนวนมาก คณะทำงานวิจัยได้ระบุว่าซากเขากวางดังกล่าวเป็นของกวางสมัน

ศาสตราจารย์กัลเบรธยังได้ยืนยันว่าซากเขากวางดังกล่าวยังอยู่ในสภาพใหม่เมื่อได้รับการบันทึกภาพ ซากเขากวางซึ่งปรากฏร่องรอยเลือดแห้งสีแดงเข้มถึงน้ำตาลแดง ได้ถูกตัดออกจากส่วนหัวของกวาง สีของเลือดและสภาพของไขกระดูกที่เปิดออกเป็นข้อบ่งชี้ถึงอายุของซากเขากวาง

"ความเก่าแก่ของตัวอย่างซากเขากวางสามารถประเมินได้จากวัสดุต่าง ๆ อาทิ ไขกระดูกแห้งที่ยังคงติดอยู่ แม้แต่ร่องรอยของเลือดก็ยังคงปรากฏเป็นสีแดง ซึ่งจะเปลี่ยนเป็นสีดำเมื่อมีอายุมากขึ้น ในเขตร้อน ซากเขากวางจะไม่คงสภาพเช่นนี้ได้ แม้ในช่วงเวลาไม่กี่เดือน" ศาสตราจารย์กัลเบรธ ผู้เชี่ยวชาญด้านสัตว์ป่าในทวีปเอเชียกล่าว

แม้สถานการณ์ปัจจุบันของกวางสมันจะยังไม่ชัดเจนและน่ากังวลถึงความเป็นไปได้ในการสูญพันธุ์อย่างแท้จริง แต่เรื่องราวการค้นพบเขากวางในประเทศลาวเมื่อหลายสิบปีก่อนนั้น ยังคงเป็นสัญญาณแห่งความหวังและเป็นเครื่องเตือนใจอันสำคัญถึงความไม่แน่นอนของสถานะการสูญพันธุ์ของสิ่งมีชีวิต การศึกษาครั้งนี้กระตุ้นให้เกิดความพยายามในการสำรวจและอนุรักษ์สัตว์ป่าอย่างต่อเนื่อง เพื่อที่เราอาจจะค้นพบความหวังที่ซ่อนเร้น และรักษาไว้ซึ่งความหลากหลายทางชีวภาพอันล้ำค่าของโลก

จาก สำรวจโลก

บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 41269

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 313  เมื่อ 28 เม.ย. 25, 12:57

 น่าจะมีการสำรวจป่าในลาว เผื่อเจอสมันเป็นๆหลงเหลืออยู่
 แต่ถ้าเจอซากที่ยังไม่ถึงกับเก่าแก่   มีใครคิดจะโคลนนิ่งสมันขึ้นมาบ้างไหมคะ?
บันทึกการเข้า
เพ็ญชมพู
หนุมาน
********
ตอบ: 16057



ความคิดเห็นที่ 314  เมื่อ 29 เม.ย. 25, 18:35

มีญาติของสมัน (Rucervus schomburgki) อยู่ชนิดหนึ่งเป็นกวางพื้นเมืองของอินเดีย คือกวางบึงหรือกวางบาราซิงห์ (Rucervus duvaucelii)

กวางทั้ง ๒ ชนิดมีลักษณะลำตัวและเขาคล้ายกันมาก (โดยเฉพาะตัวเมียซึ่งไม่มีเขา แยกกันไม่ออกทีเดียว) จนนักสัตวศาสตร์บางท่าน เช่น ดอกเตอร์ เอ.อี. เบรม (Dr. A.E. Brehm) ชาวเยอรมัน เชื่อว่าสมันเป็นชนิดย่อยของกวางบึง ควรได้ชื่อว่า  Rucervus duvauceli siamensis หรือหากจะให้เกียรติแก่เซอร์โชมบวร์ก ก็ควรเรียกว่า Rucervus duvauceli shomburgki

หากใช้กวางบึงเป็นตัวยืน และใช้วิธีทำนองเดียวกับนำ หมาป่าไดร์วูล์ฟ (Dire Wolf) คืนชีพ เราก็อาจจะเห็นสมันคืนชีพได้บ้างกระมัง ?

ภาพซ้าย : อนุสาวรีย์สมันที่เขาดินวนา

ภาพขวา : กวางบึง/กวางบาราซิงห์/Barasingha

บันทึกการเข้า
หน้า: 1 ... 19 20 [21] 22 23
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2006, Simple Machines
Simple Audio Video Embedder

XHTML | CSS | Aero79 design by Bloc หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.049 วินาที กับ 19 คำสั่ง