เรือนไทย
ยินดีต้อนรับ ท่านผู้มาเยือน
กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
ส่งอีเมล์ยืนยันการใช้งาน?
ข่าว: การแนบไฟล์ กรุณาใช้ชื่อไฟล์ภาษาอังกฤษเท่านั้นครับ
หน้า: 1 ... 14 15 [16]
  พิมพ์  
อ่าน: 92179 เรื่องผีๆ และสิ่งลึกลับไร้คำอธิบาย
nathanielnong
อสุรผัด
*
ตอบ: 2156


ความคิดเห็นที่ 225  เมื่อ 19 พ.ค. 21, 15:41

อีกเรื่องเก่าแก่ที่รู้มาตั้งแต่เด็กที่แปลกดี

บันทึกการเข้า
เพ็ญชมพู
หนุมาน
********
ตอบ: 16060



ความคิดเห็นที่ 226  เมื่อ 22 พ.ค. 21, 10:17

เรื่องลึกลับของคุณโหน่ง

ที่บ้านผมมีงั่ง (ตอนนั้นไม่รู้จักชื่อนี พอเกิดเรื่องแล้วค่อยหาประวัติความเป็นมา) อยู่หนึ่งชิ้น เป็นของโบราณมาตั้งแต่สมัยคุณตาคุณยาย ผมเห็นมาตั้งแต่เกิด วางอยู่รวมกับพระพุทธรูปอื่น ๆ ตอนเด็ก ๆ เห็นแล้วอดคิดไม่ได้ว่า ทำไมพระองค์นี้ถึงได้ขี้ริ้วจัง ถามคุณยาย ท่านก็ไม่ทราบ บอกแต่ว่านึกไม่ออกว่าได้มาจากใครหรือตั้งแต่เมื่อไร (คุณตาตายก่อนผมเกิด)
 
วันหนึ่งนานมาแล้ว  ประมาณปี ๒๕๓๐ กว่า ๆ มีเรื่องร้ายเกิดขึ้นในบ้าน  บ้านหลังนี้เป็นของคุณตาและคุณยายซึ่งผมอยู่อาศัยมาตั้งแต่เกิด  เป็นบ้านไม้สักทองทรงโบราณตั้งอยู่บนเนื้อที่ประมาณ ๑ ไร่ในเขตวงเวียนใหญ่

เรื่องร้ายดังกล่าวเกี่ยวกับการตีรันฟันแทง (ช่วงเวลาที่เกิดเหตุนั้นคุณยายตายไปแล้ว  ส่วนคุณตาตายไปก่อนที่ผมจะเกิดเสียอีก  เหลือแต่ผมกับน้าสาวรวม ๒ คนในบ้านหลังใหญ่  ตอนนั้นเราดัดแปลงตึกแถวหน้าบ้านห้องหนึ่งมาทำเป็นโรงเรียนสอนขับรถยนต์) ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่เคยเกิดขึ้นในบ้านเรามาก่อน  เป็นเรื่องระหว่างคนในบ้าน (ครูสอนขับรถยนต์ที่เราจ้างมา) กับคนนอกบ้าน  เรื่องร้ายนี้เกิดขึ้นกลางดึกซึ่งผมหลับไปแล้วจึงไม่รู้เรื่อง
 
ตื่นเช้าขึ้นมา  ผมเดินผ่านหิ้งพระซึ่งเป็นแบบทำเอง คือเป็นชั้นสามเหลี่ยม ๓ ชั้นเข้ามุม ชั้นล่างสุดอยู่สูงจากพื้นประมาณช่วงสะโพก  ต่ำลงมามีโต๊ะวางเครื่องบูชาเช่นกระถางธูป เชิงเทียน และแก้วใส่น้ำ  หิ้งพระนี้ตั้งอยู่ชั้นบนของบ้าน  และอยู่หน้าห้องนอนของผม

ขณะเดินผ่านเพื่อจะลงบันไดไปชั้นล่าง  ตาผมเหลือบไปเห็นสิ่งผิดปกติเกิดขึ้นในแก้วน้ำบนโต๊ะวางเครื่องบูชา  กล่าวคือ ในแก้วนั้นมีงั่งนั่งจมน้ำอยู่โดยหันหน้าออก  ผมยืนตะลึงและขนลุกซู่กับภาพที่เห็นขึ้นมาทันที  

อย่างที่บอกว่า ปกติงั่งนั่งอยู่รวมกลุ่มกับพระพุทธรูปองค์อื่น ๆ บนหิ้งชั้นสามหรือชั้นล่างสุดซึ่งอยู่สูงขึ้นไปจากโต๊ะวางเครื่องบูชา  งั่งนี้ทำด้วยสัมฤทธิ์  ถ้าจะเกิดการพลัดหล่นลงมาลงแก้วน้ำที่อยู่ต่ำลงไป  แก้วต้องแตกแน่นอนด้วยน้ำหนักของงั่ง  

อย่างไรก็ตาม  ตามรูปการณ์แล้วไม่มีทางเป็นไปได้  ประการแรก งั่งไม่ได้นั่งหมิ่นอยู่ริมหิ้ง  ถ้าจะล้มก็ควรจะล้มลงบนพื้นของหิ้งนั้น  ไม่มีทางหล่นจากหิ้งลงมาได้  ประการที่สอง การที่งั่งทำด้วยสัมฤทธิ์มีน้ำหนัก  จึงเป็นไปได้ยากที่จะล้มได้ง่าย ๆ นอกจากจะมีใครปัด  ซึ่งชั้นบนของบ้านไม่มีใครขึ้นมา  มีผมครอบครองอยู่คนเดียว (น้าสาวนอนชั้นล่าง)  และประการสุดท้าย  ตำแหน่งที่งั่งนั่งก็อยู่คนละด้านกับแก้วน้ำ  กล่าวคืองั่งนั่งอยู่ด้านซ้ายบนหิ้ง  ส่วนแก้วน้ำวางอยู่ด้านขวาบนโต๊ะบูชา

สิ่งที่ผมเห็นในเช้านั้น  เหมือนมีใครจับงั่งมาแล้วค่อย ๆ หย่อนลงแก้วน้ำ  ผมสังเกตเห็นด้วยว่าน้ำในแก้วซึ่งปกติเป็นน้ำฝนตอนนี้มีสีเหลืองใสเหมือนน้ำเก๊กฮวย

ผมลงไปถามคนในบ้าน (น้าสาวกับครูสอนฯ) ก็ไม่มีใครรู้เรื่อง  ทุกคนเดินขึ้นมาดูให้เห็นกับตา  บอกว่าหิ้งพระนี้ผมเป็นคนดูแลแต่ผู้เดียว ไม่มีใครกล้าขึ้นมายุ่งเกี่ยว  แล้วพวกเขาก็เล่าเรื่องร้ายที่เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อคืนซึ่งผมไม่รู้เรื่องเพราะหลับไปก่อนให้ฟัง มันช่างประจวบเหมาะจริง ๆ  งั่งอยู่บนหิ้งมาเป็นเวลา ๖๐-๗๐ ปีอย่างสงบ  จู่ ๆ ก็เกิดอภินิหารขึ้นในช่วงเวลาเดียวกับเหตุร้ายที่ไม่เคยเกิดขึ้นในบ้านเรามาก่อน แปลกดี

บัดนี้ ผมก็ยังไม่ทราบความหมายของเรื่องมหัศจรรย์ในคืนนั้น

จากกระทู้ สมบัติเจ้าคุณตา


บันทึกการเข้า
nathanielnong
อสุรผัด
*
ตอบ: 2156


ความคิดเห็นที่ 227  เมื่อ 23 พ.ค. 21, 10:21

เล่าต่อ...

เหตุการณ์นั้นเกิดเมื่อราวกลาง ทศ.ที่ 30  ตอนนั้น อตน. เพิ่งเตาะแตะ  ยังไม่มีข้อมูลให้ค้นหา  ผมก็เลยไม่รู้ว่า สิ่งนั้น (หมายถึง งั่ง) เค้าเรียกว่าอะไร

เวลาผ่านมาถึงต้น ทศ.ที่ 40 ผมจึงสามารถหาข้อมูลจาก อตน. ได้ 

วันนึงผมได้พบกับ คนที่ใช้นามแฝงว่า ‘คนเก่า’  ผมเล่าเรื่องให้ฟังและแนบรูปให้ดู  ก็ได้ความเพิ่มเติมว่า  สิ่งดังกล่าวเรียกว่า งั่ง  เป็นเครื่องรางทางไสยศาสตร์  เพราะฉะนั้นห้ามวางร่วมกับพระพุทธรูป  แต่ที่ผ่านมา งั่ง นั่งเด่นร่วมกับพระพุทธรูปมาตั้งแต่ก่อนผมเกิดเสียอีก  แสดงว่าคุณตาคุณยายไม่รู้เรื่องพวกนี้เลย  แต่ก็ไม่เห็นใครเอ่ยเรื่องงั่งสำแดงฤทธิ์อะไรให้ฟัง  จนกระทั่งถึงวันนั้น

เวลาผ่านไปอีก 1 เพลิน  ผมก็ได้พบกับผู้มีความรู้อีกท่าน  เธอใช้นามแฝงว่า ‘ตาที่สาม’  ผมเล่าเรื่องเดิมพร้อมแนบรูปให้ดู  คุณตาที่สามตอบกลับมาพร้อมเบอร์โทรให้ผมโทร. ไปคุย  เป็นเบอร์มือถือ

เนื่องจากผมไม่มีมือถือ  ก็ไปหน้าด้านขอยืมเพื่อนมาโทร.  ในช่วงเวลาดังกล่าวมือถือกำลังพัฒนา  สัญญาณไม่ค่อยดีเสียงขาด ๆ หาย ๆ

คุณตาที่สามรับสาย  เสียงที่ได้ยินเอะอะจอแจมาก  ฟังไม่ค่อยออก  เธอบอกว่าเปิดร้านขายพระอยู่ที่สวนจัตุจักร

พอได้คุยกัน  เธอก็เอ่ยก่อนว่าผมที่ความสามารถพิเศษและเสริมว่า  ต่อไปธรรมะจะเข้ามาจัดสรร  ผมจะต้องเลือกเอาว่าจะไปทางไหน

ผมฟังแล้วก็งง  มันไม่ใช่เรื่องที่ผมหวังจะได้ยิน  ธรรม้งธรรมะอะไรกัน  ไม่รู้จัก

จากนั้นคุณตาที่สามบอกว่าให้ผม ‘project’ รูป งั่ง ให้ดูหน่อย

เธอใช้คำว่า project นี่แสดงว่าคุณตาที่สามไม่ใช่ชาวบ้านธรรมดา

ผมสามารถ project ภาพได้  ก็ทำให้ดู (ทางมือถือ)

สักพัก คุณตาที่สามก็พึมพำว่า ‘เห็นแล้ว’  เดี๋ยวจะขอคุยซักหน่อย
 
ผมฟังอยู่ทางปลายสาย  รู้สึกตื่นเต้นสุดขีด
 
แผล็บเดียว  ก็ได้ยินเสียงเธอพูด ‘มาแล้ว  หน้าถมึงทึงมาเชียว’

ฟังแค่นี้ผมก็ใจหาย (ชห.แล้ว) ทำเค้าโกรธรึเปล่าเนี่ย  หาเหาซะละกู

ผมก็พยายามเงี่ยหูฟัง  ว่าปลายสายฝั่งโน้นคุยอะไรกันบ้าง เสียงเอะอะจอแจเป็นอุปสรรคที่ฟังอะไรไม่ได้ศัพท์เลย  อีกทั้งคุณตาที่สามก็ไม่ได้เอามือถือจ่อไว้ที่ปาก

อีก 1 แป๊บ  เธอก็กลับมาคุยกับผม  เธอบอกว่า

สิ่งที่อยู่ในงั่งเป็นพรานป่า (ที่หน้าถมึงทึง เพราะเป็นหน้าปกติของพรานป่าฆ่าสัตว์)  มีชื่อว่า ....  เธอบอกว่าเพราะฆ่าสัตว์ตัดชีวิตเลยต้องรับกรรม คนที่ได้เค้าไปถ้าเป็นคนดี  เค้าจะเสริม  ถ้าเป็นคนชั่ว  เค้าก็จะเสริมเช่นกัน

เท่าที่นึกออก  ข้อมูลมีเท่านี้  แต่ก่อนจะไปเค้าฝากบอกผมว่า  ถ้ากินฝรั่งเมื่อไรให้นึกถึงเค้าด้วยเพราะเค้าชอบฝรั่ง  ส่วนสีชอบสีแดง

ผมฟังแล้วอ้าปากค้าง  ผมชอบกินฝรั่งที่สุด  ส่วนสีก็สีแดงเป็นสีประจำตัว  จะถูกจะแพงเอาแดงเข้าว่า  ทำนองนั้น
บันทึกการเข้า
เพ็ญชมพู
หนุมาน
********
ตอบ: 16060



ความคิดเห็นที่ 228  เมื่อ 06 มิ.ย. 21, 10:08

เรื่องลึกลับของคุณโหน่ง (๒)

มีครั้งหนึ่งผมไปเที่ยวอียิปต์  ระหว่างที่เดินเที่ยวอยู่ที่ปิรามิดขั้นบันไดที่เมือง Sakkara ผมเก็บหิน alabaster ก้อนเล็ก ๆ กลับมาบ้านเป็นที่ระลึก  ผมได้ยินคำเตือนมานักต่อนักว่าไปเที่ยวสถานที่ประวัติศาสตร์แบบนี้อย่ามือบอนเก็บไอ้นู่นไอ้นี่กลับมาบ้านเดี๋ยวจะเกิดเรื่อง  ไม่ใช่ว่าผมไม่เชื่อ  แต่ผมอยากลองดู



หลังจากกลับมาบ้านเรียบร้อย  ผมก็เริ่มทดสอบ  

ปกติผมจะนั่งสมาธิเป็นประจำอยู่แล้ว  เป็นการนั่งแบบไม่มีครูสอนจึงไม่รู้ว่าหลักการเป็นอย่างไร  ในเวลานั้นผมยังไม่รู้จัก ‘อานาปานสติ’  การนั่งสมาธิของผมจึงเป็นการนั่งไปเรื่อย ๆ  คิดเรื่อยเปื่อยบ้างไม่คิดบ้าง  จนถึงจุดหนึ่งสมองคงล้ามันก็เลิกคิดแล้วก็นิ่งเงียบ  ต่อจากนั้นผมจะรู้สึกเคลิ้ม ๆ เหมือนกับจะหลับแต่ยังไม่หลับ  มันครึ่ง ๆ กลาง ๆ ตอนนี้แหละผมจะเห็นอะไรต่อมิอะไรมากมายล้วนจับต้นชนปลายไม่ถูก  ที่บ่อยที่สุดคือไปอยู่ในสถานที่แปลก ๆ ที่ไม่เคยเห็นมาก่อน  หรือเห็นผู้คนมากมายซึ่งก็ไม่เคยเห็นหน้ามาก่อนเช่นกัน
  
ตอนแรกผมนึกว่าสมองเริ่มต้นคิดใหม่เกิดเป็นภาพ  แต่จากนิมิตผู้คนที่ผมเห็นนั้นช่วยยืนยันว่าผมไม่น่าจะคิดเอง  เป็นต้นว่า  ผมเห็นผู้คนมากมายเดินไปมาแล้วจู่ ๆ ก็มีคน ๆ หนึ่งหยุดกลางคันแล้วหันมามองผมจากนั้นก็เดินเข้ามาหาแล้วจ้องหน้าผมแบบสำรวจตรวจตราแต่ไม่ได้พูดว่าอะไรก่อนจะเดินจากไป  หรือบางทีก็เห็นคนเดินตรงมาแล้วยื่นจานใส่อาหารให้แบบเงียบ ๆ ก่อนจะเดินจากไป  แล้วก็มีอีกครั้งหนึ่งที่ขณะนั่งสมาธิอยู่ผมเห็นผู้หญิงคนหนึ่งในชุดไทยสีเขียวไพลเดินมาถึงก็ทรุดตัวลงนั่งพับเพียบต่อหน้าแล้วก้มหน้ามองพื้น  ไม่พูดไม่จา ฯลฯ

สำหรับการนั่งในครั้งนี้เป็นการนั่งแบบมีจุดประสงค์  พอมีจุดประสงค์ผมก็ไม่มั่นใจว่านั่ง ๆ ไปแล้วสมองจะเล่นกลกับผมรึเปล่า  แต่ผมก็ลองดู  ผมนั่งขัดสมาธิ  มือข้างหนึ่งกำหิน alabaster ไว้

พอถึงจุดที่สมองเริ่มเบื่อกับการคิดฟุ้งซ่านแล้วมันก็เลิกคิดอย่างที่เกิดขึ้นทุกที  ผมก็เริ่มง่วง  แล้วผมก็พบว่าตัวเองไปอยู่ในหมู่บ้านแห่งหนึ่ง  จะเป็นที่ไหนไม่ได้นอกจากที่อียิปต์โบราณ  ผมมองไปรอบ ๆ เห็นชาวบ้านกำลังทำงานประจำวัน  บางคนตำหญ้าบางอย่างในครกขนาดใหญ่  บางคนให้อาหารเป็ดไก่  มีเด็ก ๆ วิ่งเล่นกันอย่างสนุกสนาน อากาศร้อนและแห้งแล้ง

ระยะเวลาที่เห็นเพียงแค่ ๒-๓ อึดใจแล้วผมก็กลับมาสู่ปัจจุบัน

ผมลองอีกครั้งในวันรุ่งขึ้น  คราวนี้มีชาวอียิปต์แต่งตัวเหมือนคนงานเดินมาหาผม  เขาดึงผมให้ลุกขึ้นแล้วเดินนำหน้าไปยังกลุ่มคนงานที่เดินอยู่ข้างหน้า  ผมเดินปะปนไปกับกลุ่มคนเหล่านั้น  ตามพวกเขาไปเรื่อย ๆ  จนในที่สุดก็ถึงปากทางเข้าปิรามิด  ชายคนที่พาผมมาแต่ต้นหันมาบอกว่าจะพาไปดูของดี ๆ ข้างในกัน  เขาไม่ได้พูดภาษาไทยแต่ผมกลับเข้าใจเป็นอย่างดี  แต่อนิจจาพอเดินเข้าไปภายในปิรามิดผมก็กลับมาสู่ปัจจุบัน  รวมระยะเวลาที่เห็นประมาณ ๒-๓ อึดใจเช่นกัน

ผมไม่มีบทสรุปสำหรับการทดลองนี้ว่าผมถอดจิตออกไปจริงหรือว่าสมองเล่นกล  อย่างไรก็ตาม  ทดลองได้เพียง ๒ ครั้งผมก็เลิก

สำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในครั้งที่ ๓ นี้ไม่ได้เกิดขึ้นระหว่างนั่งสมาธิแต่เกิดในความฝันในตอนกลางคืน  ผมฝันว่าอยู่ในดินแดนอียิปต์โบราณ  ในขณะนั้นเกิดแผ่นดินไหวส่งเสียงระเบิดดังกัมปนาทเกิดความโกลาหลไปทั่ว  ผมเองก็วิ่งหนีตายหัวซุกหัวซุน  ตอนตกใจตื่นหัวใจยังเต้นแรงอยู่เลย

หลังจากคราวนั้นผมกับหินก็เลิกคบหากัน  แต่ผมไม่ได้ทิ้งขว้าง  เอาเขามาแล้วต้องรับผิดชอบ  ผมก็เก็บเอาไว้ในลิ้นชัก  แล้วทำลืม

ผมคิดว่าถ้าหินยังแสดงอภินิหารอีกก็คงต้องเอาไปไว้ที่วัด  แบบที่ชาวบ้านทำกัน  แต่หลังจากคืนนั้นหินก็ไม่ได้มามีบทบาทอะไรอีก

วันเวลาผ่านไป  ซึ่งระหว่างนั้น  ตรงตามที่ ‘คุณตาที่สาม’ เคยบอกไว้  ธรรมะเข้ามาจัดสรร  จาก ‘ลูกเทวทัต’ ผมก็กลายมาเป็น ‘ลูกพระพุทธเจ้า’  และวันหนึ่งผมก็ได้พบกับพระสุปฏิปันโน
 
เอาแบบย่นย่อ  ผมเล่าเรื่องหินที่ว่าให้ฟัง  พระท่านขอดูหิน  ท่านกำหินแล้วหลับตา  แป๊บนึงก็ลืมตาแล้วยิ้ม

ผมถามว่า  หินมีตัวมั้ย  ท่านบอกว่า มี

แสดงว่าการที่ผมลองดีในช่วงนั้น  ผมเจอของจริง  ไม่ใช่ฟุ้งซ่าน

ผมถามว่า เค้าเป็นใคร

ท่านบอกว่า เค้าไม่บอก  แต่ตอนนี้เค้าสงบเพราะโยมสวดมนต์ให้เค้าฟังทุกวัน

เป็นไงล่ะ  ศาสนาพุทธของเรา ...

จากกระทู้ สมบัติเจ้าคุณตา
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 41293

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 229  เมื่อ 22 ส.ค. 21, 09:53

บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 41293

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 230  เมื่อ 06 ก.ค. 24, 09:31

นครสวรรค์ – เสียงขว้างปาปริศนาเงียบกริ๊บทั้งหย่อมบ้าน..ตามพิสูจน์ชาวบ้านนครสวรรค์ 5 ครัวเรือน อ้างเจอสิ่งลี้ลับจนหลอนทั้งหย่อมบ้าน มีทั้งสาดหินปริศนาถล่ม-ไฟลุกไหม้ไม่รู้ที่มา-จยย.สตาร์ทเอง แต่พอเฝ้าดูจนค่อนคืน ทุกอย่างเงียบสงบ
ตั้งแต่ 19.00-22.00 น.ที่ผ่านมา(5 ก.ค.) ผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่บ้านหมู่ 7 ต.กลางแดด อ.เมืองนครสวรรค์ เพื่อติดตามสถานการณ์ที่ชาวบ้าน 5 ครัวเรือน เชื่อว่าเจอกับสิ่งลี้ลับมาร่วม 2 เดือน หลังเก็บถุงพระเครื่องเก่าจากกองขยะ แล้วโดนก้อนหินปริศนาปาใส่บ้านแทบทุกคืน-ไฟลุกไหม้เสื้อผ้าโดยไม่ทราบสาเหตุ-รถจยย.สภาพเก่า/ไม่มีปุ่มสตาร์ทมือ ติดเครื่องเอง ขณะที่คนในหมู่บ้านส่วนหนึ่งเชื่อเป็นอาถรรพ์สิ่งลี้ลับ บ้างว่างมงาย

โดยปักหลักสักเกตุการณ์อยู่ที่หน้าบ้านนางทุเรียน คนต้นเรื่องที่เก็บถุงพระจากกองขยะ พบนางทุเรียนกำลังพูดคุยอยู่กับนางสรญา สิงห์เถื่อน เพื่อนบ้านที่อยู่ห่างกันไปประมาณ 5 เมตร จึงได้สอบถามเกี่ยวกับทิศทางของหินที่ถูกปาใส่บ้าน นางสรญา ระบุว่า ที่บ้านของตนไม่ใช่โดนแค่หินปา แต่ยังถูกปาด้วยขวดเครื่องดื่มชูกำลังด้วย
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 41293

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 231  เมื่อ 06 ก.ค. 24, 09:33

ส่วนเมื่อคืนนี้ แม้ที่บ้านของนางทุเรียนจะไม่มีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้น แต่ที่บ้านของตนกลับได้ยินเสียงต้นไม้บริเวณข้างบ้านถูกปาขวดใส่ และเสียงที่โดนปา ก็น่าจะเป็นขวดแก้ว จึงนอนรอให้ถึงเช้าแล้วเดินดูร่องรอย แต่ไม่พบขวด หรือเศษแก้วแตกกระจาย อยู่ในบริเวณบ้านเลย

ส่วนทิศทางที่บ้านของตนโดนปาประจำ ก็มักจะมาจากทิศทางของบ้านนางทุเรียน แต่บ้านนางทุเรียน โดนหนักกว่า เพราะมาแบบรอบทิศทาง ตนก็ไม่รู้ว่าผีตนใดไปโกรธแค้นบ้านนางทุเรียนแกหนักหนา เพราะเขาไม่ได้โดนแค่ก้อนหินเท่านั้น สิ่งของที่อยู่ภายในบ้านของนางทุเรียน ทั้งฝาหม้อและเครื่องใช้อื่นๆ ที่อยู่ภายในบ้านถูกเอาออกมาขว้างปาใส่บ้านด้วย

จังหวะเดียวกัน ขณะที่ผู้สื่อข่าวกำลังพูดคุยอยู่กับนางสรญาและนางทุเรียน นายปุ๊ก อายุ 15 ปี หลานชายที่พักอาศัยอยู่บ้านหลังเดียวกับนางทุเรียน และชุดนักเรียนถูกไฟไหม้เสียหายไปถึง 5 ชุด ได้เดินกลับมาบ้าน ด้วยสีหน้าที่ดูเบลอๆ พร้อมเล่าว่า เมื่อคืนข้างบ้านตน ก็โดนก่อกวน มีเสียงป็อกๆ แป็กๆ เกิดขึ้น ส่วนตนที่รีบเดินกลับบ้านมา เพราะรู้สึกร้อนท้อง หลังจากให้หลวงพ่อวัดกลางแดดทำพิธีอาบน้ำมนต์ให้

“หลังจากทำพิธีรดน้ำมนต์ ก็รู้สึกร้อนวูบวาบแสบท้องไปหมด แต่ไม่นานก็หาย จึงได้เดินทางกลับมาที่บ้าน พร้อมกับนำน้ำมนต์ที่หลวงพ่อให้มาดื่มกลับมาด้วย 2 ขวด ซึ่งตอนไม่ดื่มน้ำมนต์ ก็ไม่รู้สึกอะไรเลยนะ เป็นปกติดีทุกอย่าง แต่พอเอามาเทใส่ขันแล้วดื่ม มันก็ร้อนวูบวาบขึ้นมาทันที” นายปุ๊กกล่าว พร้อมกับดื่มน้ำมนต์โชว์ ผลปรากฏว่า นายปุ๊กตกอยู่ในสภาพหน้าตาอาการไม่ค่อยดีนัก ก่อนที่จะบอกร้อนและพะอืดพะอม จากนั้นก็รีบหันหน้าลงไปนั่งอ้วกนอกบ้านทันที
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 41293

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 232  เมื่อ 06 ก.ค. 24, 09:35

ต่อมา ผู้สื่อข่าวก็ได้เดินเท้าไปพบนายสมพร กันทะวัง ซึ่งมีบ้านอยู่ใกล้ๆกันกับบ้านของนางทุเรียน ซึ่งพาไปดูจุดหลังคากระเบื้องที่ได้รับความเสียหาย ถูกปาแตกเป็นรูหลายจุด พร้อมถือกล่องที่บรรจุก้อนหินทั้งใหญ่เล็กที่เก็บได้มาโชว์ดู จึงได้ถามถึงแหล่งที่มาของหินที่เก็บได้

เจ้าตัวยืนยันว่า หินพวกนี้ ไม่ได้อยู่รอบบริเวณบ้านของตนแน่นอน ซึ่งดูแล้ว น่าจะเป็นหินจากภูเขา พร้อมกับนำโทรศัพท์มือถือมาเปิดรูปภาพ ที่ระบุว่า เป็นภาพถ่ายรอยอักษรที่ไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นภาษาอะไร เขียนไว้บนพื้นบริเวณรอบบ้านทั้งบ้านตน บ้านนางทุเรียน และบ้านของเพื่อนบ้านอีก 3 หลัง ซึ่งก็ไม่รู้ว่าใครมาเขียนไว้ แต่มันเกิดขึ้นในช่วงที่โดนสิ่งลี้ลับเล่นงาน
อย่างไรก็ตาม ผู้สื่อข่าวได้เฝ้ารอสังเกตการณ์จนถึง 4 ทุ่ม ก็ยังไม่พบว่ามีสิ่งผิดปกติ ก่อนที่ภรรยาของนายสมพร จะให้ข้อมูลว่า ตั้งแต่มีข่าวเกิดขึ้น เสียงถูกปาหินที่เคยได้ยินเกือบทุกคืนก็หายไปหมด โดยเฉพาะที่บ้านของตน ไม่มีหินปาใส่บ้านมา 2 คืนแล้ว ส่วนที่บ้านของนางทุเรียน ก็ไม่มีเสียงอะไร จะมีเพียงแต่บ้านของนางสรญาเท่านั้น ที่เขาบอกว่ามีเสียงปาขวดใส่โดนต้นไม้

แต่ในขณะที่ผู้สื่อข่าวตั้งหน้าตั้งตาอรอจะเจอสิ่งลี้ลับอยู่ในขณะนี้ ก็ยังไม่เจอเหตุการณ์ผิดปกติอะไร แถมคืนนี้ไม่พบว่ามีชาวบ้านคนใดมาร่วมเฝ้าดูเหตุการณ์เหมือนวันก่อนๆ ด้วย

https://mgronline.com/local/detail/9670000057508


บันทึกการเข้า
ภศุสรร อมร
พาลี
****
ตอบ: 216


ความคิดเห็นที่ 233  เมื่อ 06 ก.ค. 24, 20:13

กระผมอยากจะขอเพิ่มเติมในหัวข้อนี้ในเรื่องของการละเล่นแปลกประหลาดของภาคกลาง ที่หลายคนอาจไม่รู้จัก กล่าวคือ “ผีลิงลม“ซึ่งเป็นเรื่องที่ผมเคยฟังจากผู้เฒ่าอีกทีหนึ่ง สมัยนี้ทราบว่ายังมีอยู่ในบางที่ แต่เหลือน้อยเต็มทีในสมัยก่อนถือเป็นการละเล่นทรงเจ้าช่วงสงกรานต์ ชาวบ้านจะมารวมตัวกันที่ชานหมู่บ้านเชิญชายผู้หนึ่งมาเข้าผีลิงลม หลังจากชายนั้นได้กำดอกไม้ธูปเทียนไว้ในกำมือแล้ว กลุ่มชาวบ้านก็จะนำผ้ามาปิตต้าชายผู้ทรง พร้อมกับปรบมือร้องเพลงเชิญผีลิงลมวนไปวนมา เนื้อเพลงนั้นแกะใจความค่อนข้างยาก ผมคิดว่ามีความหมายในเชิงสัญลักษณ์และความเชือสูง บทที่เคยได้ยินจากคำบอกเล่าเป็นดังนี้

ลิงเอ๋ยลิงลม
มาอมข้าวพอง
เด็กน้อยทั้งสอง
มาทัดดอกจิก
พญานกพริก
พญานกเขา
ตวงเบี้ยตวงข้าว
ให้เจ้าลิงลม

ทราบมาว่าเนื้อร้องดั่งนี้แตกต่างออกไปในแต่ละท้องถิ่น มิได้มีรูปแบบตายตัว
หลังจากผีลิงลมเข้าแล้ว ชายผู้ทรงจักมีกิริยาอาการ พฤติกรรมดั่งลิงลมทุกประการ ไม่รู้ตัวตน ไม่รู้ตัวและปราศจากสติสัมปชัญญะ กระโดดดิ้นปีนไต่ขึ้นไปยังต้นไม้ แยกเขี้ยวยิงฟันอย่างลิงทุกประการ เปรียบเสมือนคนนั้นกลายเป็นลิงไปจริงจริง  จะต้องมีผู้ชายถือโซ่ เรียกว่าพี่เลี้ยง สองคนล่ามชายผู้เข้าทรงไว้ มิฉะนั้นชายผู้เป็นลิงอาจจะขบกัดชาวบ้าน หรือหนีออกไปจากที่นั้นได้ เมื่อเสร็จพีธีแล้ว ให้ชาวบ้านเรียนชื่อผู้ทรงดังดังที่หู ก็จะได้สติคืนมา เป็นดังนี้
บันทึกการเข้า
ภศุสรร อมร
พาลี
****
ตอบ: 216


ความคิดเห็นที่ 234  เมื่อ 06 ก.ค. 24, 20:21

นอกเหนือจากนี้ยังมีการเล่น ผีอึ่งอ่าง ผีช้าง และแม้กระทั่ง ผีหม้อ ผีครก ซึ่งลักษณะจะเหมือนกับผีลิงลมผู้ทรงจะแสดงกิริยาของสัตว์หรือสิ่งนั้นออกมาในระหว่างอยู่ในภวังศ์ การละเล่นนี้ถือเป็นการบันเทิงของชาวบ้านในเวลากลางคืน มิได้ถูกมองเป็นเรื่องหน้ากลัวกระผมเองสันนิษฐานว่าน่าเจะเป็นพีธีกรรมโบราณของคนในเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ทั่วไป ดีไม่ดีอาจมีก่อนที่คน ไท กะได นั้นอพยบลงมาจากจีนตอนใต้ เนื่องด้วยชาติพันธุ์มอญ ซึ่งก็เป็นชาติพันธุ์โบราณในถิ่นนี้ ก็มีพีธีกรรมนี้เช่นเดียวกัน อาจเป็นพีธีเรียกฝน หรือเรียกสัตว์เพื่อล่า ในสมัยที่ผู้คนนับถือศาสนาผีก็เป็นได้ น่าสังเกตที่บาหลี ประเทศอินโดนีเซีย ก็มีพีธีกรรมนี้แบบเดียวกันกับทางไทยเรา ตามที่ปรากฏในสารคดีเก่าของอังกฤษนี้

https://youtu.be/xbMGNIEVjLI?si=AW_Cs4iRg6hMnPSG

วีดิโอในช่วงของพิธีกรรมเริ่มต้นที่นาทีที่ 19:00 เป็นต้นไป
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 41293

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 235  เมื่อ 09 ก.ค. 24, 15:20

ผีอีกอย่างคือผีแม่ศรี  ทุกวันนี้เหลือร่องรอยอยู่ในรำแม่ศรี   ดูลักษณะแล้ว แม่ศรีเป็นผีผู้หญิง เชิญมาให้เข้าร่างคน คนนั้นก็จะลุกขึ้นรำ 
รำแม่ศรีก็ยังรำกันอยู่จนทุกวันนี้
สุจิตต์ วงษ์เทศ  บอกว่า แม่ศรี เขียนอีกแบบ แม่สรี เป็นผีบรรพบุรุษ รากเหง้าเก่าแก่ในสงกรานต์ทั่วอุษาคเนย์
แม่ศรี มีศัพท์สองคำรวมกัน คือ แม่ เป็นคำพื้นเมืองดั้งเดิม กับคำ ศรี เป็นคำสันสกฤต  ที่ถูกต้อง เขียนว่า แม่สรี เป็นคำจากภาษาเขมร อ่าน แม่-สะ-รี  บางท้องถิ่นในประเทศไทยใกล้เขมร เขียนว่า แม่สี ซึ่งถูกต้องใกล้เคียงรากเหง้าเก่าแก่ที่สุด
ไม่ทราบว่าคุณสุจิตต์อ้างจากแหล่งไหน  ยังค้นไม่เจอค่ะ
บันทึกการเข้า
ภศุสรร อมร
พาลี
****
ตอบ: 216


ความคิดเห็นที่ 236  เมื่อ 09 ก.ค. 24, 16:54

เรื่องพวกนี้เป็นที่น่าสนใจ และสามารถบ่งบอกถึงต้นกำเนิดและรากแก้ววัฒนธรรมของผู้คนในถิ่นนี้ได้อย่างดี
ศาสนาผี ( animism) นั้นเราอาจเรียกขานว่ามีศาสนาดั้งเดิมของมนุษยชาติก็เป็นได้
ก่อนที่จะหลักความเชื่อเป็นพีธีกรรม นิยายปรัมปรา หรือการบันทึกเป็นตัวอักษรนั้น ผู้คนก็ย่อมต้องนับถือสิ่งที่มีอยู่ตามธรรมชาติ
สัตว์หรือต้นไม้ ผู้คน เจ้าที่ก็เป็นแค่สวนหนึ่งในระบบความเชื่อนี้
ที่จริงผมคิดว่าน่าจะมีการวิจัยในสวนหนึ่งจากนานาชาติมากขึ้น ผมเองยังไม่เคยเห็นบทความวิจัยใดเกี่ยวกับผีลิงลมหรือผีแม่ศรีนี้เลย
ทั้งที่พิจารณาแล้วน่าจะมีความเก่าแก่ และสำคัญทางด้านการคนคว้าจุดกำเนิดของพื้นฐานความเชื่อพื้นเมือง
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 41293

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 237  เมื่อ 25 ก.ค. 24, 09:48

กู้ภัยจัดโต๊ะจีนกลางป่าช้าเลี้ยงวิญญาณที่สิงสถิตในวัด ได้รับประทานอาหารบุญ ในวันอาสาฬหบูชา..งานนี้มี ผีโผล่ร่วมงาน

บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 41293

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 238  เมื่อ 25 ส.ค. 24, 14:39

ชาวบ้านเห็นแสงวูบวาบลอยบนท้องฟ้า ยกมือถือถ่ายไว้เชื่อเป็น UFO หวั่นใจกลัวโลกแตก รอผู้เชี่ยวชาญช่วยอธิบาย

25 สิงหาคม 2567 เมื่อเวลา 15.00 น. ผู้สื่อข่าวได้รับรายงานจากชาวบ้านพื้นที่ ต.มาบยางพร อ.ปลวกแดง จ.ระยอง ว่า เวลาประมาณ 1 ทุ่ม ของวันที่ 21 ส.ค.67 ชาวบ้านบริเวณดังกล่าวได้ถ่ายคลิปแสงประหลาดลอยบนท้องฟ้า ลำแสงเป็นทรงแนวตั้ง มีสีแดงอมส้ม รอบ ๆ แสง มีความสว่างจ้า คล้ายกับกำลังปลดปล่อยพลังงานบางอย่างออกมา ทีมข่าวจึงติดต่อ นายคมสัน จันทรเศรษฐ อายุ 27 ปี เจ้าของคลิปดังกล่าว โดยการโทรสัมภาษณ์สอบถามข้อมูล
นายคมสัน เล่าว่า ขณะนั้นเป็นเวลา 1 ทุ่ม ตนเองกำลังทำกับข้าวที่ห้องพัก จู่ ๆ สายตาก็มองเห็นท้องฟ้ามีสีแดงอมส้ม แล้วก็พบลำแสงประหลาดเปร่งแส่งตามในคลิป จึงเอามือถือถ่ายไว้ การเห็นแสงประหลาดนั้น เห็นกันถึง 3 คน โดยตนเองเชื่อว่าแสงที่เห็นคือ UFO ตอนนี้หวั่นใจมาก กลัวว่าโลกจะแตก
ต่อมาทีมข่าวได้เดินทางลงพื้นที่ ต.มาบยางพร อ.ปลวกแดง จ.ระยอง ซึ่งเป็นจุดที่ชาวบ้านยืนถ่ายคลิปแสงประหลาดโผล่ลอยบนท้องฟ้า เมื่อมองไปรอบ ๆ พบว่า บริเวณดังกล่าวเป็นป่ารกทึบ ติดเขา มีบ้านไม่กี่หลัง ไม่มีสิ่งปลูกสร้างที่จะทำให้เกิดแสงไฟตามในคลิปได้ ส่วนจุดที่พบแสงนั้นอยู่ไกลจากจุดที่ยืนถ่ายคลิป ซึ่งกะระยะไม่ถูกว่ากี่กิโลเมตร

ทีมข่าวยังได้รับข้อมูลเพิ่มเติมอีกว่า เวลา 1 ทุ่ม ของวันที่ 21 ส.ค.67 ซึ่งเป็นเวลาเดียวกันกับที่ นายคมสัน เจอปรากฎการแปลก แสงประหลาดนั้นลอยบนท้องฟ้า ยังมีชาวบ้านในพื้นที่ ต.บ่อวิน อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี ถ่ายคลิปติดแสงประหลาดได้ในเวลาเดียวกันอีกด้วย เพียงแต่ถ่ายคนละพื้นที่
 
อย่างไรก็ตามยังไม่ใครทราบข้อมูลแน่ชัดว่า ปรากฎการแสงปริศนาลอยบนท้องฟ้าที่ชาวบ้านเชื่อว่าเป็น UFO เกิดขึ้นที่ไหน และเป็นแสงจากอะไร จึงรอและหวังเพียงว่ามีผู้รู้หรือผู้เชี่ยวชาญออกมาอธิบายถึงปรากฏการดังกล่าวที่เกิดขึ้น
https://www.naewna.com/likesara/824755


บันทึกการเข้า
ภศุสรร อมร
พาลี
****
ตอบ: 216


ความคิดเห็นที่ 239  เมื่อ 27 ส.ค. 24, 08:15

เรื่อง ufo เป็นสิ่งที่อธิบายได้ยาก สิ่งเช่นนี้ปรากฎ บางทีสภาพอากาศก็อาจเป็นเหตุก่อเกิดได้เหมือนกัน แต่ก็ต้องคิดว่า โลกนี้กว้างใหญ่นัก สิ่งแปลกๆต่างๆ ย่อมเกิดขึ้นได้หมด สิ่งได้ที่ไม่ค้านกฎธรรมชาติย่อมเป็นไปได้ทั้งนั้น ในโลกนี้ยังมีอีกหลายสิ่งที่เราไม่รู้
บันทึกการเข้า
หน้า: 1 ... 14 15 [16]
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2006, Simple Machines
Simple Audio Video Embedder

XHTML | CSS | Aero79 design by Bloc หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.07 วินาที กับ 19 คำสั่ง