เหตุที่นักลงทุนเหล่านั้นเชื่อ อึ้งหยูจี อย่างสนิทใจ เพราะว่าในสายตาของคนทั่วไปในสังคม อึ้งหยูจี มีภาพลักษณ์ค่อนข้างดี โดยถูกมองว่าเป็นนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จ มีฐานะร่ำรวยและครอบครองทรัพย์สินจำนวนมาก รวมทั้งยังเป็นเจ้าของร้านอาหารชื่อดังอีกหลายแห่งในสิงคโปร์ นอกจากนั้น เขายังบริจาคเงินเพื่อการกุศลอยู่บ่อยครั้ง ถึงขนาดเคยได้รับคำชื่นชมจากมหาวิทยาลัยแห่งชาติสิงคโปร์ ประกอบกับช่วงปี ๒๐๒๐ เกิดวิกฤติการแพร่ระบาดของโควิด ๑๙ ทำให้ผู้คนต้องเผชิญกับสถานการณ์ชีวิตที่ยากลำบาก จึงถูกดึงดูดด้วยอัตราผลตอบแทนสูงได้ง่ายขึ้นกว่าเดิม
แต่ทุกอย่างก็ล้วนเป็นเรื่องโกหก เมื่อความจริงถูกเปิดเผย ในเดือนกุมภาพันธ์ ปี ๒๐๒๑ อึ้งหยูจี ถูกตำรวจเข้าดำเนินการจับกุม ในข้อหาฉ้อโกงแชร์ลูกโซ่ เพราะธุรกรรมซื้อขายแร่นิกเกิลที่บริษัทอ้างถึงนั้น ไม่มีอยู่จริง โดยบริษัท Poseidon Nickel ปฏิเสธว่า ไม่เคยทำธุรกิจกับ Envy Group เลยสักครั้งเดียว ส่วน BNP Paribas ก็กล่าวว่า หน่วยงานที่ดูแลเรื่องสัญญาซื้อขายล่วงหน้าของสินค้าโภคภัณฑ์ ได้หยุดดำเนินการไปตั้งแต่ปี ๒๐๑๙ แล้ว ดังนั้นเอกสารต่าง ๆ ที่แสดง น่าจะเป็นการปลอมแปลงขึ้นมาเอง หรือแม้แต่ในปี ๒๐๒๐ ที่ อึ้งหยูจี เคยบันทึกคลิปวิดีโอ ตอนเดินตรวจแร่นิกเกิลในคลังสินค้า ที่ซื้อมาจากบริษัทชื่อว่า Raffemet ในปริมาณ ๒,๐๐๐ ตัน มูลค่ากว่า ๑,๐๐๐ ล้านบาท ส่งไปให้กลุ่มนักลงทุนดู แต่จริง ๆ แล้ว เป็นเพียงแค่การจัดฉาก เพราะหลังจากนั้น เขาก็ขายสินค้าคืนให้ Raffemet ทันที
ผลตอบแทนที่กองทุนของ Envy Group ทำได้นั้น เป็นแค่การนำเงินของนักลงทุนรายใหม่กว่า ๑๗,๐๐๐ ล้านบาท มาจ่ายให้กับนักลงทุนรายเก่า นั่นเอง และเงินอีกส่วน ประมาณ ๗,๐๐๐-๑๑,๐๐๐ ล้านบาท ได้ถูกโอนเข้าบัญชีส่วนตัวของ อึ้งหยูจี ซึ่งเขานำไปซื้อทรัพย์สินจำนวนมาก เช่น รถยนต์แบรนด์หรู ไม่ต่ำกว่า ๒๐ คัน, อสังหาริมทรัพย์, อัญมณี, งานศิลปะ รวมถึงหุ้น คิดเป็นมูลค่ารวมกว่า ๒,๔๐๐ ล้านบาท การหลอกระดมเงินทุนจากนักลงทุนไปถึง ๓๖,๐๐๐ ล้านบาท นับเป็นคดีแชร์ลูกโซ่ ที่มีมูลค่าความเสียหายมากที่สุดในประวัติศาสตร์ของประเทศสิงคโปร์
อึ้งหยูจี ถูกฟ้องร้องไปทั้งหมด ๗๕ คดี ซึ่งหากศาลตัดสินว่ามีความผิดจริง ก็คงถูกจำคุกเป็นเวลานาน และต้องชดเชยค่าเสียหายอีกมหาศาล เรื่องราวนี้ก็คงเป็นอีกหนึ่งกรณีที่ย้ำเตือนเราว่าก่อนตัดสินใจลงทุนอะไรก็ตาม ควรวิเคราะห์และตั้งคำถามถึงความเป็นไปได้ให้มากที่สุด เพราะไม่ว่าเราจะมีพื้นฐานความรู้ที่ดีแค่ไหน หากใช้อารมณ์และความโลภมาเป็นตัวตั้งต้น ก็มีโอกาสถูกชักจูงด้วยภาพลักษณ์อันสวยหรู และตกเป็นเหยื่อของการต้มตุ๋นได้เสมอ ซึ่งผลลัพธ์ที่ตามมา อาจไม่ใช่กำไรมหาศาลแบบที่วาดฝันไว้ แต่เป็นความสูญเสียครั้งใหญ่ในชีวิต
ข้อมูลจาก
ลงทุนแมน