เรือนไทย
ยินดีต้อนรับ ท่านผู้มาเยือน
กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
ส่งอีเมล์ยืนยันการใช้งาน?
ข่าว: การแนบไฟล์ กรุณาใช้ชื่อไฟล์ภาษาอังกฤษเท่านั้นครับ
หน้า: [1]
  พิมพ์  
อ่าน: 1140 พระรามพระลักษณ์ชวักอร
CrazyHOrse
แขกเรือน
นิลพัท
*******
ตอบ: 2055



เว็บไซต์
 เมื่อ 18 มิ.ย. 25, 20:34

ในบทเชิญพยานของโองการแช่งน้ำ มีความตอนหนึ่งว่า

๒๘ เคล้าฟ้าเคลือกเปลวลาม      สิบหน้าเจ้าอสูรช่วยดู
พระรามพระลักษณชวักอร      แผนทูลเขาเงือกปล้ำช่วยดู


มาดูตรงนี้ครับ “พระรามพระลักษณ์ชวักอร”

พระรามพระลักษณ์นี่ไม่มีปัญหา ต้องเป็นพระรามกับพระลักษมณ์แน่ แต่ชวักอรคืออะไร?

ในหนังสือโองการแช่งน้ำ ไมเคิล ไรท ว่า
ชวักคือชัก, คือ ดึง, แย่ง, ลักพา (ทั้งนี้มองจากมุมมองของทศกัณฐ์)
ทั้งบาทไรทแปลว่า พระรามพระลักษมณ์ลักนาง

ผมอ่านแล้วไม่แล้วใจ นี่เป็นบทเชิญพยาน จะพูดถึงเรื่องพระรามพระลักษมณ์ลักนางสีดาเพื่ออะไร

พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถานว่า
ชวัก [ชะ-]  (กลอน) ก. ชัก เช่น เคล้าฟ้าเคลือกเปลวลาม พระรามพระลักษณชวักอร (แช่งน้ำ).

ไมเคิล ไรทแปลชวักในแนวทางเดียวกับราชบัณฑิตฯ แต่ผมไม่แน่ใจว่าต่างฝ่ายต่างเห็นในทางเดียวกัน หรือใครเอามาจากใคร (ผมไม่มีหนังสือพจนานุกรมศัพท์วรรณคดีไทย สมัยอยุธยา ลิลิตโองการแช่งน้ำ)

ที่น่าสงสัยคือทั้งไรทและราชบัณฑิตฯ ท่านแปลชวักว่าชัก อ้างอิงจากที่ใด ผมยังไม่เจอที่ไหนที่ใช้คำนี้อีกเลย เห็นก็แต่ที่ราชบัณฑิตฯท่านอ้างไว้ในพจนานุกรมนี่แหละว่ามาจากพระรามพระลักษณชวักอร

หรือว่าทั้งหมดทั้งสิ้นนี้ล้วนเป็นสันนิษฐานศัพท์จากโองการแช่งน้ำบทนี้เหมือนกัน?

คืนก่อนผมพยายาม “เดา” ความหมายของชวักอร ค้นศัพท์สารพัดภาษาอยู่นานจนง่วง ยอมแพ้ ปิด iPad นอนดีกว่า

วันรุ่งขึ้น เปิด iPad เจอหน้าที่อ่านค้างอยู่ก่อนนอน ไม่รู้อะไรดลใจ มองแวบแรกก็เห็นคำตอบได้เฉยๆ เสียอย่างนั้น

ชวัก = ชะวาก ดังนั้น ชวักอรก็คือนางชะวาก

จริงๆ ชะวากคงไม่ต้องแปล แต่เพื่อให้ดูดีมีหลักการมาตรฐานงานวิจัยที่ AI ได้ทำให้ดูเป็นแบบอย่าง ผมจะขอยกความหมายตามพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถานมาดังนี้

ชะวาก น. ช่องที่เวิ้งว้างเข้าไป.

อย่าเพิ่งรีบด่าผม โปรดอ่านต่ออีกสักหน่อย

ลืมหรือยังครับว่าสีดาแปลว่าอะไร?

เรื่องเล่ามีหลายสาย แต่สายที่เป็นกระแสหลักคือ ท้าวชนกเจ้ากรุงมิถิลา ทำพิธีไถคราดดิน (เพื่ออะไรสักอย่างแล้วแต่แต่ละตำนานจะว่า) พบผอบที่ฝังไว้ในดิน เปิดผอบออกมาพบนางสีดา จึงรับไว้เป็นพระธิดา ตั้งชื่อว่าสีดา แปลว่า “รอยไถ” เพราะพบนางสีดาอยู่ในรอยไถคราดนี้เอง

รอยไถที่เป็นร่องเป็นชะวากในภาษาไทยไงครับ

ชวักอร = นางชะวาก ก็คือนางสีดา ภาษาแขกแปลเป็นไทยสไตล์กวีโองการแช่งน้ำด้วยประการฉะนี้

พระรามพระลักษณ์ชวักอร จึงแปลอย่างสวยๆได้ว่า พระราม พระลักษณ์ นางสีดา

เชิญทั้งสามพระองค์มาร่วมเป็นพยานการแช่งน้ำอย่างเรียบง่ายเช่นนี้เอง
บันทึกการเข้า

"Postel's Law": "be conservative in what you do, be liberal in what you accept from others"
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 41293

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 1  เมื่อ 18 มิ.ย. 25, 20:53

ชัก กลายเป็นชวัก ได้อย่างไร
คำตอบแรกที่นึกคือ ลักษณะคำเหมือนการแผลงศัพท์  นิยมใช้ในการแต่งกวีนิพนธ์ โดยเฉพาะฉันท์  เพราะฉันท์มีคำครุลหุกำกับ  การแผลงศัพท์ช่วยให้ลงจังหวะคำได้พอดี
การแผลงในที่นี้คือแผลงพยัญชนะ   เช่น ชาญ แผลงเป็น ชำนาญ   เกิด เป็น กำเนิด
ชัก เป็น ชวัก ก็น่าจะได้
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 41293

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 2  เมื่อ 19 มิ.ย. 25, 10:06

แต่ดิฉันก็ว่าคำตอบของคุณม้า น่าจะเข้าเค้ามากกว่า ชวัก แปลว่า ชัก
พระรามพระลักษมณ์ลักนาง รามเกียรติ์เวอร์ชั่นไหนก็ไม่รู้ ที่พระรามพระลักษมณ์ขโมยตัวนางสีดาไปเสียเอง   ถ้างั้นจะไปรบกับทศกัณฐ์หาอะไร
บันทึกการเข้า
CrazyHOrse
แขกเรือน
นิลพัท
*******
ตอบ: 2055



เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 3  เมื่อ 19 มิ.ย. 25, 13:51

ผมเจอว่าใน สมุทรโฆษคำฉันท์ มีใช้คำว่า “ชวัก” หลายครั้ง น่าสนใจครับ ต้องลองวิเคราะห์ดูครับ

บันทึกการเข้า

"Postel's Law": "be conservative in what you do, be liberal in what you accept from others"
SILA
หนุมาน
********
ตอบ: 8425


ความคิดเห็นที่ 4  เมื่อ 19 มิ.ย. 25, 14:15

        พบบทความน่าสนใจที่นี่ ครับ

https://www.gotoknow.org/posts/225916

          "ชวัก" คือ พามา เรียกมา, ส่วน "อร" นั้น หมายถึง "นางสีดา"
รวมความแล้ว พระรามพระลักษณชวักอร คือ "เชิญพระราม พระลักษณ์พานางสีดามา"

ในหนังสือ พินิจวรรณกรรม ของ ดร.นิยะดา เหล่าสุนทร ได้คัดลอกโองการแช่งน้ำ ซึ่งปริวรรต (ถอดตัวอักษร) จากฉบับอักษรเฉียงพราหมณ์
มีข้อความตรงนี้ว่า

         "เคล้าฟ้าเคลือกเปลวลาม ษิบหน้าเจ้าอษูรภบช่วยฑู พระรามพระลักชะวักกอน" [4]
         ไม่มีคำแปล ปล่อยให้สงสัยว่า ชะวักกอน คืออะไร, ชวักกร, กวักมือ?

         ดร.ขวัญดี อัตวาวุฒิชัย ท่านเล่าให้ฟังว่าเคยสงสัยในข้อความดังกล่าว จึงไปขอดูฉบับพราหมณ์ พระราชครูฯ ได้อ่านให้อาจารย์ฟัง
ท่านได้ยินว่า  "พระรามพระลักษณ์สะพักศร"

          "โองการแช่งน้ำ" ใน วรรณกรรมอาเซียน ประเทศไทย เล่ม ๒ เอ วรรณกรรมสมัยอยุธยา ฉบับแปล ซึ่งมีทั้งภาษาไทยร้อยกรองแบบเดิม
และแปลเป็นภาษาอังกฤษ ผู้แปล (ผศ.ผาณิต  บุณยะวรรธนะ) ให้คำแปลไว้ว่า

      Also Rama and Lakshaman

      Weilding their bows, watch over.

ธวัชชัย
บันทึกการเข้า
เพ็ญชมพู
หนุมาน
********
ตอบ: 16060



ความคิดเห็นที่ 5  เมื่อ 19 มิ.ย. 25, 16:35

ในหนังสือ พินิจวรรณกรรม ของ ดร.นิยะดา เหล่าสุนทร ได้คัดลอกโองการแช่งน้ำ ซึ่งปริวรรต (ถอดตัวอักษร) จากฉบับอักษรเฉียงพราหมณ์ มีข้อความตรงนี้ว่า

 "เคล้าฟ้าเคลือกเปลวลาม ษิบหน้าเจ้าอษูรภบช่วยฑู พระรามพระลักชะวักกอน"
ไม่มีคำแปล ปล่อยให้สงสัยว่า ชะวักกอน คืออะไร, ชวักกร, กวักมือ?

โองแช่งน้ำ วรรณกรรมก่อนกรุงศรีอยุธยา มีหลายฉบับ นี่เป็นการค้นพบใหม่อีกฉบับหนึ่ง ซึ่งมีรายละเอียดแตกต่างไป จากที่เคยมีอยู่

จากบทความเรื่อง โองการแช่งน้ำ ฉบับอักษรเฉียงพราหมณ์ภาษาไทย ดร.นิยะดา เหล่าสุนทร ปริวรรตและเขียน ไมเคิล ไรท์ ร่วมปริวรรต ศ.ดร.ประเสริฐ ณ นคร ให้คำแนะนำและตรวจแก้
นิตยสารศิลปวัฒนธรรม ปีที่ ๖ ฉบับที่ ๑ : กันยายน ๒๕๒๘ หน้า ๑๐๖


บันทึกการเข้า
CrazyHOrse
แขกเรือน
นิลพัท
*******
ตอบ: 2055



เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 6  เมื่อ 19 มิ.ย. 25, 20:07

วรรณคดีสมัยก่อนที่จะมีการพิมพ์ ต้องใช้การคัดลอก ปรากฏการณ์นี้เป็นเรื่องปกติครับ พบได้ทั่วไป ผมไม่แน่ใจว่าเกิดจากการที่ผู้คัดลอกเขียนขึ้นจากความจำ (ถ่ายทอดมาโดยมุขปาฐะ) จึงมีปัญหาเรื่องตัวสะกดหรือแม้แต่ผิดฝาผิดความไปเลย หรืออีกกรณีหนึ่งที่เป็นไปได้เหมือนกันคือ มีต้นฉบับอยู่ แต่คนหนึ่งอ่านให้ฟัง ส่วนอีกคนเขียนตาม ได้ยินอย่างไรก็เขียนอย่างนั้น

แต่ถ้าเราไปยึดตัวสะกดเป็นจริงเป็นจังเกินไปโดยไม่เทียบกับฉบับอื่น ก็ต้องมาคิดว่าขุนกล้าแกล้วขี่ยุงนี่คืออะไร ษิบหน้าเจ้าอษูรคืออะไร หรือแม้แต่ช่วยฑูนี่มันแปลว่าอะไรแน่

ที่น่าสนใจในเรื่องนี้คือ คนที่คัดลอกว่าชะวักกอน และสะพักศร ต้องไม่รู้จักว่าชวักอรคืออะไรแน่ๆ ไม่อย่างนั้นคงไม่เขียนผิดแบบนี้ครับ
บันทึกการเข้า

"Postel's Law": "be conservative in what you do, be liberal in what you accept from others"
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 41293

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 7  เมื่อ 19 มิ.ย. 25, 20:27

    สิ่งที่นักวิชาการปวดหัวได้มาก คือการสะกดตัวอักษร    เพราะบทวรรณคดีทั้งหลาย ก่อนมีฉบับพิมพ์ล้วนมาจากสมุดไทยเขียนด้วยลายมือ  อาลักษณ์คัดลอกกัน ผิดได้มาก  เพราะต่างคนต่างก็สะกดตามความนิยม  หรือตามความเข้าใจของตน    ต้องมาชำระกันในภายหลัง แต่ก็ไม่ใช่ว่ารอดผิดไปได้หมด
    คำที่คุณ SILA ยกมา  ดิฉันแปลได้ค่ะ
    พระรามพระลักษณ์สะพักศร  สะพักศร คือสะพายศรแบบเฉียงบ่า  ไม่ใช่คล้องไหล่ คำนี้ยังหลงเหลืออยู่ในราชาศัพท์ใช้เรียกผ้าห่มเฉียงบ่า ว่า ผ้าทรงสะพัก.
    ขุนกล้าแกล้วขี่ยุง  คือพระขันธกุมาร  โอรสของพระศิวะ  ที่มีคำประกอบว่า "กล้าแกล้ว" เพราะพระขันธกุมารเป็นเทพแห่งสงคราม  ถือกำเนิดมาเพื่อปราบอสูร   ทรงมีนกยูงเป็นพาหนะ
    ยุง ในที่นี้คือ ยูง   ไม่ใช่ตัวที่นำเชื้อมาเลเรียมาให้คน
    ษิบหน้าเจ้าอษูร  คือ  สิบหน้าเจ้าอสูร  หมายถึงทศกัณฐ์
    ช่วยฑู  คือ ช่วยดู   เดิม ท ธ ฑ  ออกเสียงไม่เหมือนกัน  จึงสะกดไม่เหมือนกัน  แต่ต่อมากลืนหายกลายเป็นเสียงเดียวกันหมด  คือ ท  
    ฑ  ออกเสียงคล้าย ด   อาลักษณ์จึงใช้แทน ด  อย่างที่เราเห็นตัวอย่างได้จากคำว่า มณฑป ออกเสียงว่า มน-ดบ   บัณฑิต  ออกเสียงว่า บัน-ดิด  ช่วยฑู  ก็คือ ช่วยดู  แปลอีกทีว่า กรุณาดูแล
บันทึกการเข้า
CrazyHOrse
แขกเรือน
นิลพัท
*******
ตอบ: 2055



เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 8  เมื่อ 19 มิ.ย. 25, 20:43

เวลาอ่านหนังสือเก่า บางทีแค่ตัวสะกดหรือวรรณยุกต์ผิดกันนิดเดียวก็เป็นประเด็นแล้ว อย่างแผนทูลเขาเงือกปล้ำ กับแผ่นทูนเขาเงือกปลัม ตรงไหนผิดตรงไหนถูกกันแน่

มีคนตีความไว้หลายสำนวน ต่างกันไป ลองดูแบบของผมนะครับ

อย่างกรณีนี้ ผมเห็นว่าควรเขียนว่า แผนทูนเขาเงือกปล้ำ (ตามความหมายปัจจุบัน)

ปล้ำ แปลว่า รัด, เงือก ในที่นี้คือ พญานาค
เขาเงือกปล้ำ คือเขาที่พญานาครัด นั่นคือ เขาพระสุเมรุที่พญานาครัดไว้ตอนที่กวนน้ำอมฤต

ทูน แปลว่า เอาตั้งไว้ข้างบน

แผน ตามคติเก่าของไทยคือพระผู้สร้าง ซึ่งเมื่อมาปะทะเข้ากับพรามหณ์-พุทธแล้ว ชื่อนี้ถูกเอาไปสวมเข้ากับพระพรหมผู้สร้างของทางพราหมณ์

ทูนเขาเงือกปล้ำ เป็น adjective clause(ขออภัยครับ แปลเป็นภาษาไทยไม่ถูก) ขยายแผนอีกที

ดังนั้น แผนทูนเขาเงือกปล้ำ จึงแปลว่า พระพรหมที่เขาพระสุเมรุทูนไว้ คือพระพรหมที่อยู่บนยอดเขาพระสุเมรุนั่นเอง

ซึ่งเข้ากับคติความเชื่อที่ว่าพรหมโลกที่พระพรหมสถิตอยู่นั้นตั้งอยู่บนยอดเขาพระสุเมรุครับ


บันทึกการเข้า

"Postel's Law": "be conservative in what you do, be liberal in what you accept from others"
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 41293

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 9  เมื่อ 19 มิ.ย. 25, 21:32

ดิฉันยังหาไม่เจอว่าพระพรหมที่อยู่บนยอดเขาพระสุเมรุ มาจากคัมภีร์หรือนิกายไหน  แต่ในไทย  ยอดเขาพระสุเมรุคือสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ของพระอินทร์ค่ะ
บันทึกการเข้า
เพ็ญชมพู
หนุมาน
********
ตอบ: 16060



ความคิดเห็นที่ 10  เมื่อ 20 มิ.ย. 25, 09:35

ตามคติของศาสนาพราหมณ์หรือฮินดู  เมรุหรือสุเมรุ เป็นชื่อภูเขาที่เป็นศูนย์กลางของจักรวาล ถือว่าเป็นบริเวณที่มีสวรรค์อยู่โดยรอบ เช่น สวรรค์ของพระอินทร์อยู่ทางทิศเหนือ ไวกูณฐ์แดนสถิตของพระวิษณุหรือพระนารายณ์อยู่ทางทิศใต้ ไกลาสที่สถิตของพระศิวะหรืออิศวรก็อยู่ทางทิศใต้ เหนือยอดเขาพระสุเมรุนั้น คือ พรหมโลก เป็นที่สถิตของพระพรหม

ส่วนคติฝ่ายพระพุทธศาสนา ภูเขานี้เรียกชื่อเป็นภาษาบาลีว่า สิเนรุ และ ในชั้นอรรถกถา ยอดเขาสิเนรุเป็นที่ตั้งของสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ ซึ่งเป็นที่สถิตของพระอินทร์ เชิงเขาสิเนรุ ซึ่งหยั่งลึกลงไปในมหาสมุทรเป็นอสูรพิภพ สูงขึ้นไปกึ่งทางระหว่างแดนทั้ง ๒ นั้น เป็นสวรรค์ของท้าวจาตุมหาราช สวรรค์ชั้นอื่น ๆ  และโลกมนุษย์ เป็นต้น ก็เรียงรายกันอยู่สูงบ้างต่ำบ้าง รอบเขาสิเนรุนี้ (ในวรรณคดีบาลียุคหลัง เช่น จูฬวงส์ พงศาวดารลังกา เรียก เมรุและสุเมรุ อย่างสันสกฤตก็มี)

จาก พจนานุกรมพุทธศาสน์ ฉบับประมวลศัพท์ สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ (ป.อ. ปยุตฺโต)
บันทึกการเข้า
CrazyHOrse
แขกเรือน
นิลพัท
*******
ตอบ: 2055



เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 11  เมื่อ 20 มิ.ย. 25, 17:41

คติพุทธกับคติพราหมณ์มีความแตกต่างกันครับ จักรวาลวิทยาไม่เหมือนกันเลย แต่มีชื่อที่ซ้ำกันอยู่บ้าง อย่างพรหมในโองการแช่งน้ำก็มีทั้งพรหมแบบพุทธ และพรหมแบบพราหมณ์ สามารถแยกได้จากคติที่แตกต่างกันนี่แหละครับ
บันทึกการเข้า

"Postel's Law": "be conservative in what you do, be liberal in what you accept from others"
CrazyHOrse
แขกเรือน
นิลพัท
*******
ตอบ: 2055



เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 12  เมื่อ 20 มิ.ย. 25, 17:49

ลองมาดู “ชวัก” ในสมุทรโฆษคำฉันท์บ้างครับ มีปรากฏ 5 ครั้ง ทั้งหมดอยู่ในตอนที่ไปวังช้างครับ ผมตัดเนื้อหามาเฉพาะส่วนที่มีคำว่า “ชวัก” แต่ตัดมาอย่างยาว จะได้พิจารณาความจากบริบทได้ครับ ลองอ่านดูแล้วคิดเห็นเป็นอย่างไรบ้างครับ

1.
๏ เสร็จจึงหมอเฒ่าเข้าไป   ป่าหลวงปวงไศล
ก็ดูที่รอยคชสาร   
๏ พนจรนำหมอถึงสถาน   พนสณฑ์กันดาร
ก็ทันที่กุญชรแชรง   
๏ รอยไม้ไหล้หักทักแทง   น้ำในปลักแปลง
แลมีทั้งรุ่นรวนกราม   
๏ ดูเดิมชวักชอบโดยความ   หมายต้นตูมงาม
แลควรที่ทำการกรรม์   
๏ จึงคืนเอาพลจบจรัล         ซ้ายขวาปูนปัน
แลไปโดยทางเก่ากล   
๏ หมอเฒ่าถึงก่อนรี้พล   ยังต้นตูมตน
สำคัญแล้วเข้าบูชา   
๏ เทียนธูปธงฉัตรฉมสลา   เหล้าเข้าเนื้อปลา
ประดับด้วยภูษากาญจน์   
๏ พาดพาวพนักโดรโดยสาร   บังคับสบสถาน
แลตั้งจังเว็จรอบราย


2.
๏ ครั้นฟังข่าวช้างราชา   ชมชื่นลีลา
แลคลาทั้งแสนเสนี   
๏ กึกฟ้าหล้าล่มธรณี   เสียงคชพาชี
แลแซรงสำเทียรเหียนหรรษ์   
๏ ก้องเกรียงเสียงรถทองทงัน   ยอดเยื้องคือสุบรร-
ณนาคแถ้งถกเถกิง   
๏ เสียงแตรเสียงสังข์สำเริง   เสียงพลถเมินเชิง
แลชิงประเบียดแห่แหน   
๏ สารไพรไกรสรกลัวแกลน   ยูงเห็นหางแพน
แลอายแก่พลโหงไกล   
๏ พรรณนกหกเหินเผอิลไพร   พลัดเพื่อนพิสมัย
แลกลัวนิกรโยธา   
๏ ดลใกล้เดิมชวักราชา   ให้ห้ามเสนา
ประหยัดซึ่งศัพทสำเนียง   
๏ อย่านี่นันคำอำเสียง   อย่าสฤษดิ์ถ้อเถียง
พิโรธใจไฟฟุน   
๏ พระภูธรเสด็จแก้วกุญ-   ชรแซรงลูกขุน
ทมุลทนายเนืองนอง   
๏ พระเสด็จถึงต้นตูมทอง   พฤฒิพราหมณ์ทั้งผอง
ก็มาประชุมบริพาร

3-5.

๏ ลาพระเฌอขึ้นช้างคลา   พลส้าวดาษดา
แลโดยสมเด็จหน้าหลัง   
๏ นพครุยคาดเอวตราตรัง   หมอปรวดก็ประนัง
กันแล่นลล้าวฉลับพล   
๏ ถึงโขลนทวารบูชานน-   ทิการโดยดล
ตระทอดทังเฝือฝ่ายแฝง   
๏ เลื่อนไล่คชคณกลางแปลง   คชคณเริงแรง
ก็แล่นสกอกันหนี   
๏ ไม้ไหล้แหลกหักปักษี   สัตว์ในไพรพี
ตระดาลตระดกพัญเอิญ   
๏ ทันพลายทอกทรรปบังเหิร   ลูกน้อยสอนเดิร
แลแม่กำสรดเกาะกัน   
๏ ราชาเสด็จคชผายผัน   ควาญแทงบังคัล
แลแล่นคคล้ายคือภมร   
๏ ท้าวไทไล่ทันกุญชร   หนึ่งงามงางอน
พันฦกนิแรงราวี   
๏ ท้าวทายบาศพรัดซัดที   เดียวต้องหัดถี
แลตรูตระเนตรบมิคลา   
๏ หมอปรวดปรวดบาศตรึงตรา   พลชวักซ้ายขวา
แลสารกระลับผันผาย   
๏ นายช้างขับช้างผชตชาย   ฟันคลุกแหงนหงาย
ตระบัดก็ตั้งกลางสนาม   
๏ สารไพรเห็นสารสรังตาม   ร้องรับบมิขาม
แลเข้าผสมผสานงา   
๏ ช้างไพรไล่ช้างบ้านมา   ช้างบ้านบมิคลา
แลสองก็ชนชิงไชย
๏ ฉาดฉาดเสียงงาแส่ไส   ดาลปริเปนไฟ
พนานตป่วนเปนควัน   
๏ เลือดไหลสองงาฉายฉัน   สองสารสู้กัน
กเกริกทังท้องพสุธา   
๏ ไม้ไหล้ลู่แหลกหินผา   แผ่นดินดาลคลา
รหุยรแหกแหลกหลาย   
๏ สารไพรเห็นช้างผชตหลาย   ตัวเตรียบเรียบราย
ระยืนระยังพึงขาม   
๏ ชนพลั้งเพลียกช้างต่อตาม   เทียมหมอทอดทาม
จำนองคคลอคล้องคง   
๏ หมู่หมอโดยดั้นด่านพง   พราดคล้องมาตงค์
ก็สิ้นทังแคว้งคอกวัง   
๏ คล้องติดคชคลอคชทัง   ป่าขับจากขัง
แลเข้าจรลุงจรากจอง   
๏ บมิเล็ดล่วงได้สักคลอง   คชไพรมูลมอง
แลช้างประจำชวักมา   
๏ ลาไพรแล้วพระลีลา   ยังเดิมพฤกษา
พิเศษต้นตูมงาม   
๏ หมอคลอคชคณตับตาม   พังพลายหลายหลาม
แลลูกณน้อยแนมไป   
๏ มามูลในเดิมชวักไพร   พระสมุทร์รำไพ
พระเนตรชายชมสาร   
บันทึกการเข้า

"Postel's Law": "be conservative in what you do, be liberal in what you accept from others"
หน้า: [1]
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2006, Simple Machines
Simple Audio Video Embedder

XHTML | CSS | Aero79 design by Bloc หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.048 วินาที กับ 21 คำสั่ง