เล่ารวบรัดในตอนนี้ มิฉะนั้นจะออกนอกประวัติชีวิตพ.ท.โพยมไปไกล ขอตัดตอนว่าในที่สุดพันโทพระนเรนทรรักษาก็ได้เลื่อนขึ้นเป็นพันเอก มีบรรดาศักดิ์เป็นพระยาวิเศษสิงหนาถ ย้ายกลับเข้ามาอยู่ในพระนคร
ครอบครัวพ่อแม่ลูกจึงได้มารวมกันอีกครั้ง มารดาของเด็กชายโพยมก็ได้เป็นคุณหญิงวิเศษสิงหนาถ ตามบรรดาศักดิ์ของสามี ย้ายจากเพชรบุรีมาตั้งบ้านเรือนอยู่ที่บางโพธิ์ บริเวณใกล้สะพานพระราม ๖
ด้วยความวิริยะอุตสาหะของคุณหญิงวิเศษสิงหนาถ ซึ่งเคยค้าขายข้าวสาร มีการค้าของตัวเองมาก่อนตั้งแต่สมัยยังสาวอยู่เพชรบุรี ท่านก็สร้างฐานะได้เป็นปึกแผ่นมั่นคง เป็นเจ้าของสวนทุเรียน และที่ดินอีกหลายแปลง นับเป็นเศรษฐินีคนหนึ่งของบางโพธิ์
ดช.โพยมมีน้องต่อมาอีก ๒ คนคือน้องสาวชื่อพยูร และน้องชายคนเล็กชื่อยศ เมื่อโตขึ้น โพยมก็เข้าเรียนด้านทหาร เช่นเดียวกับคุณพ่อและคุณปู่
ส่วนน้องชายคนเล็กคือยศ เข้าเรียนที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
พันเอกพระยาวิเศษสิงหนาถ ถึงแก่กรรมเมื่อ พ.ศ. ๒๔๖๘ ปีสุดท้ายในรัชกาลที่ ๖ แต่ฐานะครอบครัวก็ไม่ได้กระทบกระเทือนแต่อย่างใด เพราะคุณหญิงวิเศษสิงหนาถมีฐานะดีอยู่แล้ว จึงสามารถส่งเสียบุตรชายทั้งสองให้เล่าเรียนได้สูงตามที่มุ่งหมาย
ชีวิตในวัยหนุ่มของร้อยตรีโพยมเป็นไปด้วยดี ทั้งอาชีพการงานและส่วนตัว เขาพบรักกับธิดาของนายทหารใหญ่อีกคนหนึ่ง คือพันเอกพระยาศรีสิทธิสงคราม (ดิ่น ท่าราบ) อดีตนักเรียนทหารจากเยอรมัน
เธอชื่อคุณอัมโภช ท่าราบ ญาติพี่น้องต่างก็เห็นพ้องกันว่าเหมาะสมกันเป็นกิ่งทองใบหยก ต่อมาก็ได้สมรสกัน มีบุตร ๓ คนคือ ลูกสาวคนโตชื่ออัมพร บุตรชายคนกลางชื่อสุรยุทธ์ และนภาพร เป็นบุตรสาวคนเล็ก
ชื่อของลูกสาวทั้งสอง มีความหมายสอดคล้องกับชื่อพ่อ คือแปลว่า ท้องฟ้า
หลังเปลี่ยนแปลงการปกครอง ๑ ปี เกิดกบฏบวรเดช ในพ.ศ. ๒๔๗๖ ชื่อของพันเอกพระยาศรีสิทธิสงครามเป็นที่จารึกในประวัติศาสตร์การเมืองในฐานะแม่ทัพใหญ่ฝ่ายพระองค์เจ้าบวรเดช หาอ่านได้จาก กระทู้ "ชะตากรรมของพระยาทรงสุรเดช หนึ่งในสี่ทหารเสือคณะราษฎร์"
http://www.reurnthai.com/index.php?topic=3025.msg57959#msg57959ขณะนั้น โพยมเป็นนายร้อยทหารหนุ่ม ยังไม่มีบทบาทใดๆทางการเมือง