การเฉลิมฉลองการสถาปนากรุงรัตนโกสินทร์ครบ ๑๐๐ ปี ในปี พ.ศ. ๒๔๒๕ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงโปรดเกล้าฯ ให้มีการจัดกิจกรรมขึ้นหลายอย่าง หนึ่งในกิจกรรมที่ทรงพระราชทานพระบรมราชานุญาตให้จัดขึ้นก็คือ “งานพิพิธภัณฑ์” ซึ่งเป็นการนำเอาสินค้าพื้นเมืองของประเทศในขณะนั้นมาจัดแสดงเป็นนิทรรศการซึ่งเรียกว่างาน “เอกษฮีบิชัน” ให้ประชาชนได้เข้าชม ณ ท้องสนามหลวง โดยเรียกนิทรรศการครั้งนั้นว่า
“นิทรรศการแนชันนาลเอกษฮีบิชัน” (National Exhibition) ทรงมีพระราชดำริว่า
“...บ้านเมืองเจริญด้วยการค้าขาย ราษฎรทำเรือกสวนไร่นาต่างๆ ได้รับผลประโยชน์มาก ควรจะนำพืชพันทางการเกษตรที่เกิดขึ้นในประเทศ และราษฎรมีไว้ซื้อขายกัน เครื่องมือที่ใช้ทำมาหากินทุกอย่าง รวมถึงสิ่งของที่ทำขึ้นด้วยฝีมือตนเอง ทั้งที่ใช้ภายในประเทศและที่ส่งขายไปยังต่างประเทศ มารวบรวมไว้ในที่แห่งหนึ่งเพื่อให้พระบรมวงศานุวงศ์ ราษฎรชาวสยาม และชาวต่างประเทศได้มาชม เพื่อเป็นการแสดงให้ทราบว่า สิ่งใดผลิตขึ้นที่ไหน ผู้ที่จะซื้อขายสินค้าจะได้ทราบแหล่งผลิตดังกล่าว...”
การจัดกิจกรรมในรูปแบบนิทรรศการครั้งนั้น ได้จัดสร้างอาคารชั่วคราวขึ้น ณ บริเวณท้องสนามหลวง ซึ่งได้เตรียมการล่วงหน้ากันนานนับปี โดยทรงมอบหมายให้สมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอเจ้าฟ้าภาณุรังสีสว่างวงศ์ และกรมหลวงภาณุพันธุวงศ์วรเดช (ต้นราชสกุลภาณุพันธ์) เป็นแม่งาน พร้อมทั้งประกาศเชิญชวนให้พระบรมวงศานุวงศ์ ข้าราชการ ประชาชน และเจ้าของห้างร้นนำสิ่งของมาร่วมกันจัดแสดงงาน ภายในงานมีสิ่งของที่นำมาแสดง เช่น ผลผลิตทางการเกษตร อุตสาหกรรม งานช่างฝีมือ โบราณวัตถุ ของหายาก สิ่งประดิษฐ์ทางวิชาการต่าง ๆ เป็นต้น ซึ่งก็เปรียบเทียบได้กับแนวทางการบริหารราชการในปัจจุบันที่มีการกระตุ้นเศรษฐกิจด้วยการเพิ่มช่องทางการค้าขายมากยิ่งขึ้น
งานการจัดแสดงนิทรรศการครั้งนั้นได้มีบันทึกถึงบรรยากาศการจัดงานไว้ว่า
“ในงานมีการสร้างปะรำด้วยไม้ไผ่หลายหลัง มีรั้วไม้ไผ่กั้นโดยรอบและแบ่งเป็นห้อง ๆ ของที่นำมาจัดแสดงมีประมาณ ๔๐ ชนิด มีของน่าชมอยู่หลายห้อง เช่น เครื่องเพชรพลอย เครื่องเงิน การแสดงหุ่นในเครื่องแต่งกายแบบต่างๆ ภาพเขียน เครื่องมุก เครื่องจักสาน งาช้าง เครื่องมือประมง แร่ธาตุต่าง ๆ อาวุธ เหรียญและเงินโบราณ ตลอดจนพืชพันธุ์ของป่า ส่วนที่สำคัญที่สุด เห็นจะได้แก่ ส่วนของการส่งเสริมการศึกษา ซึ่งทรงโปรดเกล้าฯ ให้มีกิจกรรมทางการศึกษา คือ ให้มีเทศนาพระราชประวัติพงศาวดารกรุงเทพฯ และพระบวรประวัติ
รวมทั้งจัดแสดงหนังสือไทยฉบับตัวเขียนจากหอสมุดหลวง โดยพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงบดินทรไพศาลโสภณ ผู้บัญชาการกรมอารักษ์ทรงรับผิดชอบในการจัด” งานนิทรรศการครั้งนั้น เริ่มจัดตั้งแต่วันที่ ๒๖ เมษายน ถึงวันที่ ๑๖ มิถุนายน พ.ศ. ๒๔๒๕ เป็นเวลา ๕๒ วัน โดยในวันเปิดงาน พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงเสด็จพระราชดำเนินมาเปิดงานและเสด็จทอดพระเนตรสิ่งของต่าง ๆ ที่นำมาจัดแสดงด้วย
จากการจัดนิทรรศการในครั้งนั้น พระองค์จึงทรงโปรดเกล้าฯ ให้สร้างเหรียญที่ระลึก เรียกว่า “เหรียญที่ระลึกสำหรับพระราชทานผู้ช่วยในการแนชันนาลเอกษฮีบิชั่น” โดยมีจุดประสงค์เพื่อพระราชทานแก่ผู้ที่มาช่วยเหลืองาน ซึ่งปรากฏหลักฐานถึงผู้ที่ได้รับพระราชทานท่านหนึ่ง ได้แก่ นายกุหลาบ ตฤษณนนท์ นักเขียนนามปากาว่า ก.ส.ร. ผู้เป็นบรรณาธิการหนังสือสยามประเภทในขณะนั้น นายกุหลาบได้นำหนังสือจำนวน ๑๕๐ เล่ม มาร่วมจัดแสดง แต่ยอมให้ประชาชนดูเพียง ๑๔๙ เล่ม ส่วนอีกหนึ่งเล่ม คือ อภินิหารบรรพบุรุษ ไม่ยอมให้ใครดู เพราะตั้งใจจะทูลเกล้าฯ ถวายพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเพียงพระองค์เดียว และ
ในงานนี้นายกุหลาบก็ได้รับพระราชทานเหรียญที่ระลึกในงานนิทรรศการแห่งชาติในฐานะผู้ช่วยงานอีกด้วย ข้อมูลจาก
เว็บพิพิธภัณฑ์เฉลิมพระนคร