ถ้าไทยเตรียมตัวได้พร้อมจะรับมือ AEC ก็จะช่วยให้ไทยพัฒนาได้เร็ว พ้นจากคำว่า "ประเทศกำลังพัฒนา" เสียที
แต่ถ้าไม่พร้อม เพราะภาครัฐของเราไม่พร้อม ทำให้เอกชนที่คล่องตัวกว่าถูกดึงให้ช้าลงด้วย ก็จะเป็น "ประเทศกำลังพัฒนา" ต่อไปอีกหลายปี
อืม์ ความเห็นนี้มีความเห็นต่างในมุมมองอื่นๆครับ ผมเกือบจะไม่ให้ความสนใจในประเด็นนี้มากเหมือนแต่ก่อนแล้ว
ผมเห็นว่า การจัดให้เป็นประเทศพัฒนาแล้วหรือประเทศกำลังพัฒนา ก็เป็นเพียงการจำแนกกลุ่มซึ่งมีผลในเรื่องทางการเมืองระหว่างประเทศ ถ้าติดตามดูข้อพิจารณาที่ใช้ในการจำแนกตั้งแต่หลังสงครามโลกเป็นต้นมา จะเห็นว่า เรื่อง หัวข้อ หรือประเด็นที่ใช้ในการพิจารณาจำแนกจะมีเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งผลหรือข้อมูลของเรื่องที่นำมาจำแนกก็ไม่ได้มีเส้นแบ่งที่ชัดเจน เป็นการประมวลข้อมูลและคิดว่าประเทศใดควรจะถูกจัดเป็นประเทศพัฒนาแล้ว ทั้งนี้ การจำแนกโดยองค์กรนานาชาติต่างๆหรือรัฐของแต่ละประเทศก็จำแนกไม่เหมือนกัน จึงมีรายชื่อประเทศที่พัฒนาแล้วไม่เหมือนกันอีกด้วย
มีข้อสังเกตว่า ประเทศที่พัฒนาแล้วเกือบทั้งหมดเป็นประเทศที่อยู่ในทวีปยุโรป ทวีปอเริกาเหนือ และประเทศทางซีกโลกใต้ จะเรียกว่าเป็นประเทศที่มีประชากรเป็นฝรั่งผมทองก็ไม่ผิดนัก ในเอเซียก็มีญี่ปุ่นเท่านั้นที่เป็นหลัก ประเทศอื่นๆ เช่น เกาหลี บรูไน หรือ เขตปกครองอื่นๆเช่น ฮ่องกง และไต้หวัน เหล่านี้ หลายองค์กรและหลายรัฐจัดให้เป็นประเทศพัฒนาแล้ว แต่บางประเทศก็ไม่จัดให้เป็นประเทศพัฒนา
อนึ่ง การจำแนกนี้แม้จะดูว่ามีข้อมูลสนับสนุนและค่อนข้างเป็นทางการ แต่ผมก็เห็นว่ามันเป็นเพียงนามธรรม ไม่มีกฎกติกาที่เป็นผลทางกฎหมาย ดังนั้น การจะทำตนให้เป็นประเทศอยู่ในกลุ่มใดจึงไปขึ้นกับเรื่องที่เราปฎิบัติและแสดงออกในสังคมนานาชาติ
ในองค์กรนานาชาติ โดยเฉพาะในสายของ UN เขาจะมีการแบ่งกลุ่มแบ่งสังกัด เพื่อช่วยกันผลักดันวาระต่างๆให้เกิดประโยชน์กับกลุ่ม เช่น กลุ่มประเทศผู้ให้ (Donating countries) กลุ่มประเทศผู้รับ (Recipient countries) กลุ่มประเทศในเอเซีย กลุ่มประเทศในอัฟริกา กลุ่มประเทศ GRULAC (Group of Latin America and the Caribbean) กลุ่มประเทศ G77 and China และกลุ่ม NIS (New Independent States) สังเกตใหมครับ ไม่มีกลุ่มประเทศย่อยๆเช่น อาเซียน หรือ Benelux หรือ Scandinavian หรือ CIS (Commonwealth of Independent States)
กลุ่มประเทศ G77 ก็คือ กลุ่มที่จัดเป็นประเทศกำลังพัฒนาทั้งหมด (ไทยก็เป็นประเทศในกลุ่มนี้และร่วมก่อตั้งใน 77 ประเทศแรก) ประเทศในกลุ่มนี้ในปัจจุบันมี 132 ประเทศ
บางประเทศ เช่น เกาหลี พยายามจะทำตนเป็นประเทศพัฒนาแล้วในสังคมนานาชาติ พยายามเข้าไปอยู่ในกลุ่มประเทศผู้ให้ เลยทำตัวลำบาก ขาดพวกพ้อง กลุ่ม G77 และจีน ก็ระแวง กลุ่มเอเซียก็ระแวง กลุ่มประเทศผู้ให้ก็ไม่ค่อยจะยอมรับ จีนเองยังขอมาพ่วงอยู่กับกลุ่ม G77 แต่ขอเป็นเอกเทศ จึงต้องมีคำว่า and China กลุ่ม NIS น่าสงสาร เป็นพวกคนในุโรปผมสีทอง จะสมัครเข้ามาอยู่ในกลุ่ม G77 ก็คุยกับใครลำบาก จะอยู่ในกลุ่มประเทศผู้ใ้ห้ (ซึ่งเป็นประเทศในยุโรปทั้งหลาย) เขาก็ยังไม่เอาด้วยว่ายังต้องการความช่วยเหลือต่างๆอยู่
เล่ามาเสียยืดยาว ก็เพียงเพื่อจะอธิบายว่า แตกกลุ่มออกไปแล้วก็จะขาดพวกพ้อง จะต้องมีค่าใช้จ่ายรับผิดชอบต่อสังคมโลกมากขึ้น หากเรายังคิดว่ายังนิยมความช่วยเหลือทางเทคโนโลยีและโครงการต่างๆแล้ว การถูกจัดอยู่ในกลุ่มประเทศที่กำลังพัฒนาก็ดูจะดีกว่ากระมัง ผมคิดว่าหากเราอยากจะออกไปจากกลุ่มนี้ก็ทำได้ไม่ยากนัก ความช่วยเหลือที่เราให้กับประเทศเพื่อนบ้านรอบบ้านเราที่ผ่านมาไม่มากมายนักนั้น ก็ทำให้หลายประเทศเขาตัดความช่วยเหลือเราลงไปชนิดว่าแทบจะไม่มีอยู่แล้ว ในปัจจุบันเขาจัดให้เราเป็นประเทศ Advance developing country ไปแล้วครับ ทุกประเทศผู้ให้ได้ตัด ODA (Official Development Assistance) สำหรับเราไปจนจะไม่มีอะไรอยู่แล้ว ซึ่งด้วยสภาพของไทยในองค์รวม จากการให้เปล่าแบบ ODA ก็ได้กลายเป็น หากขอมาอย่างจริงจัง จะให้ก็ได้แต่ต้องมีการแลกเปลี่ยน ตามหลักว่า ไม่มีอะไรได้มาฟรีๆ (Nothing is for granted)
ประเด็นของเรื่อง คือ ผมยังไม่เคยเห็นนโยบายที่ชัดเจนว่าเราจะก้าวอย่างไร เราจะทำตัวอย่างไรกับสภาพในสังคมนานาชาตินี้ เราถูกจัดเป็นประเทศที่กำลังพัฒนาที่ก้าวหน้าในระดับต้นๆไปแล้ว แต่เราก็มิได้มีแนวนโยบายที่เป็นที่เข้าใจในวงกว้างว่าจะก้าวออกไปแสวงประโยชน์ในฐานะนี้อย่างไร ก็ยังคิดและจมปลักอยู่แต่จะขอความช่วยเหลือเป็นหลัก ผมเกษียณมาหลายปีแล้ว สภาพการณ์ก็อาจจะเปลี่ยนไปเล้วก็ได้นะครับ