หลังจากจอร์จ ฟลอยด์ ชายอเมริกันเชื้อสายแอฟริกัน เสียชีวิตขณะถูกตำรวจเมืองมินนีแอโปลิสจับกุมรุนแรงเมื่อวันที่ ๒๕ พฤษภาคม โดยมีวิดีโอบันทึกเหตุการณ์แสดงภาพเขาโดนเจ้าหน้าที่ตำรวจผิวขาวใช้เข่ากดทับลำคอเขาลงกับพื้นถนน การประท้วงในสหรัฐฯ รุนแรงจนกลายเป็นการก่อจลาจลในหลายเมือง เกิดเป็นกระแสเคลื่อนไหวรณรงค์เพื่อคนผิวดำ 'Black Lives Matter' ไปทั่วโลก
ก่อนหน้านี้ที่ออสเตรเลีย มีคนนับหมื่นออกชุมนุมประท้วงที่นครซิดนีย์ บริสเบน เมลเบิร์น โฮบาร์ต แอดิเลด และเมืองอื่น ๆ แม้ว่าจะมีคำเตือนจากเจ้าหน้าที่สาธารณสุข ที่สถานีรถไฟกลางที่นครซิดนีย์ เกิดการปะทะรุนแรงเล็กน้อยในช่วงค่ำ โดยตำรวจใช้สเปรย์พริกไทยในการควบคุมฝูงชน แต่ตำรวจบอกว่ามีการจับกุมผู้ประท้วงแค่ ๓ รายเท่านั้น จากผู้ประท้วงทั้งหมด ๒๐,๐๐๐ คน ตอนแรกศาลตัดสินว่าการประท้วงที่นครซิดนีย์ผิดกฎหมาย ก่อนที่ศาลอุทธรณ์จะกลับคำตัดสิน ๑๕ นาทีก่อนการประท้วงมีกำหนดเริ่มต้น โดยอนุญาตให้คนรวมตัวกันได้ ๕,๐๐๐ คน
ที่จัตุรัสรัฐสภาบริเวณใจกลางกรุงลอนดอนมีผู้ประท้วงไปรวมตัวกันหลายพันคนแล้ว โดยส่วนใหญ่ใส่ผ้าคลุมหน้า และมีหลายคนที่ใส่ถุงมือด้วย ป้ายประท้วงหลายชิ้นเป็นการสื่อไปถึงสถานการณ์โควิด-๑๙ อาทิ "มันมีไวรัสที่อันตรายกว่าโควิด-๑๙ เรียกว่าการเหยียดเชื้อชาติ"
เมื่อคืนวันศุกร์ผู้จัดการประท้วง 'Black Lives Matter' ในเบลฟาสต์และลอนดอนเดอร์รีในไอร์แลนด์เหนือบอกว่าจะจัดการชุมนุมแบบเว้นระยะห่างทางสังคม และในขณะนี้ ตำรวจไอร์แลนด์เหนือบอกว่าพวกเขาได้ตั้งด่านเพื่อหยุดรถผู้ที่จะเดินทางไปประท้วง และเตือนให้กลับบ้าน หรือไม่ก็จะโดนโทษปรับ
https://www.bbc.com/thai/international-52950702