คุณกรกิจ ดิษฐาน เล่าถึงด้านมืดของโคลัมบัสไว้ดังนี้
วีรบุรุษที่ถูกโค่นล้มถ้าใครเคยอ่านหนังสือ A People's History of the United States จะทราบว่าบทแรกคือการลบล้างภาพลักษณ์ที่เราเคยเข้าใจเกี่ยวกับคริสโตเฟอร์ โคลัมบัส
ในสายตาคนคนทั่วไป โคลัมบัสคือผู้คนพบทวีปอเมริกา แต่แม้สถานะนี้ของเขาก็ยังถูกคัดค้าน เพราะอเมริกามีผู้ตั้งถิ่นฐานอยู่แล้ว (มิพักจะเอ่ยถึงชาวไวกิ้งที่น่าจะเป็นชาวยุโรปที่เดินทางไปถึงก่อนโคลัมบัสเสียอีก)
A People's History เป็นหนังสือแนวประวัติศาสตร์แมส ๆ ที่ขายดิบขายดีที่สุดในสหรัฐ และเปลี่ยนมุมมองของผู้คนเกี่ยวกับฮีโร่ในประวัติศาสตร์
ถ้าเรามองจากแนวคิดยุโรปเป็นศูนย์กลางโลก โคลัมบัสคือฮีโร่ที่ "ค้นพบ" และนำอารยธรรมาสู่ดินแดนป่าดอยอย่างอมเริกา แต่ในศตวรรษที่ ๒๐ ที่เราเน้นความหลากหลายทางวัฒนธรรม เราจะเห็นว่าโคลัมบัสเป็นผู้ทำลายมากกว่าสร้างอารยธรรม
โคลัมบัสถูกตั้งข้อหาว่าฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวพื้นเมืองอเมริกา จับพวกเขามาเป็นทาส ทำลายวัฒนธรรม ยัดเยียดศาสนาใหม่ แต่ยังนำโรคภัยจากโลกเก่าที่โลกใหม่ไม่รู้จักมาระบาด ทำให้คนพื้นเมืองบางเผ่าถึงกับสูญพันธุ์ไป
ตอนแรกที่โคลัมบัสพบกับคนพื้นเมืองอเมริกัน (เผ่าตาอิโน) เขาเล่าว่า
"พวกเขาแลกเปลี่ยนกับเราและมอบทุกสิ่งที่พวกเขามีด้วยความปรารถนาดี ... พวกเขายินดีเป็นอย่างยิ่งที่ทำให้เราพอใจ ... พวกเขาอ่อนโยนมากและไม่รู้ว่าสิ่งใดเป็นความชั่ว พวกเขาไม่ฆ่าหรือขโมย ... ทั้งโลกโลกไม่มีคนที่ดีกว่านี้ ... พวกเขารักเพื่อนบ้านเหมือนตัวเอง และพวกเขาก็พูดจาไพเราะที่สุดในโลก อ่อนโยนและหัวเราะอยู่เสมอ"
โคลัมบัสเขียนไปถึงพระเจ้ากรุงสเปนเสียหยาดเยิ้ม แต่ในทางปฏิบัติเขากลับบอกว่า "คนพวกนี้จะเป็นข้ารับใช้ได้ดียิ่ง ใช้คนสัก ๕๐ คน ก็ปราบอยู่แล้ว แล้วบังคับให้ทำอะไรก็ได้ตามที่เราต้องการ"
ในการพบกันครั้งที่ ๒โคลัมบัสเริ่มถามหาบรรณาการ เกณฑ์ให้ชาวเผ่าต้องหาของมา "ถวาย" แก่เขาหากไม่ได้ตามต้องการจะถูกตัดมือ ชนเผ่าที่โคลัมบัสชมว่าอ่อนโยนและไม่ฆ่า ถูกเขากดขี่จนต้องลุกขึ้นมาจับอาวุธต่อต้าน
เฉพาะตอนที่โคลัมบัสเป็นข้าหลวงเฮตินั้น มีคนพื้นเมืองเผ่าอาราวักตายไปถึง ๑๒๕,๐๐๐ คนจากประชากร ๒๕๐,๐๐๐ - ๓๐๐,๐๐๐ คน ส่วนใหญ่ตายเพราะถูกเกณฑ์แรงงานไปทำเหมืองทองที่ไม่มีอยู่จริง เพราะโคลัมบัสไปคุยฟุ้งว่าจะหา "เมืองทอง" มาถวายพระเจ้ากรุงสเปน
เพราะความฝันเฟื่องเรื่องอินเดียและเมืองทองของโคลัมบัสทำให้คนตายเป็นเบือ เราจะเห็นได้ว่าความฝันที่อิงกับความละโมบนั้นอันตรายเพียงใด ความฝันเรื่องเมืองทองนี้ยังผลักดันให้นักล่าชาวสเปนรุ่นหลังอย่าง กอร์เตส และปิซาร์โร ทำลายอาณาจักรแอซเท็กและอินคาจนพินาศไป
ว่าโดยคร่าว ๆ ในช่วงเวลาระหว่างปี ๑๔๙๔ ที่โคลัมบัส "พบอเมริกา" จนถึงปี ๑๕๐๘ ชาวตาอิโน ๓ ล้านคนตายสิ้นจากสงคราม การเกณฑ์แรงงาน และการจับลงเป็นทาส บาทหลวงชาวสเปน บาร์โตโลเมโอ เด ลาส กาซัส (Bartolomé de las Casas) ที่เห็นใจคนพื้นเมืองบันทึกด้วยความหดหู่ใจว่า "ใครเล่าในอนาคตจะเชื่อว่าเรื่องนี้เกิดขึ้น?"
แน่นอนว่าตอนนี้มีหลายคนเชื่อ และเริ่มขบวนการต่อต้านวันรำลึกโคลัมบัส ในช่วงนี้เริ่มจะเห็นการทำลายอนุสรณ์โคลัมบัส บทความเปิดโปงทางสื่อมากมาย
นักประวัติศาสตร์รุ่นใหม่จึงไม่มองโคลัมบัสเป็นฮีโร่ แต่มองว่าเขาคืออาชญากรฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ (Genocide) และมีเสียงเรียกร้องให้ยุติการเฉลิมฉลองวันโคลัมบัส ๑๔ ตุลาคม โดยเปลี่ยนเป็นวันรำลึกการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์
แน่นอนว่า มีผู้โต้แย้งแทนโคลัมบัสเช่นกัน และมีผู้บอกว่าในสิ่งที่โคลัมบัสทำถือว่าชอบแล้วด้วยมาตรฐานคนยุคเดียวกัน อย่าใช้ค่านิยมของคนในศตวรรษเราไปวัดเขา
แล้วเราเห็นว่าเราควรมองอดีตด้วยค่านิยมปัจจุบันหรือไม่?
https://www.facebook.com/719626953/posts/10156490619651954/