เรือนไทย
ยินดีต้อนรับ ท่านผู้มาเยือน
กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
ส่งอีเมล์ยืนยันการใช้งาน?
ข่าว: การแนบไฟล์ กรุณาใช้ชื่อไฟล์ภาษาอังกฤษเท่านั้นครับ
หน้า: 1 2 [3] 4 5 ... 12
  พิมพ์  
อ่าน: 17283 2020 อเมริกาจลาจล
เพ็ญชมพู
หนุมาน
********
ตอบ: 12599



ความคิดเห็นที่ 30  เมื่อ 08 มิ.ย. 20, 09:01

ที่สหรัฐอเมริกา รูปปั้นนายพล วิลเลียมส์ คาร์เตอร์ วิกแฮม ผู้มีบทบาทในสงครามกลางเมืองของสหรัฐ ซึ่งติดตั้งมานานตั้งแต่ ค.ศ. ๑๘๙๑ กลางเมืองริชมอนด์ รัฐเวอร์จิเนีย ถูกดึงโค่นลงมากองกับพื้น ซ้ำถูกพ่นสีที่ใบหน้า เป็นสัญลักษณ์ต่อต้านการรังแกคนผิวดำ

https://www.khaosod.co.th/around-the-world-news/news_4273584


บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 31  เมื่อ 08 มิ.ย. 20, 14:01

พิธีศพของจอร์จ ฟลอยด์ ในรัฐนอร์ธ คาโรไลน่า
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 32  เมื่อ 08 มิ.ย. 20, 16:08

THE STANDARD

สภาเมืองมินนีแอโปลิส มีมติเตรียมยุบหน่วยงานตำรวจประจำเมือง หลังการเสียชีวิตของ จอร์จ ฟลอยด์
.
เมื่อวานนี้ (8 มิถุนายน) สภาเมืองมินนีแอโปลิส รัฐมินนิโซตาของสหรัฐฯ มีมติ 9 จาก 12 เสียง เตรียมยุบหน่วยงานตำรวจประจำเมือง พร้อมส่งเสริมระบบความปลอดภัยในพื้นที่สาธารณะใหม่ หลังการเสียชีวิตของ จอร์จ ฟลอยด์ พลเมืองอเมริกันผู้ตกเป็นเหยื่อของการเลือกปฏิบัติและการกระทำเกินกว่าเหตุของผู้บังคับใช้กฎหมายอย่างเจ้าหน้าที่ตำรวจ จนเป็นเหตุทำให้เกิดกระแสประท้วงต่อต้านการเหยียดสีผิวขึ้นในหลายพื้นที่ทั่วสหรัฐฯ ตลอด 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา
.
โดย Jeremiah Ellison หนึ่งในสมาชิกสภาเมืองระบุว่า “สภากำลังจะเตรียมยุบหน่วยงานตำรวจนี้” ขณะที่ Lisa Bender ประธานสภาเมืองกล่าวยืนยันอีกเสียงว่า “เราอยู่ตรงนี้เพราะเราได้ยินเสียงของคุณ เราเดินมาถึงจุดนี้เพราะ จอร์จ ฟลอยด์ ถูกพรากชีวิตไปเพราะเจ้าหน้าที่ตำรวจ เรามาถึงจุดนี้เพราะในเมืองมินนีแอโปลิสและเมืองอื่นๆ ทั่วสหรัฐฯ แสดงให้เห็นชัดเจนว่า การปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจและระบบรักษาความปลอดภัยในพื้นที่สาธารณะไม่สามารถทำให้ชุมชนของเราปลอดภัยได้อีกต่อไป”
.
ทางการเตรียมยุบหน่วยงานดังกล่าว พร้อมลงทุนในระบบที่จะช่วยรักษาความปลอดภัยในพื้นที่สาธารณะเพิ่มมากขึ้น นับเป็นก้าวแรกที่สำคัญในการที่จะสร้างความเปลี่ยนแปลงให้เกิดขึ้นในสังคมอเมริกัน หลังมีพลเมืองแอฟริกัน-อเมริกัน รวมถึงคนผิวสีอื่นๆ จำนวนมากตกเป็นเหยื่อความรุนแรงและอคติของเจ้าหน้าที่รัฐ จนกลายเป็นหนึ่งในปัญหาที่ฝังรากลึกในสังคมอเมริกันเรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน
.
อ้างอิง:
- https://www.theguardian.com/…/george-floyd-protests-anti-ra…
- https://www.aljazeera.com/…/protests-police-brutality-conti…
- https://globalnews.ca/…/george-floyd-minneapolis-police-co…/
.
ภาพ: Jim Vondruska / NurPhoto via Getty Images
.
อ่านข่าวเพิ่มเติมได้ที่ https://thestandard.co/
#BlackLivesMatter #GeorgeFloyd #News #TheStandardCo
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 33  เมื่อ 09 มิ.ย. 20, 09:03

8 มิถุนายน 2563 สำนักข่าวต่างประเทศรายงาน เกิดเหตุชายขับรถพุ่งชนกลุ่มผู้ชุมนุมประท้วงต่อต้านการเหยียดผิว จากกรณีที่จอร์จ ฟลอยด์ ชายผิวดำที่เสียชีวิตหลังจากตำรวจใช้เข่ากดคอเขาไว้กับพื้นนานเกือบ 9 นาที ในเมืองซีแอตเทิล เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา
https://www.naewna.com/inter/497991


บันทึกการเข้า
ดาวกระจ่าง
มัจฉานุ
**
ตอบ: 89


ความคิดเห็นที่ 34  เมื่อ 10 มิ.ย. 20, 21:09

เป็นเรื่องที่น่าเศร้าใจจริงๆค่ะ ไทยเองก็มักจะมีเรื่องการเยียดแบบนี้ก็ไม่รุนแรงอะไรเท่าเมืองนอก
บันทึกการเข้า
เพ็ญชมพู
หนุมาน
********
ตอบ: 12599



ความคิดเห็นที่ 35  เมื่อ 12 มิ.ย. 20, 08:53

ทหารกับการเมือง ตัวอย่างที่ดีจากสหรัฐอเมริกา  ยิงฟันยิ้ม

พลเอก มาร์ค มิลลีย์ ประธานคณะผู้บัญชาการเหล่าทัพร่วมของสหรัฐฯ กล่าวในวันพฤหัสบดีว่า ตนทำผิดที่เดินร่วมคณะไปกับประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ จากทำเนียบขาวไปยังโบสถ์ที่อยู่อีกฝั่งหนึ่งของสวนลาฟาเยตต์ ระหว่างที่กำลังเกิดการประท้วงบริเวณหน้าทำเนียบขาวเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว

พลเอกมิลลีย์ กล่าวในพิธีจบการศึกษาของมหาวิทยาลัย National Defense ว่า การที่ตนไปปรากฏอยู่ที่นั่น ทำให้เกิดภาพว่ากองทัพกำลังเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับการเมืองภายในประเทศ พลเอกมิลลีย์ กล่าวว่า กองทัพไม่ควรยุ่งเกี่ยวกับการเมือง และในฐานะที่เป็นบุคคลในเครื่องแบบ ตนถือว่านั่นเป็นสิ่งที่ไม่เหมาะสม และเป็นบทเรียนสำหรับตนซึ่งหวังว่าทุกคนจะได้เรียนรู้จากเรื่องนี้

ประธานาธิบดีทรัมป์ และคณะเจ้าหน้าที่สหรัฐฯ เดินเท้าจากทำเนียบขาวไปยังโบสถ์ เซนต์ จอห์นส เมือวันที่ ๑ มิถุนายน ไม่นานหลังจากเจ้าหน้าที่ความมั่นคงใช้แก๊สน้ำตาสลายการชุมนุมในบริเวณสวนลาฟาเยตต์เพื่อเปิดทางให้ผู้นำสหรัฐฯ ซึ่งจบลงด้วยการถ่ายรูปหน้าโบสถ์แห่งนั้น โดยประธานาธิบดีทรัมป์ได้ถือคัมภีร์ไบเบิ้ลไว้ขณะตั้งท่าให้สื่อมวลชนถ่ายรูปด้วย

ก่อนหน้านี้ รัฐมนตรีว่าการระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ มาร์ค เอสเปอร์ ออกมากล่าวเช่นกันว่า ไม่สนับสนุนการใช้กำลังทหารเพื่อสลายการชุมนุมทั่วประเทศ ซึ่งเป็นแนวคิดของผู้นำสหรัฐฯ และว่าวิธีดังกล่าวควรจะเป็นมาตรการสุดท้ายที่จะเลือกมาใช้หากสถานการณ์เลวร้ายเกินกว่าควบคุม แต่ในขณะนี้ยังไม่เป็นเช่นนั้น

https://www.voathai.com/a/mike-miley-apologizes-on-trump-companion/5459115.html


บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 36  เมื่อ 12 มิ.ย. 20, 19:36

รูปปั้น คริสโตเฟอร์ โคลัมบัส หลายแห่งทั่วสหรัฐฯ ถูกทำลาย เพื่อคืนความยุติธรรมให้กับชนพื้นเมือง
.
วันนี้ (11 มิถุนายน) สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่าหลังการเสียชีวิตของ จอร์จ ฟลอยด์ ที่ปลุกกระแสต่อต้านการเหยียดสีผิว #BlackLivesMatter ขึ้นอีกครั้งในสังคมอเมริกัน กลายเป็นเเรงขับเคลื่อนให้พลเมืองจำนวนมากต่างออกมาต่อต้านความอยุติธรรมในมิติอื่นๆ ของสังคม โดยบรรดารูปปั้นและอนุสรณ์สถานที่เกี่ยวข้องกับประวัติศาสตร์ของการกดขี่ การค้าทาส การเหยียดเชื้อชาติ ต่างทยอยถูกทำลาย
.
รูปปั้น คริสโตเฟอร์ โคลัมบัส คือหนึ่งในนั้น มีรายงานว่ารูปปั้นโคลัมบัสหลายแห่งทั่วประเทศถูกทำลายลงเพื่อคืนความยุติธรรมให้กับชนพื้นเมืองที่เสียชีวิต กลุ่มผู้ชุมนุมระบุว่าเขาก็ไม่ต่างอะไรกับฆาตกรที่เข่นฆ่าชาวอินเดียนแดงไปเป็นจำนวนมาก รูปปั้นของเขาบางแห่งบ้างก็ถูกตัดหัว บ้างก็ถูกโยนลงทะเลสาบ บ้างก็ถูกลากไปตามพื้นถนน
.
ทางด้าน มาร์ติน วอล์ช นายกเทศมนตรีเมืองบอสตัน หนึ่งในเมืองที่รูปปั้นของโคลัมบัสถูกทำลาย ระบุว่ารูปปั้นดังกล่าวถูกตั้งเป็นครั้งแรกในเมืองนี้เมื่อปี 1979 ก่อนที่จะถูกทำลายด้วยการพ่นสีสเปรย์เมื่อปี 2015 รูปปั้นที่เพิ่งจะถูกตัดหัวนี้เป็นรูปปั้นใหม่ที่ถูกนำมาตั้งแทนรูปปั้นเดิม สิ่งที่เกิดขึ้นทั้งในเมืองบอสตันรวมถึงอีกหลายพื้นที่ทั่วประเทศสะท้อนให้เราเห็นว่าอาจถึงเวลาแล้วที่เราจะกลับไปศึกษาประวัติศาสตร์อีกครั้งเพื่อทำความเข้าใจเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
.
อ้างอิง:
- https://www.cbsnews.com/…/christopher-columbus-statue-bost…/
- https://www.theguardian.com/…/christopher-columbus-statue-t…
- https://edition.cnn.com/…/christopher-columbus-s…/index.html
.
ภาพ: Tim Bradbury / Getty Images
.
อ่านข่าวเพิ่มเติมได้ที่ https://thestandard.co/
#ChristopherColumbus #News #TheStandardCo


บันทึกการเข้า
เพ็ญชมพู
หนุมาน
********
ตอบ: 12599



ความคิดเห็นที่ 37  เมื่อ 12 มิ.ย. 20, 20:19

คุณกรกิจ ดิษฐาน เล่าถึงด้านมืดของโคลัมบัสไว้ดังนี้

วีรบุรุษที่ถูกโค่นล้ม


ถ้าใครเคยอ่านหนังสือ A People's History of the United States จะทราบว่าบทแรกคือการลบล้างภาพลักษณ์ที่เราเคยเข้าใจเกี่ยวกับคริสโตเฟอร์ โคลัมบัส

ในสายตาคนคนทั่วไป โคลัมบัสคือผู้คนพบทวีปอเมริกา แต่แม้สถานะนี้ของเขาก็ยังถูกคัดค้าน เพราะอเมริกามีผู้ตั้งถิ่นฐานอยู่แล้ว (มิพักจะเอ่ยถึงชาวไวกิ้งที่น่าจะเป็นชาวยุโรปที่เดินทางไปถึงก่อนโคลัมบัสเสียอีก)  

A People's History เป็นหนังสือแนวประวัติศาสตร์แมส ๆ ที่ขายดิบขายดีที่สุดในสหรัฐ และเปลี่ยนมุมมองของผู้คนเกี่ยวกับฮีโร่ในประวัติศาสตร์  

ถ้าเรามองจากแนวคิดยุโรปเป็นศูนย์กลางโลก โคลัมบัสคือฮีโร่ที่ "ค้นพบ" และนำอารยธรรมาสู่ดินแดนป่าดอยอย่างอมเริกา แต่ในศตวรรษที่ ๒๐ ที่เราเน้นความหลากหลายทางวัฒนธรรม เราจะเห็นว่าโคลัมบัสเป็นผู้ทำลายมากกว่าสร้างอารยธรรม

โคลัมบัสถูกตั้งข้อหาว่าฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวพื้นเมืองอเมริกา จับพวกเขามาเป็นทาส ทำลายวัฒนธรรม ยัดเยียดศาสนาใหม่ แต่ยังนำโรคภัยจากโลกเก่าที่โลกใหม่ไม่รู้จักมาระบาด ทำให้คนพื้นเมืองบางเผ่าถึงกับสูญพันธุ์ไป

ตอนแรกที่โคลัมบัสพบกับคนพื้นเมืองอเมริกัน (เผ่าตาอิโน) เขาเล่าว่า

"พวกเขาแลกเปลี่ยนกับเราและมอบทุกสิ่งที่พวกเขามีด้วยความปรารถนาดี ... พวกเขายินดีเป็นอย่างยิ่งที่ทำให้เราพอใจ ... พวกเขาอ่อนโยนมากและไม่รู้ว่าสิ่งใดเป็นความชั่ว พวกเขาไม่ฆ่าหรือขโมย ... ทั้งโลกโลกไม่มีคนที่ดีกว่านี้ ... พวกเขารักเพื่อนบ้านเหมือนตัวเอง และพวกเขาก็พูดจาไพเราะที่สุดในโลก อ่อนโยนและหัวเราะอยู่เสมอ"

โคลัมบัสเขียนไปถึงพระเจ้ากรุงสเปนเสียหยาดเยิ้ม แต่ในทางปฏิบัติเขากลับบอกว่า "คนพวกนี้จะเป็นข้ารับใช้ได้ดียิ่ง ใช้คนสัก ๕๐ คน ก็ปราบอยู่แล้ว แล้วบังคับให้ทำอะไรก็ได้ตามที่เราต้องการ"
 
ในการพบกันครั้งที่ ๒โคลัมบัสเริ่มถามหาบรรณาการ เกณฑ์ให้ชาวเผ่าต้องหาของมา "ถวาย" แก่เขาหากไม่ได้ตามต้องการจะถูกตัดมือ ชนเผ่าที่โคลัมบัสชมว่าอ่อนโยนและไม่ฆ่า ถูกเขากดขี่จนต้องลุกขึ้นมาจับอาวุธต่อต้าน

เฉพาะตอนที่โคลัมบัสเป็นข้าหลวงเฮตินั้น มีคนพื้นเมืองเผ่าอาราวักตายไปถึง ๑๒๕,๐๐๐ คนจากประชากร ๒๕๐,๐๐๐ - ๓๐๐,๐๐๐ คน ส่วนใหญ่ตายเพราะถูกเกณฑ์แรงงานไปทำเหมืองทองที่ไม่มีอยู่จริง เพราะโคลัมบัสไปคุยฟุ้งว่าจะหา "เมืองทอง" มาถวายพระเจ้ากรุงสเปน

เพราะความฝันเฟื่องเรื่องอินเดียและเมืองทองของโคลัมบัสทำให้คนตายเป็นเบือ เราจะเห็นได้ว่าความฝันที่อิงกับความละโมบนั้นอันตรายเพียงใด ความฝันเรื่องเมืองทองนี้ยังผลักดันให้นักล่าชาวสเปนรุ่นหลังอย่าง กอร์เตส และปิซาร์โร ทำลายอาณาจักรแอซเท็กและอินคาจนพินาศไป

ว่าโดยคร่าว ๆ ในช่วงเวลาระหว่างปี ๑๔๙๔ ที่โคลัมบัส "พบอเมริกา" จนถึงปี ๑๕๐๘  ชาวตาอิโน ๓ ล้านคนตายสิ้นจากสงคราม การเกณฑ์แรงงาน และการจับลงเป็นทาส บาทหลวงชาวสเปน บาร์โตโลเมโอ เด ลาส กาซัส (Bartolomé de las Casas) ที่เห็นใจคนพื้นเมืองบันทึกด้วยความหดหู่ใจว่า "ใครเล่าในอนาคตจะเชื่อว่าเรื่องนี้เกิดขึ้น?"

แน่นอนว่าตอนนี้มีหลายคนเชื่อ และเริ่มขบวนการต่อต้านวันรำลึกโคลัมบัส ในช่วงนี้เริ่มจะเห็นการทำลายอนุสรณ์โคลัมบัส บทความเปิดโปงทางสื่อมากมาย

นักประวัติศาสตร์รุ่นใหม่จึงไม่มองโคลัมบัสเป็นฮีโร่ แต่มองว่าเขาคืออาชญากรฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ (Genocide) และมีเสียงเรียกร้องให้ยุติการเฉลิมฉลองวันโคลัมบัส ๑๔ ตุลาคม โดยเปลี่ยนเป็นวันรำลึกการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์

แน่นอนว่า มีผู้โต้แย้งแทนโคลัมบัสเช่นกัน และมีผู้บอกว่าในสิ่งที่โคลัมบัสทำถือว่าชอบแล้วด้วยมาตรฐานคนยุคเดียวกัน อย่าใช้ค่านิยมของคนในศตวรรษเราไปวัดเขา

แล้วเราเห็นว่าเราควรมองอดีตด้วยค่านิยมปัจจุบันหรือไม่?

https://www.facebook.com/719626953/posts/10156490619651954/

บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 38  เมื่อ 13 มิ.ย. 20, 10:15

ม็อบสหรัฐฯ บุกทำลายศูนย์ตรวจโควิดกว่า 70 แห่ง หวั่นระบาดเกินควบคุม

ผู้ประท้วงเหยียดผิวในสหรัฐอเมริกา บุกทำลายศูนย์ตรวจโควิด-19 ไปมากกว่า 70 แห่ง จนกระทั่งทำเนียบขาวต้องออกมาแสดงความกังวล ว่าอาจจะทำให้ศักยภาพในการตรวจหายเชื้อลดลงอย่างหนัก และการยับยั้งควบคุมการแพร่ระบาดก็ยากเกิดควบคุมมากยิ่งขึ้นไปอีก

ล่าสุดทางการต้องสั่งให้สถานพยาบาล ต้องเก็บเครื่องมือบางอย่างออกมา และกระจายออกไปยังพื้นที่ชนบทหลีกเสี่ยงความเสียหายและเพิ่มความทั่วถึงในการให้บริการทางการแพทย์

https://ch3plus.com/news/category/192856?fbclid=IwAR0dhb_y8grTUAQz1dYskyWYKDgkmkeGAPGR7S8f674JtjpU9ybWK0ZD7OM
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 39  เมื่อ 14 มิ.ย. 20, 19:32

ชุมนุมประท้วงกรณีจอร์จ ฟลอยด์ยังไม่มีท่าทีว่าสงบ   คดีตำรวจผิวขาวยิงคนดำตายก็เป็นโรคแทรกซ้อนขึ้นมาอีกแล้ว
เชิญอ่านในลิ้งค์ค่ะ

https://mgronline.com/around/detail/9630000061540
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 40  เมื่อ 15 มิ.ย. 20, 09:08

บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 41  เมื่อ 15 มิ.ย. 20, 09:12

การประท้วงในอเมริกายังไม่มีท่าทีว่าจะหยุด    ตรงกันข้ามกับกระจายแพร่หลายไปเรื่อยๆ   แม้แต่ในท้องถิ่นชุมชนของคนขาวเอง  อย่างภาพข้างล่างนี้  เกิดขึ้นในคาลิฟอร์เนีย 
คนผิวขาวออกมาร่วมประท้วงเข้าข้างคนดำ


บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 42  เมื่อ 16 มิ.ย. 20, 08:37

ทรัมป์ไม่ปลื้ม สถานทูตที่เกาหลีใต้ยอมปลดป้าย Black Lives Matter
สถานทูตสหรัฐฯ นำป้ายข้อความ Black Lives Matter ลงจากอาคาร ท่ามกลางรายงานระบุว่า การขึ้นป้ายข้อความต่อต้านความรุนแรงต่อคนผิวดำสร้างความไม่พอใจให้กับผู้นำสหรัฐฯ

เว็บไซต์ฟอร์จูน รายงานวันที่ 15 มิ.ย. อ้างแหล่งข่าวระบุว่า นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ และนายไมค์ ปอมเปโอ รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ ไม่พอใจต่อกรณีสถานทูตสหรัฐฯ ประจำเกาหลีใต้ ขึ้นป้ายข้อความ Black Lives Matter เพื่อแสดงความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกับผู้ประท้วงที่ต้องการเรียกร้องความยุติธรรมให้กับคนผิวดำ จนทางสถานทูตต้องปลดป้ายดังกล่าวลง

https://www.thairath.co.th/news/foreign/1869701

ลุงแกก็ช่างสร้างข่าวลดคะแนนเลือกตั้งให้ตัวเองได้บ่อยจริงๆ
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 43  เมื่อ 21 มิ.ย. 20, 10:46

จาก Facebook ของคุณปฐมพงษ์ โพธิ์ประสิทธินันท์

อเมริกาจบแล้วครับ:

รูปปั้นหรืออนุสาวรีย์อดีต ๒ ประธานาธิบดีผู้ยิ่งใหญ่ซึ่งก่อตั้งอเมริกามาคือจอร์จ วอชิงตัน ผู้เป็นที่มาของกรุง *วอชิงตัน* เมืองหลวงของอเมริกาและโทมัส เจฟเฟอร์สัน ผู้ร่างแถลงการณ์ประกาศอิสรภาพของอเมริกาเจอนักประท้วงเรียกร้องสิทธิคนผิวดำทำลายเสียแล้ว

สรุปว่าอดีตประธานาธิบดีอเมริกา ๒ คนนี้แม้จะมีนักรัฐศาสตร์ชาวไทยนับถือมาก อ้างถึงมาก   ก็อยู่ในกลุ่มเหยียดผิวเช่นเดียวกัน กล่าวได้ว่าการเหยียดผิวมีมาตั้งแต่เริ่มตั้งสหรัฐอเมริกาเลยทีเดียว

ทั้งประธานาธิบดีที่เหลือแต่รูปปั้น ทั้งประธานาธิบดีที่ยังมีชีวิตอยู่ของอเมริกาล้วนแต่ถูกกล่าวหาว่าเหยียดผิวแทบทั้งนั้นครับ ปัจจุบัน ประธานาธิบดีเป็นๆ ของอเมริกาก็ยังถูกกล่าวหาว่าส่งเสริมการเหยียดคนผิวดำ คนอินเดียนแดงและคนเอเซียเหมือนเดิม แถมชอบส่งทหารไปทำสงครามบั่นทอนเสถียรภาพทั่วโลกอีกต่างหาก

ถ้ารูปปั้นหรืออนุสาวรีย์ประธานาธิบดีผู้ก่อตั้งอเมริกาโดนทำลายแบบนี้ จะมีใครเป็นต้นแบบประชาธิปไตยดีๆ ของอเมริกาหลงเหลืออยู่อีกครับ?

รายละเอียดโปรดดูครับ https://www.blockdit.com/articles/5eee1f6f031a4e0cb26f815d


บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 44  เมื่อ 21 มิ.ย. 20, 10:56

โทมัส เจฟเฟอร์สัน เป็น ประธานาธิบดีคนที่ 3  ของอเมริกา  ผู้ร่างคำประกาศอิสรภาพที่คนอเมริกันภูมิใจกันมาทุกวันนี้
ตอนหนึ่งในประกาศคือ มนุษย์ทุกคนเท่าเทียมกัน
สิ่งที่อเมริกากวาดไปเก็บไว้ใต้พรมมานานคือเขาเป็นนักค้าทาส   เป็นคนเหยียดผิว   เอาทาสผิวดำเป็นเมียเก็บ  จนมีลูกครึ่ง นอกกฎหมายด้วยกันหลายคน   โดยไม่เคยเปิดเผยต่อสังคม
ในพอร์ตแลนด์  อนุสาวรีย์ของเจฟเฟอร์สันโดนโค่นลงมาแล้ว


บันทึกการเข้า
หน้า: 1 2 [3] 4 5 ... 12
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2006, Simple Machines
Simple Audio Video Embedder

XHTML | CSS | Aero79 design by Bloc หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.057 วินาที กับ 19 คำสั่ง