สมัยรัชกาลที่ ๖ เป็นต้นมา การแต่งกายแบบลำลองของชาย เปลี่ยนจากการนุ่งผ้าลอยชายมาเป็นนุ่งกางเกงแพรลายสีต่าง ๆ เรียกว่า “กางเกงจีน” ยังคงใส่เสื้อคอกลมผ้าขาวบาง ถ้าจะออกนอกบ้านก็จะสวมเสื้อทับอีกชั้นหนึ่งและสวมหมวกเพื่อเป็นการสุภาพ
การแต่งกายของสตรีสมัยต้นรัชกาลที่ ๖ ยังคงนุ่งโจงกระเบน ใส่เสื้อระบายลูกไม้ ต่อมาเริ่มนุ่งซิ่นตามพระราชนิยมในรัชกาลที่ ๖ นิยมผ้าซิ่นลายเชิงงดงาม แบบเสื้อจึงเปลี่ยนไปเพื่อให้เหมาะสำหรับใส่เข้าชุดกับผ้าซิ่น สตรีสมัยนี้ยังคงสวมถุงน่องและรองเท้าส้นสูง แต่ถุงน่องไม่นิยมที่เป็นผ้าโปร่งมีลวดลายหรือปัดดิ้นอย่างแต่ก่อน หันไปนิยมถุงน่องเป็นสีพื้นธรรมดา ให้เข้ากับสีผ้าซิ่นหรือสีเสื้อแทน
ทางด้านทรงผมในระยะแรก มีพระราชดำริให้สตรีในราชสำนักปล่อยผมยาวแบบตะวันตกแทนการไว้ผมทรงดอกกระทุ่ม ต่อมาก็เกล้าผมยาวนั้นตลบไว้ที่ท้ายทอย เรียกว่า ข้าง ๆ ตัด“ผมโป่ง” บางคนนิยมไว้ “ผมบ๊อบ” คือตัดผมยาวเสมอคอ ผมข้าง ๆ ตัดให้ดูเป็นจอนหู ถ้าจอนใหญ่มากเรียกว่า“บ๊อบหู” ในสมัยนี้นิยมใช้เครื่องประดับคาดที่ศีรษะ ผู้ริเริ่มคือ พระองค์เจ้าวัลลภาเทวี พระวรกัญญาปทาน
http://www.thaithai.thmy.com/index4.html