นกข.
บุคคลทั่วไป
|
ความคิดเห็นที่ 15 เมื่อ 17 ต.ค. 00, 00:00
|
|
คุณอินทาเนียน่าจะทราบดีกว่าผม ว่าทำไมหมอจุฬาฯ ถึงได้เรียกตัวเองว่าอินเดียน และจัดงานอินเดียนแดงรับน้องใหม่ทุกปี เท่าที่ผม ซึ่งไม่ใช่หมอ (ไม่ได้มีแฟนเป็นหมอด้วย เพราะจีบไม่ติดอีกนั่นแหละ ... เฮ้อ-) ทราบ ตามประสาคนบุญไม่ถึง บุญส่งให้ไปถึงจุฬา แต่ส่งข้ามถนนอังรีดูนังต์ไม่ได้ หล่นปุ๊อยู่ตรงคณะรัฐศาสตร์นั่นเอง... นั้น ดูเหมือนการเล่นเป็นอินเดียนแดงในงานรื่นเริงรับน้องใหม่ของหมอจุฬาฯ จะมีมาหลายสิบปีแล้วครับ ตั้งแต่สมัยหนังฝรั่งโบราณเรื่องหนึ่ง เรื่อง Annie Get Your Gun เป็นหนังคาวบอย (หญิง) เข้ามาฉายในเมืองไทย นางเอก คือ Annie นั่นว่ากันว่ายิงปืนแม่นมาก คุณหมอรุ่นโน้น - จะสี่ห้าสิบปีได้แล้วมั้งครับ - ท่านไปดูหนังแล้วชอบใจ เอามาเล่นรับน้อง จนสืบมาเป็นธรรมเนียม เมื่อมีคาวบอยก็มีอินเดียนแดง มีการเล่นรอบกองไฟ (แต่หลังๆ คาวบอยหายไปนะ) มีการให้น้องใหม่ดื่มน้ำอมฤต firewater บางปีเล่ากันว่าพี่กรอกน้องจนเมา ต้องเอาไปนอนหอพักกันหลายคน ก็เคยได้ยินว่ามี มีปีหนึ่งหลายปีมาแล้ว มีเนื้อวัวย่างหรือวัวหัน (สมมติว่าเป็นแบบอินเดียนแดง) เฉือนให้น้องกินด้วย ผมจำได้เพราะเผอิญปีนั้นผมไปเป็นแขกของอินเดียนแดง ... เผ่าชอกี ... ทั้งหลายด้วยน่ะครับ เนื้อย่างอร่อยดีครับ แต่เดี๋ยวนี้ไม่ทราบจะไปเล่นรอบกองไฟได้ที่ไหน จุฬาฯ ทั้งฝั่ง รพ. ฝั่งมหาวิทยาลัยมีแต่ตึกแน่นไปหมดแล้ว นอกเรื่องหอวังไปหน่อยครับ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
วีณินทาเนีย
บุคคลทั่วไป
|
ความคิดเห็นที่ 16 เมื่อ 17 ต.ค. 00, 00:00
|
|
เคยมีโอกาสไปร่วมดื่มน้ำโสมะ..เอ๊ย..น้ำอมฤตร่วมกับพวกอินเดียนอยู่ ๒ ครั้ง ตอนนั้น...ครั้งที่ผมอยู่ปี ๑ ถูกป้อนน้ำอมฤต (จนไม่ได้สติสมปฤดี) เขาก่อกองไฟที่สนามฟุตบอลเล็กๆหน้าโรงยิมปรีดา อีกครั้งหนึ่ง...ตอนนั้นเพื่อนๆอยู่ชั้นปี ๔ กันแล้ว ผมเป็นฝ่ายป้อนน้ำอมฤตให้น้องๆ เขาจัดกันที่ลานจอดรถติดกับตึกสิริภาจุฑาภรณ์ ครั้งนั้นไฮเทคมาก เขาจุดกองไฟโดยใช้สายชนวนไฟแล่น เดี๋ยวนี้คิดว่าน่าจะยังจัดตรงนี้อยู่ เพราะหลับตาจินตนาการดูแล้วรู้สึกจะเป็นพื้นที่กว้างแห่งเดียวในโรงพยาบาลที่ยังไม่ได้ปลูกสิ่งก่อสร้าง
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
วีณินทาเนีย
บุคคลทั่วไป
|
ความคิดเห็นที่ 17 เมื่อ 17 ต.ค. 00, 00:00
|
|
วันหลังจะกลับไปช่วยพวกอินเดียนเขาพัฒนาเทคโนโลยีที่ใช้ในการจุดกองไฟ... เป็น ใช้ลำเลเซอร์มหัศจรรย์ความความคลื่น 1300 นาโนเมตรแทน
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ลุงแก่
บุคคลทั่วไป
|
ความคิดเห็นที่ 18 เมื่อ 18 ต.ค. 00, 00:00
|
|
ไม่ได้เข้ามา ๒ วัน ขอติดเรื่อง วังใหม่ กับคุณอินทาเนียไว้ก่อน ไม่มีข้อมูลข้างตัวเลย แบบว่าจะเตรียมย้ายบ้าน เลยขนหนังสือลงลัง ไปเก็บซะแล้ว แต่เข้าใจว่า วังใหม่ คงจะหมายถึง วังหลังนี้นั่นแหละ และขอแก้ข้อผิดของคุณหน่อย จุฬาฯ อยู่ในเขตปทุมวันครับ ไม่ใช่เขตพญาไท
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ลุงแก่
บุคคลทั่วไป
|
ความคิดเห็นที่ 19 เมื่อ 19 ต.ค. 00, 00:00
|
|
-เพิ่มเติม- ๑) เรื่องของหอวัง, คุณพระเจริญวิศวกรรม อดีตคณะบดีคณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณมหาวิทยาลัย ได้บันทึกในบทความของท่านที่ เมื่อ ๙ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๘๑ มีบางส่วนกล่าวถึงหอวังไว้ดังนี้ " ... คณะวิศวกรรมศาสตร์เกิดที่โรงเรียนข้าราชการพลเรือน ณ วังปทุมวัน พ.ศ. ๒๔๕๖ ซึ่งเดิมเรียกว่า แผนกยันตรศึกษา ใน พ.ศ. ๒๔๕๙ เมื่อได้ประกาศตั้งจุฬาลงกรณมหาวิทยาลัยขึ้นแล้ว แผนกยันตรศึกษา ก็ได้เข้ารวมอยู่ในมหาวิทยาลัยนี้และได้เปลี่ยนชื่อเป็นคณะวิศวกรรมศาสตร์ ใน พ.ศ. ๒๔๖๑ คณะวิศวกรรม ศาสตร์ได้ย้ายมาจากวังปทุมวัน มาอยู่ที่ตึกใหม่ของมหาวิทยาลัย ริมถนนสนามม้า ซึ่งเดี๋ยวนี้เป็นที่ตั้งของ กองบัญชาการและคณะอักษรศาสตร์ แผนกข้าราชการพลเรือนซึ่งเปลี่ยนชื่อเป็นคณะรัฐประศาสนศาสตร์ก็ได้ย้ายมาตึกใหม่พร้อมกับคณะ วิศวกรรมศาสตร์เหมือนกัน คณะวิศวกรรมศาสตร์อยู่ชั้นล่าง คณะรัฐประศานสศาสตร์อยู่ชั้นบน ส่วนโรงเรียนข้าราชการพลเรือนภายหลังกลายเป็นคณะอักษรศาสตร์และวิทยาศาสตร์ และหอวังปทุมวัน ซึ่งเป็นสำนักของนักเรียนมหาวิทยาลัย นักเรียนวิศวกรมศาสตร์ก็ได้พำนักอยู่ในหอนี้ และต่อมาภายหลัง เมื่อมีนักเรียนสำนักหอมากขึ้น มหาวิทยาลัยได้สร้างหอใหม่เพิ่มเติม นักเรียนวิศวกรรมศาสตร์ก็ได้ย้ายมา อยู่หอใหม่โดยส่วนมาก เมื่อคณะอักษรศาสตร์และวิทยาศาสตร์ย้ายมาอยู่ที่ตึกใหม่ริมถนนพญาไท ตัวตึก วังปทุมวันก็กลายเป็นโรงเรียนมัธยมหอวัง และเมื่อโรงเรียนมัธยมหอวังย้ายมาอยู่ที่โรงเรียนเตรียมอุดม ศึกษาริมถนนพญาไท ตัวตึกและหอวังปทุมวัน ก็ได้ถูกรื้อลงเพื่อสร้างสนามกีฬาแห่งชาติ ... "
๒) เรื่องของคำว่า เอนจิเนียร์, ในราชกิจจานุเบกษาในรัชกาลที่ ๔ เล่มที่ ๑ แผ่นที่ ๑๖ รัตนโกสินทรศก ๗๗ (พ.ศ. ๒๔๐๑) มีกล่าวว่า " ... ในกรุงสยามนี้ เมื่อครั้งกรุงเทพทวาราวดีศรีอยุทธยาเก่า แลกรุงลพบุรียังเปนกรุงที่ตั้งพระเจ้าแผ่นดิน สยามอยู่นั้น มีคนในเมืองยุโรปหลายชาติหลายภาษา คือฝรั่งเสศ สแบเนียด แลโปรตุเคศสามพวกที่ไทยได้ เรียกแต่ว่า ฝรั่งตามคำแขกอินเดียน ผู้ชักนำมาเรียกอยู่แต่ก่อน แลอังกฤษคริดฮอลันด์ก็มีบ้าง ตามทีได้ยิน มาแต่พวกโปรตุเคศนี้ได้มาอยู่ในเมืองไทยก่อนกว่าคนยุโรปเมืองอื่น มีจดหมายเหตุเก่าในเวลานานกว่าร้อยปี มาแล้วว่า ได้มีคนโปรตุเคศเปนเอนเยเนียช่วยแนะนำพระเจ้าแผ่นดินตัดทางพระพุทธบาท แล้วจัดทางขุด คลองตรงแลการอื่นๆ ครั้นเมื่อเมืองเดิมของของโปรตุเคศมีความวุ่นวายเปลี่ยนเจ้าแผ่นดิน แลอำนาถ แผ่นดินโปรตุคอลแปรปรวนไปด้วยแผ่นดินไหว แลข้าศึกภายนอกเบียดเบียนแลอื่นๆ คนโปรตุเคศที่อยู่ ในเมืองสยาม ไม่มีที่พึ่งที่อ้างในเมืองเดิมแล้วก็กลับกลายเปนคนเปนข้าแผ่นดินสยามไป ..." ชักสงสัยแล้วสิว่าคำว่า อินทาเนีย อาจจะมาจากภาษาโปรตุเกสหรือสเปนก็เป็นได้
๓) เรื่องของคำว่า นิสิต จากระเบียบการทั่วไปฯ ที่อ้างถึงในต้นกระทู้ ขอเพิ่มเติมดังนี้ "ข้อ ๙ การสอบวิชานักเรียนมัธยมบริบูรณ์ ซึ่งโรงเรียนจะเลือกเข้าเป็นนักเรียนชั้นนิสิต เป็นหน้าที่ของ กระทรวงธรรมการสอบไล่อยู่แล้ว เพราะฉะนั้นการสอนวิชาชั้นต้น ซึ่งโรงเรียนแผนกต่างๆ จะเลือกเข้า เป็นนักเรียนชั้นศิษย์ก็ควรจะมีเจ้าหน้าที่สอบไล่เป็นแห่งเดียวกัน จะได้เทียบวิชาสูงต่ำได้เสมอกัน เวลานี้ โรงเรียนข้าราชการพลเรือนจึงได้มอบให้กระทรวงธรรมการเป็นผู้สอบวิชานักเรียนให้ นักเรียนที่จะเข้า สอบวิชาชั้นต้นนี้ เพื่อกันไม่ให้ผู้ที่มีความรู้ต่ำเกินไปเข้ามาขอสมัครสอบ เป็นเหตุให้เสียเวลาของการตรวจ สอบ กระทรวงธรรมการจะเรียกค่าธรรมเนียมจากผู้สมัครสอบก็ได้ แต่อย่างสูงไม่เกินคนละ ๕ บาท"
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
อินทาเนีย
บุคคลทั่วไป
|
ความคิดเห็นที่ 20 เมื่อ 19 ต.ค. 00, 00:00
|
|
ผมตั้งใจจะหมายถึง "ถนนพญาไท" ครับคุณลุงแก่ ขอโทษครับที่เขียนไม่ละเอียด ปกติผมจะเขียนที่อยู่โรงเรียนเตรียมฯ แค่ว่า "โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา ถนนพญาไท กรุงเทพ 10330" แค่นี้ครับ
สำหรับคำว่า "เอนยิเนีย" ผมว่ามาจากคำภาษาอังกฤษว่า "Engineer" มากกว่าครับ
ส่วน "Intania" เปิดพจนานุกรมภาษาสเปน (Onine) ก็ไม่พบครับ ดูหน้าตาแล้วก็ไม่น่าจะเป็นภาษาโปรตุเกสด้วยเหมือนกัน
ผมว่า "อินทาเนีย" น่าจะเพี้ยนมาจาก "เอนยิเนีย" ซึ่งก็มาจาก "engineer" อย่างที่คุณ วศ. 38 (ความคิดเห็นที่ 13) ว่าไว้นั่นแหละครับ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ด.เด็ก
บุคคลทั่วไป
|
ความคิดเห็นที่ 21 เมื่อ 28 ต.ค. 00, 04:28
|
|
คำว่าอินทาเนีย น่าจะกร่อนมาจากเอ็นทะเนียซึ่งมาจากเอ็นจิเนียร์ ผมเคยอ่านตำราสร้างวิทยุของอาจารย์บุญสม แน่นหนา อาจารย์แต่งเรื่องนี้ไว้สอนชาวบ้านให้ซ่อมวิทยุเป็น ตัวเอกชื่อว่า เอ็นทะเนียแดง แล้วตอนอยู่จุฬาฯ ไปกินเหล้ากับเพื่อนชาววิศวะ เวลาครึ้มๆ เพื่อนก็แหกปากว่า"สมัญญาอินทะเนีย เกียร์มีรู'ให้ฟัง
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
|