มาต่อกัน...
เมื่อฝ่ายสยามรับทราบข้อมูลว่ามีบุคคลแอบอ้างเป็นเจ้านายเขมร ตกยากมาหากินเป็นหมอดู และให้บริการสักยันต์กับชาวบ้านแถบจังหวัดพิจิตร
ก็เลยจัดการสอบถาม รวมทั้งนำตัวมาให้การและมีการเขียนลายมือของพระองค์เจ้าพานคุลี เข้ามาด้วย
ลายมือนั้นเป็นลายมือบรรจง เขียนตัวใหญ่กว่าชาวสยามทั่วไป ลงท้ายด้วยการเซ็นชื่อเป็นภาษาอังกฤษ แต่เขียนภาษาไทยไม่ใคร่ถูกต้องตามวิธี
เนื่องจากเติบโตในกัมพูชา เช่น "ข้าพระพุฒิเจ้า" เป็นต้น ทำให้คาดคะเนได้ว่า พระองค์เจ้าพานคุลีนั้น รอบรู้อย่างน้อย ๓ ภาษาคือ ไทย เขมร อังกฤษ
คำให้การของพระองค์เจ้าพานคุลี (หนังสือราชการกรมพระยาดำรง เขียนว่า "พระองค์เจ้าพานดุรี") ให้การทำนองว่า ข้าพระพุฒิเจ้าขอกราบใต้เบื้องฝ่าพระบาท
เนื่องจากข้าพระพุฒิเจ้าทราบว่าแม่ของข้าพเจ้าเป็นชนชาติสยาม ชื่อ ฉวีวาด เป็นเจ้านายมาก่อนและพยายามอุดหนุนชาติสยามให้เจริญรุ่งเรืองด้วยเรื่องต่าง ๆ และได้เข้ามา
ยังสยามประเทศแห่งนี้เป็นเหมือนเขมรเข้ามาใหม่ ยังไม่รู้ความผิดชอบ
ลงชื่อ Phantugi
นี่ก็เสมือนเป็นคำให้การที่ว่า พระองค์เจ้าพานดุรี ยอมรับว่ามีมารดาเป็นชาวสยาม ชื่อฉวีวาด จริงและเกิดที่กัมพูชาจริง ไม่ใช่ใครมาหลอกลวงอ้างเป็นแน่ แต่ข้อหาต่อมาคือ
พระองค์เจ้าพานดุรีนั้น - เป็นเจ้าเขมรจริงหรือไม่ ตามที่เจ้าหญิงมัลลิกา พระธิดาในเจ้านโรดมท่านท้วงติงมา