สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ ทรงวินิจฉัยว่า พระราชพิธีอุปราชาภิเษกของเจ้าฟ้ากรมขุนพรพินิต น่าจะต่างจากพระราชพิธีอุปราชาภิเษกสมัยกรุงศรีอยุทธยาในอดีต เพราะเจ้าฟ้ากรมขุนพรพินิตไม่ได้เสด็จไปประทับที่วังหน้าอย่างพระมหาอุปราชในอดีต แต่ประทับที่พระตำหนักสวนกระต่ายในวังหลวงซึ่งเป็นที่ประทับเดิม จึงไม่มีการเฉลิมพระราชมณเฑียรในวังหน้า
เช่นเดียวกับพระราชพิธีอุปราชาภิเษกของเจ้าฟ้ากรมหลวงอิศรสุนทร เนื่องจากพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกย์ไม่โปรดจะให้เสด็จไปประทับที่วังหน้า จึงยังทรงประทับอยู่ที่พระราชวังเดิม (พระราชวังกรุงธนบุรี) ซึ่งเป็นที่ประทับมาแต่ก่อน จึงมีการปลูกตำหนักขึ้นชั่วคราวที่สวนกุหลาบแทนตำหนักสวนกระต่าย แล้วเชิญเจ้าฟ้ากรมหลวงอิศรสุนทรเสด็จเข้ามาประทับแรมอยู่ที่พระตำหนักนั้นตลอดเวลางาน
ในสมัยรัชกาลที่ ๒ พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัยทรงพระกรุณาโปรดให้ตั้งพระราชพิธีอุปราชาภิเษกสมเด็จพระอนุชาธิราช เจ้าฟ้ากรมหลวงเสนานุรักษ์ พระบัณฑูรน้อยขึ้นเป็นกรมพระราชวังบวรสถานมงคล ก็ยังมีร่างหมายรับสั่งเจ้าพระยาศรีธรรมาธิราชแต่งไว้ว่า
“ทำพิธีตามแบบอย่างครั้งอุปราชาภิเศกเจ้าฟ้ากรมขุนพรพินิตเปนพระมหาอุปราช เมื่อแผ่นดินสมเด็จพระเจ้าบรมโกษฐครั้งกรุงเก่า” แต่รูปแบบพระราชพิธีผิดไปจากสมัยรัชกาลที่ ๑
เพราะเจ้าฟ้ากรมหลวงเสนานุรักษ์ เมื่ออุปราชาภิเษกแล้วจะเสด็จไปประทับอยู่พระราชวังบวรสถานมงคล จึงต้องทำพิธีเฉลิมพระราชมณเฑียรด้วย จึงมีการปรับแก้รูปแบบพระราชพิธีให้เจ้าฟ้ากรมหลวงเสนานุรักษ์เข้ามาประทับแรมอยู่ในวังหลวง แล้วแห่เสด็จขึ้นไปทรงสดับพระพุทธมนต์และรับอุปราชาภิเษกที่วังหน้า เมื่ออุปราชาภิเษกแล้วจึงเสด็จลงมารับพระราชทานพระสุพรรณบัฏในพระราชวังหลวง แล้วเสด็จกลับขึ้นไปเฉลิมพระราชมณเฑียรในวังหน้า ซึ่งสมเด็จฯ กรมพระยาดำรงราชานุภาพทรงวินิจฉัยว่าน่าจะอ้างอิงจากรูปแบบพิธีอุปราชาภิเษกของพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศหรือเก่าแก่กว่านั้น
ปรากฎในพระราชพงศาวดารกรุงรัตนโกสินทร์ รัชกาลที่ ๒ ว่า
“ณวันศุกร เดือน ๑๐ ขึ้น ๑๔ ค่ำ ปีมเสงเอกศก ฤกษ์เวลาเช้าโมง ๑ กับ ๓ บาท จาฤกพระสุพรรณบัตรที่ในพระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม ทำนองการพิธีเหมือนจาฤกพระสุพรรณบัตรพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในพระสุพรรณบัตรจาฤกว่า :-
สมเด็จบรมนารถบรมบพิตร พระพุทธเจ้าอยู่หัว มีพระราชโองการมารพระบัณฑูรสุรสิงหนาทโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม ดำรัสให้สมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้ากรมหลวงเสนานุรักษ์ เปนกรมพระราชวังบวรสถานมงคล ทีฆายุศมศิริสวัสดิ
เมื่อจาฤกแลเวียนเทียนสมโภชพระสุพรรณบัตรแล้ว ตั้งพระสุพรรณบัตรไว้ในพระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม จนถึงวันเริ่มงานจึงเชิญขึ้นพระเสลี่ยงแห่ไปตั้งในพระแท่นมณฑลที่พระราชวังบวรฯ
ที่พระราชวังบวรฯ นั้น จัดที่ทำพระราชพิธี ๒ แห่ง คือ ที่พระที่นั่งพรหม...ในห้องที่พระบรรธมจัดตั้งเตียงสำหรับพระสงฆ์ คือ สมเด็จพระพนรัตนนั่งปรกรูป ๑ พระวัดพลับ ๔ รูป สวดมหาไชย
ที่พระที่นั่งสุทธาสวรรย์ จัดเปนที่ตั้งพระแท่นมณฑลตั้งเทียนไชย แลเปนที่พระสงฆ์ ๔๕ รูป มีสมเด็จพระสังฆราชเปนประธานเจริญพระพุทธมนต์ พระแท่นมณฑลนั้น ในหมายรับสั่งกล่าวว่า จัดเหมือนพระราชพิธีสัมพัจฉรฉินท์ สิ่งของตั้งพระแท่นมณฑลตามซึ่งกล่าวไว้ในหมายรับสั่ง มีดังนี้ คือ :-
พระบรมธาตุ พระไชย พระห้ามสมุท พระอุณาโลมทำแท่ง พระสุพรรณบัตร ดวงพระชัณษา พระมหามงกุฎ พระภูษารัตกัมพล พระมาลาเบี่ยง พระชฎา พระนพ พระมหาสังวาลสร้อยอ่อน พระมหาสังวาลพรามหมณ์ พระธำรงค์ ฉลองพระองค์เกราะ ฉลองพระองค์นวม พระมหามงคลย่น เครื่องพระพิไชยสงคราม เครื่องพระมุรธาภิเศก พระมหาสังข์ทักษิณาวัฏ พระมหาสังข์ทอง พระมหาสังข์เงิน พระเต้าเบญจครรภ พระเต้าปทุมนิมิตรทอง พระเต้าปทุมนิมิตรนาก พระเต้าปทุมนิมิตรเงิน พระเต้าปทุมนิมิตรสำริด (ใส่น้ำปัญจมหานที ทั้ง ๔ พระเต้า)
พระแสงที่เข้าพระแท่นมณฑลนั้นคือ :- พระแสงขรรค์ไชยศรี ๑ พระแสงดาบยี่ปุ่น ๑ พระแสงจักร ๑ พระแสงหอกไชย ๑ พระแสงตรีศูล ๑ พระแสงธนู ๑ พระแสงเขน ๔ พระแสงง้าว ๒ พระแสงทวน ๒ พระแสงหอกคู่ ๑ พระแสงของ้าวเจ้าพระยาแสนพลพ่าย ๑ พระแสงขอตีช้างล้ม ๑ พระแสงชนักต้น ๑ พระกลด ๑ พระเสมาธิปัต ๑ พระฉัตรไชย ๑ พระเกาวพ่าย ๑ ธงไชยกระบี่ธุช ๑ ธงไชยพระครุธพ่าห์ ๑ ตรงมุขท้ายพระที่นั่งสุทธาสวรรย์ ปลูกพลับพลาเปลื้องเครื่องหลัง ๑ ข้างพระที่นั่งตั้งพระแท่นที่สรงมีเสาดาดเพดาน บนพระแท่นตั้งถาดทองแดง ในนั้นตั้งตั่งไม้มะเดื่อที่ประทับสรงมุรธาภิเศก ตั้งราชวัตรฉัตรทอง, ฉัตรนาก, ฉัตรเงิน ๗ ชั้น รายรอบที่สรง
น่าพระที่นั่งสุทธาสวรรย์ ปลูกโรงพิธีพราหมณ์ แลตั้งพนมบัดพลีสำหรับโหรบูชาเทวดา ในโรงพิธีพราหมณ์ตั้งเทวรูป พระอิศวร พระนารายน์ เปนต้น เหมือนพิธีบรมราชาภิเศก แลเครื่องพลีกรรมทำพิธีตามไสยสาตร ทั่วทุกสถานการพระราชพิธีวงสายสิญจน์ล่ามตลอดถึงกัน แลตั้งราชวัตรปักฉัตรเบญจรงค์ ๕ ชั้น รายรอบพระราชมณเฑียร แลราย ๒ ข้างถนนแต่พระราชวังบวรฯ ลงมาจนพระบรมมหาราชวัง ในเวลาทำการพระราชพิธีนั้น เชิญเสด็จสมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้ากรมหลวงเสนานุรักษ์ เข้ามาประทับแรมอยู่ที่โรงลครริมพระระเบียงวัดพระศรีรัตนศาสดารามด้านตวันตก
ถึงณวันอังคาร เดือน ๑๐ แรม ๓ ค่ำ เวลาบ่าย สมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้ากรมหลวงเสนานุรักษ์ เสด็จไปทรงเครื่องที่พระนั่งดุสิดาภิรมย์ แต่งพระองค์ทรงสนับเพลาเชิงงอน ทรงพระภูษาจีบโจงหางหงษ์ รัดพระองค์หนามขนุน ทรงฉลองพระองค์กรองทอง ทรงพระมาลาเส้าสูงสีกุหร่า เสด็จขึ้นพระราชยานที่เกยพระที่นั่งดุสิดาภิรมย์ มีกระบวนแห่เสด็จ คือ :-
ตำรวจเลวหรือหวายนำริ้ว ๑๐ คู่ ตำรวจเดินสายนอก ๒ สาย ๘๔ คน มหาดเล็กวังหลวงเดินสายใน ๒ สาย ๘๔ คน กลองชนะ ๒๐ คู่ แตรฝรั่ง ๖ คู่ แตรงอน ๖ คู่ สังข์ ๒ คู่ จ่าปี่ ๑ จ่ากลอง ๑ สารวัด ๒ เครื่องสูงน่า สามชั้น ๕ คู่ ห้าชั้นคู่ ๑ บังแทรก ๔ มหาดเล็กเชิญพระแสงหว่างเครื่องน่า พระแสงดาบใจเพ็ชร ๑ พระแสงดาบคาบค่าย ๑ พระแสงเขน ๒ พระแสงหอก ๒ พระแสงหอกคู่ ๒ พระราชยานมีพนักงานถวายอยู่งานพระกลด ๑ บังสูรย์ ๑ พัดโบก ๑ พระทวย ๑
คู่เคียง ๔ คู่ คือ :- คู่ที่ ๑ พระยากำแพงเพ็ชร พระยาโชฎึก คู่ที่ ๒ พระยาพิศณุโลก พระยาพิพิธโภไคย คู่ที่ ๓ พระยานรินทร จมื่นเสมอใจราช คู่ที่ ๔ พระยานครสวรรค์ พระยาเทพมณเฑียร
กระบวนหลัง มหาดเล็กเชิญเครื่อง ธารพระกร ๑ พัชนีท้ายพระที่นั่ง ๑ ฉลองพระบาท ๑ เชิญตามเสด็จ พานพระขันหมาก ๑ พระสุพรรณศรี ๑ พระเต้าพระสุธารศ ๑ เครื่องสูง ห้าชั้นคู่ ๑ สามชั้น ๕ คู่ บังแทรก ๔ มหาดเล็กเชิญพระแสงหว่างเครื่อง พระแสงง้าว ๑ พระแสงตรี ๑ พระแสงหอกง่าม ๑ มหาดเล็กวังน่าเดินสายใน ๖๐ คน ตำรวจเดินสายนอก ๔๐ คน ม้าจูง ๔ (หัวพัน) มหาดไทย กลาโหม เปนผู้ตรวจ รวมกระบวนแห่ ๒๖๘ คน
แห่เสด็จไปจากพระบรมมหาราชวัง จนถึงพระราชวังบวรฯ ประทับเกยพลับพลาเปลื้องเครื่องที่มุขท้ายพระที่นั่งสุทธาสวรรย์ เปลื้องเครื่องผลัดทรงพระภูษาลายพื้นทอง ทรงสพักฉลองพระองค์ครุยกรองทอง เสด็จเข้าในพระที่นั่งสุทธาสวรรย์ ทรงนมัสการพระศรีรัตนไตรย สมเด็จพระสังฆราชจุดเทียนไชยแลถวายศีลแล้ว ทรงพระมหามงคลประทับสดับพระปริตจนจบแล้ว จึงแห่เสด็จกลับคืนมายังพระบรมมหาราชวัง
รุ่งขึ้นณวันพุฒ เดือน ๑๐ แรม ๔ ค่ำ เวลาเช้า สมเด็จพระอนุชาธิราช เจ้าฟ้ากรมหลวงเสนานุรักษ์ เสด็จทรงพระเสลี่ยง มีแต่ตำรวจนำไม่มีกระบวนแห่ เสด็จขึ้นไปทรงประเคนเลี้ยงพระสงฆ์ที่พระที่นั่งสุทธาสวรรย์ เวลาบ่ายวันนั้นแลวันรุ่งขึ้น แห่เสด็จขึ้นไปทรงสดับพระปริตเหมือนวันแรก เวลาเช้าในวันคำรบ ๒ ก็เสด็จขึ้นไปทรงประเคนเลี้ยงพระเหมือนวันแรก
ครั้นณวันศุกร เดือน ๑๐ แรม ๖ ค่ำ เวลาเช้า เสด็จโดยกระบวนแห่ขึ้นไปยังพระราชวังบวรฯ เสด็จเข้าที่สรงสนานเวลาเช้าโมงกับบาทหนึ่ง สมเด็จพระสังฆราช สมเด็จพระพนรัตน พระธรรมราชา พระญาณสังวร ถวายน้ำพระพุทธมนต์ด้วยพระเต้าปทุมนิมิตร พราหมณ์ถวายน้ำกรดน้ำสังข์แลใบมะตูม แล้วทรงเครื่องเสด็จมาทรงประเคนเลี้ยงพระสงฆ์
ครั้นเลี้ยงพระแล้ว เสด็จยังพลับพลาทรงเครื่องพระภูษาลายเขียนทองจีบโจงหางหงษ์ ทรงฉลองพระองค์กรองทอง ทรงพระมาลาเส้าสูงสีแสด [ทรงเครื่องเหมือนครั้งเจ้าฟ้ากรมขุนพรพินิต-ผู้เขียน] ขึ้นทรงพระราชยานแห่ลงมาพระบรมมหาราชวัง เข้าเฝ้าสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวณพระที่นั่งจักรพรรดิพิมาน รับพระราชทานพระสุพรรณบัตร และทูลเกล้าฯ ถวายเทียนทองธูปเงินเข้าตอกดอกไม้ (แล้วแห่เสด็จกลับขึ้นไปยังพระราชวังบวรฯ) ครั้นเวลาบ่าย เจ้าพนักงานตั้งบายศรีเวียนเทียนสมโภชพระราชมณเฑียรในพระราชวังบวรฯ เปนเสร็จการพระราชพิธีอุปราชาภิเศกตามโบราณประเพณี”
https://www.facebook.com/WipakHistory/posts/1658511220879008