ลูกปัดจำนวนมาก สี น้ำเงิน เขียว และเหลือง สีละสิบกองใหญ่
ปะการังเนื้อดีจากทุกแห่ง 4 ปอนด์
แก้ว 300 กิโลกรัม (สีฟ้า)
ลูกปัดสีเขียวและเหลือ 1,000 พวง
กระดิ่ง 500 โหล
เป็นไปไม่ได้ที่จะบอกว่าลูกปัดที่ถูกกล่าวถึงคือชนิดไหนอย่างแน่นอน โคลัมบัสนำเอาลูกปัดเม็ดเล็กสีเหลือและเขียวไปกับเขา ซึ่งปัจจุบันพบว่าเป็นลูกปัดพันรูปห่วงซึ่งถูกใช้ในอเมริการาว ค.ศ. 1550 หรือหลังกว่านั้น Brill และ Hoffman แสดงความคิดเห็นว่าลูกปัดนี้เป็นลูกปัดที่มาจากดินแดนของสเปนเนื่องจากไอโซโธป ของตะกั่วในเนื้อแก้ว แม้จะมีอุตสาหกรรมการผลิตแก้วที่ Nueva Espana ใน ค.ศ. 1542 แต่ก็ไม่ทราบได้ว่ามีการผลิตลูกปัดขึ้นที่นั่นหรือไม่
ในทางโบราณคดีลูกปัดยุโรปที่เก่าที่สุดในฟิลิปปินส์ถูกขุดพบที่สุสานใน Calatagan เกาะลูซอน แหล่งโบราณคดีที่เริ่มต้นติดต่อก่อนนี้มีลูกปัดแก้วเวนิส 5 เม็ด เป็นลูกปัดเชฟรอน 3 เม็ด ส่วนอีก 2 เม็ดเป็นลูกปัด Nueva Cadiz ขนาดเล็ก (ภาพสีที่43) และลูกปัด 2 ชนิดนี้พบได้ทั่วไปในแหล่งที่มีการติดต่อกับสเปนในยุคต้น แต่ก่อนหน้านั้นการค้าลูกปัดในฟิลิปปินส์มีลูกปัดจากเอเชียเป็นหลักมานานกว่ามาก
ชาวจีนเป็นพ่อค้าและผู้ผลิตลูกปัดหลักในหมู่เกาะก่อนที่ชาวตะวันตกจะมาถึง เมื่อมะนิลาเป็นจุดเปลี่ยนถ่ายของระบบการค้าโลกซึ่งเชื่อมระหว่างยุโรปกับเอเชียผ่านอเมริกา จีนจึงเพิ่มปริมาณการค้าที่เกาะแห่งนี้ ราว ค.ศ. 1570 Gonzales de Mendosa รายงานว่ามีสำเภาจีนกว่า 20 ลำเข้ามาที่มะนิลาทุกปี ใน ค.ศ. 1588 Francis Pretty ชาวอังกฤษนับได้ราว 20 – 30 ลำ ใน ค.ศ. 1609 Antonio de Morga ให้ตัวเลขไว้ที่ราว 30 – 40
De Morga บอกเราว่าเรือแกลเลียนนั้นดึงดูดความสนใจของคนเป็นจำนวนมาก คนบางส่วนที่มีถิ่นพำนักอยู่ในมะนิลา และส่วนอื่นๆที่ล่องเรือเพียงบางช่วง เป็นที่น่าประทับใจว่ารายชื่อดินแดนที่พ่อค้าเหล่านี้เดินทางมามีทั้ง จีน ญี่ปุ่น โมลุกะ มะละกา สยาม กัมพูชา บอร์เนียว ปัตตานี และแม้แต่โปรตุเกส ซึ่งนำเอาไวน์แบบโปรตุเกส และผลไม้ (บางส่วนผลิตขึ้นในกัว) และอินเดีย เปอร์เชีย ตุรกี และสินค้าจากมาเก้า สิ่งที่โปรตุเกสนำกลับไปยังมะละกานั้น คือ มรกตจากโคลัมเบีย
อย่างไรก็ดีจีนเป็นผู้ค้าหลัก ถึงแม้ว่าการค้าในมะนิลาจะไม่สามารถดำเนินไปได้ถ้าปราศจากชาวจีน แต่ de Morga หวังจะเห็นว่าปริมาณของคนกลุ่มนี้ลดลง สำเภาจีนนั้นนำมาซึ่งสินค้าที่น่าประทับใจ รวมถึง “tacley ซึ่งหมายถึงลูกปัดหลากชนิด คาร์นาเลียนที่ร้อยเป็นสาย และลูกปัดหินทุกสี”
ลูกปัดหลายชนิดกระจายตัวไปในกลุ่มชนที่ชื่นชอบลูกปัดในฟิลิปปินส์ การค้าจีนนั้นสำคัญมาก De Morga บ่นถึงชาวจีนบางส่วนที่ “ไปค้าขายจากเกาะสู่เกาะในเรือสำปั้น ทั้งขนาดใหญ่และเล็ก” หากว่าปริมาณเรือเหล่านี้ลดลง “หรือมิได้มีชาวจีนมากเช่นนี้ เมื่อนึกถึงเกาะภายใต้การครอบคลุมทางการค้าของชนชาตินี้ ซึ่งในความเป็นจริงแล้วก่ออาชญากรรม และเรื่องชั่วร้ายนับไม่ถ้วน อย่างน้อยที่สุดคนพวกนี้ก็ทำจารกรรมไปทั่วเกาะ ตระเวนไปในแม่น้ำ คลอง และท่าเรือ ซึ่งพวกเขารู้จักดีกว่าที่ชาวสเปนรู้จัก”
ในทางโบราณคดี เรือจมซึ่งเป็นสำเภาจีนที่ Palawan แสดงให้เห็นถึงการค้าลูกปัดจีน เรือ Royal Captain no. 2 กำหนดอายุจากเซรามิคได้ระหว่าง ค.ศ. 1573 – 1620 อาจกำลังออกจากมะนิลาไปบอร์เนียว เรือบรรทุกลูกปัดแก้วขดสีแดงทองแดง และลูกปัดแก้วไม่มีตะกั่วพันหลายครั้งสีฟ้าและขาว การสำรวจทางชาติพันธุ์วิทยาพบว่าแก้วจีนและอเกตจากอินเดียเป็นลูกปัดหลักที่ใช้มากที่สุดในเกาะเป็นเวลานาน ลูกปัดจากยุโรปที่ใช้เป็นลูกปัดมรดกรุ่นแรกที่สุดนั้นอยู่ในคริสต์ศตวรรษที่ 19 แล้ว (บทที่17)
อีกจุดหมายหนึ่งของลูกปัดแก้วจีน คือ อเมริกา เนื่องจากการค้าทางทะเลของเอเชียแผ่ขยายตัวข้ามมหาสมุทรแปซิฟิกไป เรือแกลเลียนของสเปนชื่อ Nuestra Senora de la Concepcion ซึ่งล่มลงที่ Saipan ใน ค.ศ. 1638 ระหว่างกำลังมุ่งหน้าไป Acapulco สินค้าที่บรรทุกอยู่นั้นมีลูกปัดคาร์นาเลียนไม่ทราบแหล่ง ลูกปัดแก้วตะกั่วสูงจากจีนสีฟ้า และลูกปัดแก้วสีแดงทองแดงจากจีน ซึ่งเหมือนกับที่พบจาก Nueva Espana ชาวสเปนนั้นใช้ลูกปัดน้อยมาก แต่ชาวอเมริกันพื้นเมืองอาจซื้อพวกมัน ลูกปัดสีฟ้าซึ่งเรียกในหมู่นักสะสมชาวอเมริกาว่า “ลูกปัด Padre” นั้นผลิตจากจีนอย่างแน่นอน ลูกปัดสีขาวที่มีอายุมากกว่าและใช้เป็นลูกปัดมรดกในหมู่ชนชาติ Mixe เฉพาะในหมู่บ้าน Mixistlan และ Yacoche เมือง Oaxaca เม็กซิโก ก็เป็นลูกปัดแก้วจากจีน ลูกปัดแก้วสีแดงทองแดงทรงกรวยหกเหลี่ยมประกบที่พบจาก St. Catherines จอร์เจีย แสดงให้เห็นว่าลูกปัดแก้วจากจีนถูกขายออกไปนอกอเมริกาของสเปนด้วย
ลูกปัดยุโรปมิได้เข้าสู่ตลาดในฟิลิปปินส์อย่างโดดเด่นจนถึงคริสต์ศตวรรษที่ 19 หรืออาจเป็นช่วงต้นคริสต์ศตวรรษที่ 20 แล้ว ลูกปัดชุดเดิม ผู้ค้ากลุ่มเดิม และเส้นทางสายเดิม ยังคงอยู่ต่อมาอีกนาน นี่เกิดจากผลการขาดความสนใจต่อลูกปัดจากสเปน หรือ ความสัมพันธ์ที่โดดเดี่ยวของเกาะหรือไม่? เงื่อนไขที่แตกต่างของชาวอินโดนิเชียควรถูกกล่าวถึงต่อไป