ความคิดเห็นที่ 2
หลังจากพระเจ้าหงสาวดีบุเรงนองเป็นพระเจ้าราชาธิราชแล้ว หงสาวดีก็เสื่อมอำนาจลงตามลำดับ
จนกระทั่งพระเจ้าอังวะสามารถรวบรวมอำนาจขึ้นมาได้อีกครั้ง พระเจ้าอังวะพระองค์นี้ เป็นน้องยาเธอพระเจ้าหงสาวดีชัยสิงห์ (พระเจ้าเชลยตองอู ซึ่งนักสร้าง (นัดจินหน่อง ราชบุตรพระเจ้าตองอู) วางยาพิษ) พระเจ้าอังวะพระองค์นี้ เป็นเจ้าเมืองนยองยาน มาแต่ก่อน (หนังสือของอาจารย์สุเนตร "บุเรงนองกะยอดินนรธาร" กล่าวว่า ชื่อพระเจ้าบุเรงนอง มาจากชื่อเมืองที่พระองค์เคยครอง ถ้าอย่างนั้นจะเรียกพระเจ้านยองยานได้หรือไม่ก็แล้วแต่ทุกท่านพิจารณา ในขณะที่สมเด็จกรมพระยาทรงอธิบายว่า บุเรงนอง หมายความว่า เชษฐาธิราช) สมเด็จฯ กรมพระยาดำรงราชานุภาพทรงมีพระอธิบายไว้ในหนังสือ พระราชพงศาวดารฉบับพระราชหัตถเลขา ทรงสอบกับหนังสือพระราชพงศาวดารฉบับหลวงประเสริฐฯ กับพงศาวดารพม่า ดังนี้
... หนังสือพงศาวดารพม่าว่า เมื่อพระเจ้าหงสาวดีชัยสิงห์ทิวงคตแล้ว บรรดาเมืองใหญ่ในอาณาจักรหงสาวดี ที่ยังมิได้ขึ้นกรุงศรีอยุธยา ต่างเมืองต่างอยู่เป็นอิสระไม่ขึ้นแก่กัน ขณะนั้นเจ้าเมืองนยองยาน (ซึ่งเป็นน้องยาเธอองค์ ๑ ของพระเจ้าหงสาวดีชัยสิงห์) ชิงได้เมืองอังวะแล้วตั้งตัวขึ้นเป็นใหญ่ ใช้พระนามว่า พระเจ้าสีหสุรธรรมราชา ฝ่ายพระเจ้าแปรเห็นว่า พระเจ้าอังวะคิดตั้งตัวเป็นใหญ่คงจะลงมาเบียดเบียน จึงชวนพระเจ้าตองอูให้ยกกองทัพชิงไปตีเมืองอังวะเสียก่อน อย่าให้ทันตั้งตัวได้ พรเจ้าตองอูเห็นชอบด้วย จึงให้โอรสองค์ที่ ๒ คุมทัพบกยกไป ฝ่ายพระเจ้าแปรเตรียมทัพเรือจะยกไปเอง พอจะลงเรือก็มีผู้จะทำร้าย พระเจ้าแปรหนีคนร้ายโดดน้ำจมน้ำพิราลัย กองทัพเมืองแปรก็มิได้ยก ฝ่ายพระเจ้าตองอู ครั้นได้ข่าวว่าเกิดวุ่นกันขึ้นทีเมืองแปร และพระเจ้าแปรพิราลัย เห็นประโยชน์ที่ใกล้มีมากกว่า จึงรับสั่งให้โอรสถอยทัพกลับมาตีเมืองแปร แต่พวกเมืองแปรรักษาเมืองไว้ได้ พวกตองอูก็ต้องเลิกทัพกลับไปเมือง ไม่สำเร็จประโยชน์อันใดทั้งเรื่อง
ฝ่ายพระเจ้าอังวะเห็นเมืองตองอู เมืองแปร เกิดวิวาทกันขึ้นดังนั้นแล้ว ก็ตั้งหน้าขยายอำนาจออกไปทางเมืองไทยใหญ่ก่อน ได้เมืองไทยใหญ่ไปโดยลำดับจนถึงเมืองแสนหวี เมืองแสนหวีในเวลานั้น เจ้าแก้วคำไข่น้อยซึ่งสมเด็จพระนเรศวรทรงตั้งไปเป็นผู้ครองเมืองขึ้นกรุงศรีอยุธยา เมื่อสมเด็จพระนเรศวรทรงทราบว่าพระเจ้าอังวะอาจจะยกมาตีเมืองแสนหวี จึงยกกองทัพหลวงจะเสด็จขึ้นไปตีเมืองอังวะ ...
เป็นพระราชสงครามครั้งที่สุดที่สมเด็จพระนเรศวรมหาราชทรงยกพยุหยาตรา ซึ่งหนังสือพงศาวดารว่าเสด็จไปสวรรคตที่เมืองห้าง ยังไม่ทันทำศึกกับพระเจ้าอังวะสีหสุรธรรมราชา
แผ่นดินสมเด็จพระนเรศวรมหาราช
http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=rattanakosin225&month=17-03-2007&group=2&gblog=19ในแผ่นดินสมเด็จพระเอกาทศรฐมหาราช ทรงมีพระอธิบายในส่วนของอาณาจักรพม่าต่อจากนั้นว่า
... เรื่องเมืองตองอู ตอนนักสร้าง (นัตจิหน่อง) ลอบปลงพระชนม์พระเจ้าหงสาวดี ที่หนังสือพระราชพงศาวดารวางเรื่องไว้ในแผ่นดินสมเด็จพระเอกาทศรถนั้น ที่จริงเป็นเรื่องเกิดแต่ในรัชกาลสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ดังข้าพเจ้าได้อธิบายมาแล้ว เรื่องเมืองตองอูในตอนแผ่นดินสมเด็จพระเอกาทศรถ ได้ความตามหนังสือพงศาวดารพม่าว่า ในสมัยนั้นหัวเมืองใหญ่ในอาณาจักรหงสาวดีที่ยังมิได้ขึ้นแก่กรุงศรีอยุธยาต่างเป็นอิสระแก่กัน พระเจ้าตองอูตั้งตัวเป็นพระเจ้าหงสาวดีในพระนามว่า พระมหาธรรมราชา และตั้งนัตจินหน่องเป็นพระมหาอุปราชา แต่เสวยราชย์อยู่ที่เมืองตองอูไม่ลงมาอยู่เมืองหงสาวดี เพราะเมืองหงสาวดีตั้งแต่ถูกพวกยะไข่เผายังทรุดโทรมนัก พระเจ้าตองอูชอบชิดสนิทสนมกับพระเจ้ายะไข่ (พระเจ้ายะไข่องค์นี้นับถือศาสนาอิสลาม) เมืองตองอูกับเมืองยะไข่ต่างแต่งทูตและส่งบรรณการไปถึงกันเนืองๆ
ในสมัยนั้นโจรผู้ร้ายในระหว่างทางชุกชุม เพราะเหตุที่อาณาจักรหงสาวดีแยกกันอยู่ในหลายอำนาจ ราชทูตที่ไปมาระหว่างเมืองยะไข่กับเมืองตองอูถูปผู้ร้ายปล้นหลายหน พระเจ้ายะไข่จึงตั้งโปจุเกตคน ๑ ชื่อว่าฟิลิปเดอบริโต มาเป็นเจ้าเมืองเสรียมซึ่งเป็นเมืองปากน้ำใกล้ทะเล ให้มีเรือกำปั่นรบมาไว้ด้วย ๓ ลำ สำหรับคอยตรวจตระเวนโจรผู้ร้าย ฟิลิปเดอบริโตโปจุเกต แต่แรกก็ทำการโดยซื่อตรง ให้ก่อสร้างค่ายคูประตูหอรบ จนเมืองเสรียมมั่นคง คอยเอาใจใส่ปราบปรามโจรผู้ร้ายจนราบคาบ และหมั่นส่งบรรณาการไปถวายพระเจ้ายะไข่พระเจ้าตองอูเนืองๆ อยู่มาฟิลิปเดอบริโตไปเป็นไมตรีกับพระยาทละเจ้าเมืองเมาะตะมะ ซึ่งขึ้นกรุงศรีอยุธยา จนที่สุดได้ให้ลูกสาวไปเป็นภรรยาบุตรพระยาทละคน ๑ ฟิลิปเดอบริโตประกอบการค้าขายได้ทรัพย์สมบัติบริบูรณ์ขึ้น เห็นว่าจะอาศัยพระยามละเป็นกำลังได้ (บางทีจะได้มาขอขึ้นกรุงศรีอยุธยา แล่ในแผ่นดินสมเด็จพระนเรศวรมหาราช) จึงตั้งแข็งเมือง ไม่ยอมขึ้นทั้งเมืองยะไข่และเมืองตองอู
พระเจ้าตองอูและพระเจ้ายะไข่ขัดเคือง จึงนัดกันแต่งกองทัพให้พระมหาอุปราชาทั้ง ๒ พระนครยกไปตีเมืองเสรียม เมื่อปีเถาะ จุลศักราช ๙๖๕ พ.ศ. ๒๑๔๖ ฟิลิปเดอบริโตเห็นกองทัพพระมหาอุปราชายกมาทั้ง ๒ ทัพ เหลือกำลังที่จะต่อสู้จึงลงเรือกำปั่นจะหนีไป กองทัพเรือเมืองยะไข่เข้าล้อม ฟิลิปเดอบริโตยิงกองทัพเรือเมืองยะไข่แตกจับได้พระมหาอุปราชาเมืองยะไข่ไว้เป็นตัวจำนำ ฟิลิปเดอบริโตจึงกลับเข้าไปตั้งมั่นอยู่เมืองเสรียมอีก กองทัพพระมหาอุปราชาเมืองตองอูยกลงไปยังไม่ถึง เมื่อได้ข่าวว่ากองทัพเมืองยะไข่เสียทีก็รออยู่ ฝ่ายพระเจ้ายะไข่เมื่อทราบว่าข้าศึกจับพระมหาอุปราชาไปได้ ก็ยกกองทัพมาเอง นัดกองทัพเมืองตองอูพร้อมกันเข้าล้อมเมืองเสรียมไว้ ให้เข้าตีเมืองเสรียมเป็นสามารถก็ตีไม่ได้ พระเจ้ายะไข่มีความวิตกด้วยพระมหาอุปราชาตกอยู่ในเงื้อมมือข้าศึก จึงให้เข้าไปบอกฟิลิปเดอบริโตว่า ถ้าส่งพระมหาอุปราชาออกมาถวายโดยดีจะยอมเป็นไมตรี ฝ่ายฟิลิปเดอบริโตให้ตอบมาว่า ถ้าพระเจ้ายะไข่และพระเจ้าตองอูยอมให้ฟิลิปเดอบริโตครองเมืองเสรียมอย่างประเทศราช จึงจะยอมส่งพระมหาอุปราชาให้ พระเจ้ายะไข่จำเป็นต้องยอม เมื่อได้พระมหาอุปราชาคืนแล้วก็เลิกทัพกลับไป ตั้งแต่นั้นมาฟิลิปเดอบริโตได้เป็นใหญ่ก็มีใจกำเริบด้วยโลภเจตนา ให้เที่ยวขุดพระเจดีย์และโบสถ์พระวิหารเอาแก้วแหวนเงินทองของพุทธบูชาไปเป็นอาณาประโยชน์ตนเสียเป็นอันมาก
ฝ่ายพระเจ้าอังวะเมื่อปราบปรามเมืองไทยใหญ่ไว้ได้ในอำนาจ (และได้ข่าวว่าสมเด็จพระนเรศวรสวรรคตแล้ว) ก็เกณฑ์กองทัพไทยใหญ่ สมทบกับกองทัพพม่าลงมาตีเมืองแปร เมื่อปีวอก จุลศักราช ๙๗๐ พ.ศ. ๒๑๕๑ ตีได้เมืองแปรแล้ว จึงตั้งให้มังเรสิงหสุรผู้เป็นอนุชาเป็นเจ้าเมืองแปร
ถึงปีระกา จุลศักราช ๙๗๑ พ.ศ. ๒๑๕๒ พระเจ้าตองอูพิราลัย นัตจินหน่องผู้เป็นพระมหาอุปราชาขึ้นครองราชย์สมบัติ ขนานนามว่า พระเจ้าสุรสีห รุ่งขึ้นปีจอ จุลศักราช ๙๗๒ พ.ศ. ๒๑๕๓ พระเจ้าอังวะก็ยกกองทัพลงมาตีเมืองตองอู ตั้งล้อมอยู่หลายเดือน พระเจ้าตองอูเห็นจะรักษาเมืองไว้ไม่ได้ ต้องยอมอ่อนน้อมขึ้นแก่พระเจ้าอังวะ พระเจ้าอังวะจึงให้พระเจ้าตองอูครองเมืองเป็นประเทศราชขึ้นเมืองอังวะต่อไป แต่กวาดต้อนผู้คนเมืองตองอูแบ่งกำลังเอาไปเมืองอังวะเสียด้วยเป็นอันมาก
หนังสือพระราชพงศาวดารว่า พระเจ้าตองอูมาขอขึ้นกรุงศรีอยุธยาในแผ่นดินสมเด็จพระเอกาทศรถนั้น คือเข้ามาขอขึ้นในตอนนี้เมื่อกำลังแค้นพระเจ้าอังวะที่มาตีเมือง
ได้ความตามพงศาวดารพม่าต่อมา ว่าเมื่อปีชวด จุลศักราช ๙๗๔ พ.ศ. ๒๑๕๕ พระยาทละเจ้าเมืองเมาะตะมะกับฟิลิฟเดอบริโตเจ้าเมืองเสรียม สมทบกันยกกองทัพขึ้นไปตีเมืองตองอู (เห็นจะเป็นด้วยมีรับสั่งออกไปจากกรุงศรีอยุธยาให้ไปช่วย หรือไปตีเอาเมืองตองอูให้พ้นจากอำนาจพระเจ้าอังวะ) หนังสือพงศาวดารพม่าว่า เวลานั้นเมืองตองอูไม่มีกำลังจะต่อสู้ พระยาทละและฟิลิปเดอบริโตได้เมืองตองอูแล้ว ก็เก็บทรัพย์สมบัติและกวาดผู้คนเอาลงไปในเมืองเสรียมเสียเป็นอันมาก ตัวพระเจ้าตองอูเองฟิลิปเดอบริโตก็เอาไปไว้เมืองเสรียมด้วย และว่าขณะเมื่อพระยาทละกับฟิลิปเดอบริโตไปตีเมืองตองอูนั้น พระเจ้าอังวะให้เกณฑ์กองทัพลงมารักษาเมืองตองอู แต่ลงมาไม่ทันเมืองตองอูเสียแก่ข้าศึกแล้ว จึงให้เรียกกองทัพกลับไป ข้าพเจ้าเข้าใจว่า เมื่อพระยาทละกับฟิลิปเดอบริโตไปถึงเมืองตองอูแล้ว ได้ข่าวว่าพระเจ้าอังวะให้กองทัพใหญ่ยกลงมา เห็นว่าจะต่อสู้รักษาเมืองไว้ไม่ได้ จึงเก็บทรัพย์สมบัติกวาดต้อนผู้คน และพาพระเจ้าตองอูมา
ในปีนั้น พระเจ้าอังวะเกณฑ์กองทัพใหญ่ลงมาตีเมืองเสรียม รบพุ่งกันอยู่หลายเดือน จึงได้เมืองเสรียม จับฟิลิปเดอบริโตได้ พระเจ้าอังวะให้ฆ่าเสีย แต่พระเจ้าตองอูนัตจินหน่องนั้น พงศาวดารพม่าว่าเมื่อพระเจ้าอังวะได้ตัวที่เมืองเสรียมก็ให้สำเร็จโทษเสียด้วย ด้วยแค้นว่ามาขอขึ้นกรุงศรีอยุธยา
เมื่อพระเจ้าอังวะได้เมืองเสรียมแล้ว ก็มีอำนาจตลอดอาณาจักรหงสาวดี ที่มิได้ขึ้นแก่ไทยทุกหัวเมือง จึงกลับตั้งเมืองหงสาวดีขึ้นเป็นราชธานี ...
แผ่นดินสมเด็จพระเอกาทศรฐมหาราช
http://www.bloggang.com/viewblog.php?id=rattanakosin225&date=14-06-2007&group=2&gblog=62 จากคุณ : กัมม์ - [ 11 พ.ย. 51 08:51:03 ]
(ที่มา
http://www.pantip.com/cafe/library/topic/K7194744/K7194744.html)