คอลัมน์ของคุณเจริญขวัญ แพรกทอง บลาฮาสสกี้
วันอังคาร ที่ 19 พฤษภาคม พ.ศ. 2563, 08.54 น.
ผู้นำต่ำตมไม่ว่าใครก็ตามที่ขึ้นเป็นผู้นำประเทศ สิ่งที่ควรคำนึงถึงมากที่สุดคือประโยชน์สุขของประชาชนในชาติ แต่ไม่น่าเชื่อว่าผู้นำชาติมหาอำนาจอย่างอเมริกา ยุคสมัยรัฐบาลทรัมป์กลับเล่นปาหี่ป้อนคำหวานหลอกสาวกที่สนับสนุนตนให้เชื่อในคำลวงไปวันๆ นี่ยังไม่นับการสร้างวาทกรรมให้เกิดดราม่ารายวัน เพื่อสร้างความแตกแยกเกลียดชังระหว่างคนในชาติ ไม่น่าเชื่อก็ต้องเชื่อว่าอเมริกาเข้าสู่ยุคตกต่ำอย่างแท้จริง
เศรษฐกิจกำลังตกต่ำสุดขีด โรคระบาดยังแพร่ระบาดไม่หยุด ผู้คนล้มตายกันเป็นเบือ ตอนนี้ยอดป่วยสะสมล่อเข้าไปที่ล้านห้าแสนกว่าๆ ยอดตายเฉียดแสนรายแล้ว ยอดป่วยยอดตายรายวันไม่มีลด ยังรักษาระดับความน่าสะพรึงไว้อย่างครบถ้วน รักษาหายประมาณสามแสนคนเท่านั้น
แม้หลายรัฐจะออกมาตรการล็อคดาวน์ แต่บรรดาสาวกทรัมป์ก็ลากปืนกลขนอาวุธออกมาประท้วงกันเอิกเกริก ส่วนมาตรการให้ใส่หน้ากากก็ไม่ค่อยจะมีผลอะไรนัก เพราะแต่ละคนใส่กันแบบเสียไม่ได้ ส่วนมากใส่หน้ากากอนามัยซ้ำไปมา แค่เอาไว้กันผีตอนเข้าห้าง ออกจากห้างก็แขวนโทงเทงไว้หน้ารถ ส่วนพวกไม่ใส่ก็ไม่ยอมใส่เลย ไม่ต้องดูอื่นดูไกล ก็ตาลุงหัวดื้อ 2 คนที่นั่งทำเนียบขาวตอนนี้ไง
เมื่อหัวขบวนไม่ยอมใส่ก็อย่าหวังให้ชาวบ้านทำตาม สองอาทิตย์ก่อน เหตุเกิดที่มิชิแกน ยามร้านขายของทักท้วงลูกค้าที่ไม่ใส่หน้ากาก เลยโดนยิงดับ อาทิตย์ก่อนพนักงานร้านเซเว่นในเมืองที่ผู้เขียนอยู่ในรัฐอินเดียน่า บอกลูกค้าว่า ถ้าไม่ใส่หน้ากากก็ห้ามเข้า ผลคือลูกค้ากระทืบพนักงานจนฟุบกองกับพื้น
นาทีนี้สิ่งที่ตาลุงผมเป๋ห่วงมากที่สุด ไม่ใช่ประชาชนพลเมือง หากผลคะแนนนิยมของตนเอง แต่ละวันเลยปลุกระดมบ้าบอไปเรื่อย โกหกตอแหลโดยเอาชีวิตพลเมืองมาเสี่ยง เช่น โกหกว่าอเมริกามีการตรวจหาเชื้อมากที่สุดในโลก ซึ่งบอกเลยว่าไม่จริง อีกเรื่องที่โกหกหน้าด้านๆ คือ เรื่องวัคซีน หลอกให้สาวกดีใจว่าจะมีวัคซีนปลายปีนี้ ในขณะที่หมอทั่วโลกบอกว่า นี่คือเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ การพัฒนาวัคซีนต้องใช้เวลายาวนานกว่านั้น
หนักสุดคือเร่งให้ทุกรัฐทุกเมืองเปิดให้ไวที่สุด โดยไม่แคร์ว่าใครจะป่วยใครจะตาย บรรดาสาวต่างหอนรับกันเป็นทอดๆ ว่า ใครป่วยก็อยู่บ้านสิวะ ไอไม่ป่วยจะออกไปกินอาหารร้านนั้นร้านนี้ ออกไปโบสถ์ ออกไปเดินห้าง คนที่อ้างแบบนี้เนี่ย ว่างๆ หาปลากินบ้างนะ เพราะคนที่ได้รับเชื้อจำนวนมากไม่แสดงอาการใดๆ แต่สามารถแพร่ต่อให้คนอื่นได้
อาทิตย์ที่ผ่านมาอเมริกันถึงกับกุมขมับ แต่ละเรื่องที่ท่านผู้นำพล่ามล้วนทำให้ปวดหัวหนักกว่าติดโควิด เพราะอยู่ๆ ก็โพล่งออกมาว่า ต่อให้เราจะไม่มีวัคซีนป้องกัน แต่ในที่สุดไวรัสโคโรน่าจะหายไปเอง ไม่ต้องกังวล เดี๋ยวนะ..ลุง ไอ้ที่ตายไปเฉียดแสนนี่..ไม่ได้ทำให้ลุงสะท้านสะเทือนเลยเหรอ ในขณะที่หมอเฟาซี่ผู้อำนวยการสถาบันโรคภูมิแพ้และโรคติดต่อแห่งชาติสหรัฐฯ โบกมือร้องเสียงหลงว่า ตราบใดที่ไม่มีวัคซีน การระบาดจะไม่มีทางหายไปเองแน่นอน
ความวัวไม่ทันหาย ความควายก็แทรก เพราะตาลุงผมเป๋เปิดศึกเหวี่ยงวีนใส่นักข่าวอเมริกันเชื้อสายจีน คือเว่ยเจี่ย เจียง แห่ง ซีบีเอสนิวส์ และแคตลัน คอลลินส์ แห่งซีเอ็นเอ็น จะว่าไปแล้วก็ไม่ค่อยน่าแปลกใจหรอก เพราะเจียงนี่หน้าตาคนจีนชัดๆ ส่วนแคตสัน คอลลินส์ก็เป็นนักข่าวจากซีเอ็นเอ็นที่ตาลุงแกชังน้ำหน้า ไม่เหมือนฟอกส์นิวส์ที่อวยไส้แตกเยินยอทรัมป์สุดลิ่มทิ่มประตู
เจียงถามทรัมป์ว่า ทำไมย้ำแล้วย้ำอีกว่าอเมริกาตรวจหาเชื้อมากที่สุด แต่ทำไมอเมริกันยังป่วยและตายจำนวนมาก ทรัมป์สะบัดผมเป๋ตอบวีนๆ ว่า คนก็ตายทุกหนแห่งในโลกนั่นแหละ แล้วคำถามแบบนี้อย่าถามผม เอาไปถามจีนโน่น เล่นเอาเจียงถามสวนทันทีว่า ทำไมถึงพูดแบบนี้กับตนเป็นการเฉพาะเจาะจง แทนที่ลุงแกจะได้สติ กลับเหวี่ยงใส่รอบสองด้วยการกระแทกว่า ไอจะพูดแบบนั้นกับทุกคนที่ถามคำถามน่าสะอิดสะเอียน พอแคตสันเข้ามาช่วยเพื่อนนักข่าว ก็โดนทรัมป์วีนใส่ต่อ จากนั้นก็สะบัดก้นเลิกการแถลงข่าว เดินหายจ้อยไปทันที ดูเอาเถอะ..สาธุชนทั้งหลายกับภาวะความเป็นผู้นำของอเมริกา
หมอเฟาซี่ ซึ่งตอนนี้กักกันตัวเองในบ้าน เพราะเจ้าหน้าที่ทำเนียบขาวติดโควิด หมอออกมาแย้งตาลุงผมเป๋เรื่องการเร่งให้เปิดเมืองเปิดรัฐว่า งานนี้หายนะแน่ ถ้าเร่งเปิดเมืองเปิดรัฐ หมอพูดตรงไปตรงมา ไม่อ้อมค้อมว่า
“การเปิดเมืองเปิดรัฐเท่ากับจุดชนวนการแพร่ระบาดที่ไม่สามารถควบคุมได้ และจะไม่ก่อความสูญเสียแค่เพียงชีวิตผู้คนเท่านั้น แต่จะยิ่งลากเศรษฐกิจถอยหลังเข้าคลองไปด้วย”
ที่น่าสยองกว่านั้นคือ หมอเฟาซี่ยอมรับตรงๆ ว่า จำนวนตัวเลขคนป่วยคนตายที่แสดงผลทุกวันนี่ไม่จริงหรอก เพราะตัวเลขจริงสูงกว่านี้มาก อย่างกรณีรัฐนิวยอร์ก คนจำนวนมากเสียชีวิตตั้งแต่อยู่ที่บ้าน โดยยังไม่ทันถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลด้วยซ้ำ เด็ดกว่านั้นคือหมอเฟาซี่บอกโลกและอเมริกันอย่างไม่หมกเม็ด ขณะที่ทรัมป์ทวิตย้ำๆ ว่า
“จำนวนผู้ติดเชื้อกำลังลดลงในพื้นที่ส่วนใหญ่ของประเทศของเรา ซึ่งเราต้องเปิดเศรษฐกิจให้กลับมาเดินหน้าอีกครั้ง เรื่องนี้กำลังเกิดขึ้นอย่างปลอดภัย!”
ตัวเลขคนว่างงานกว่า 30 ล้านคน ทำให้ทรัมป์พยายามกดดันให้รัฐต่างๆ ยกเลิกการล็อกดาวน์ เมื่อหมอเฟาซี่ออกมาปรามอย่างชัดเจน ลุงทรัมป์ก็หัวร้อน ด่าหมอเฟาซี่กลับรัวๆ ว่า พูดจาแบบนี้รับไม่ได้ ทั้งที่หมอเฟาซี่เตือนด้วยความหวังดีว่า หากรัฐบาลรีบร้อนเปิดเศรษฐกิจและโรงเรียนเร็วเกินไป จะเกิดผลตามมาร้ายแรง นาทีนี้ไม่เชื่อหมอแล้วจะให้เชื่อหมาที่ไหนล่ะลุง
ล่าสุด ตาลุงทรัมป์คุยโม้ลั่นโลกว่าตนเองนั้นกินยาต้านมาลาเรีย ‘ไฮดร็อกซีคลอโรควิน’ เพื่อป้องกันไวรัสโควิด-19 มานานกว่า 1 สัปดาห์แล้ว ลุงคงลืมไปแล้วสินะว่า เมื่อเดือนก่อนนี้เอง ชายชาวแอริโซน่าตายหลังจากกลืนยาคลอโรควินฟอสเฟต (Chloroquine phosphate)โดยเชื่อว่าจะช่วยป้องกันจากการติดเชื้อไวรัสได้ เมียผู้ตายบอกว่า ประธานาธิบดีสหรัฐฯออกมาแถลงยานี้ว่าป้องกันโควิด 19 ได้จริง
ขอกราบเรียนด้วยความอ่อนใจว่า หากท่านประธานาธิบดีไม่ใส่หน้ากากผ้าปิดปากก็จะไม่ว่าอะไร แต่แนะนำให้ใส่ตะกร้อครอบปากดีกว่า
https://www.naewna.com/columnonline/44041