สามัคคีเภทคำฉันท์

จาก ตู้หนังสือเรือนไทย

ข้ามไปที่: นำทาง, สืบค้น

เนื้อหา

ข้อมูลเบื้องต้น

แม่แบบ:เรียงลำดับ ผู้แต่ง: ชิต บุรทัต

บทประพันธ์

ปรารมภพจน์

ฉบงง
๏ ข้าผู้นิพันธ์พาทีถ้อยสามัคคี
เภทฉันท์อ้นออกบอกนาม
๏ ในท้ายทั้งที่มีความเจตนาพยายาม
นิยมประพันธ์อันใด
๏ แจ้งหมดปรากฎมีในปัจฉิมชัดไข
ลิขิตรจิตร์จองแถลง
๏ ปรารมภพจน์นี้ชี้แจงเพี่อจักสำแดง
ประวัติอุบัติ์แห่งบรรณ
๏ พิมพ์ขึ้นสำเร็จเสร็จพลันทั้งรวดเร็วทัน
ประสงค์สดวกโดยไว
๏ ด้วยทุนหนังสือพิมพ์ไทยทดรองจ่ายไป
เปนส่วนเอื้อเฟื้อเจือจาน
๏ ขุนสันทัดอักษรสารบรรณาธิการ
ธเกื้อธเอื้ออุดหนุน
๏ สัมฤทธิ์เพราะท่านการุญช่วยเหลือเจือจุน
โดยรอบประกอบอุปการ
๏ ผู้อื่นอีกอาทิ์เอาภารขุนนัยวิจารณ์
(เปล่ง ดิษยบุตร์) นามผจง
๏ คุณสุดกอบโกยโดยสงเคราะห์ล้ำจำนง
พินิจพิจารณ์จริงใจ
๏ สอดส่องถ่องถ้วนควรนัยเชิงอรรถอันใด
มิดีและมีขัดขวาง
๏ บอกให้แก้ใหม่ไป่วางธุระแท้แลทาง
แก้ไขใบพิมพ์เพียรทำ
๏ เรียบร้อยไพเราะเพราะคำที่ท่านแนะนำ
และตรวจและตราอาทร
๏ สองท่านอันออกนามกรข้าจะอนุศร
พระคุณตลอดฤๅลืม
             
นายชิต
ผู้ประพันธ์
ที่ทำการหนังสือศรีกรุง
วันที่ ๑ มิถุนายน พระพุทธศักราช ๒๔๕๘
             

ศุภมัสดุ
สัททุลวิกีฬิตฉันท์ ๑๙
๏ พร้อมเบญจางคประดิษฐ์สฤษติตษฎี
กายจิตร์วจีไตรทวาร
๏ กราบไหว้คุณพระสุคตอนาวรณญาณ
ยอดศาสดาจารย์มุนี
๏ อีกคุณสุนทรธรรมะคัมภิรวิธี
พุทธ์พจน์ประชุมตรีปิฎก
๏ ทั้งคุณสงฆะพิสุทธิศาสนะดิลก
สัมพุทธสาวกนิกร
๏ นอบน้อมคุณพระคเณศวิเศษศิลปธร
เวทางคบวรกะวี
๏ เปนเจ้าแห่งวิทยาวราภรณะศรี
สุนทรสุวาทวิธาน
๏ สรวมชีพหัดถประณามประนตพระบทมาลย์
บพิตระสมภารพระองค์
๏ สมเด็จอรรคะมหาจุฑาธิปะพระมง
กุฎเกล้าพิศิฏฐ์พงศ์กระษัตริย์
๏ บานบำเทองพรััเถลิงถวัลยอธิปัติ์
ที่หกดลกรัฏฐ์ประชา
๏ ชุ่มชื่นมณฑละภูมิ์นิพัทธ์วัฒนะปรา
กฎเพียงพระรามาวตาร
๏ ปางไวกูณฐประกอบประกาศกิติอุฬาร
เลิศมากประมาณคือพระองค์
๏ สรวมศรีไตรรตนาธิคุณอดุละมง
คลเหตุพิเศษทรงประสิทธิ์
๏ เสริมซึ่งโสตถิบวรพระพรจตรพิธ
ขอพึงสฤษดิ์นิจนิรันดร์
๏ จุ่งไท้เทียรฆพระชนมะดลลุสตพรรษ์
ภัทร์เพิ่มพระศุขวรรณพล
๏ อันใดสรรพะกะลีและนีรผละมล
ทินไกลยุคลบาทลออง
๏ เพียรเพ็ญูในมนะข้าพเจ้านิยมะจอง
เจตน์คิดลิขิตปองประพันธ์
๏ สามัคคีภิทะโทษนิทานะคติธรรม์
โดยพิศดารอันแสดง
๏ เชิงบรรพ์ฉันทะลเบงชเลงพจนะแปลง
บรรจงพจีแจงประโยชน์
๏ บูชาศาสนะพากย์สุภาสิตะวิโรจน์
เริงปรีดิปราโมทย์ประมวญ
๏ ใดบทบาทผิวะคลาศและผิดนิติขบวน
โกวิทกะวีควรอภัย
             

วสันตดิดก ฉันท์
๏ โบราณะกาลบรมะขัตติยรัชชเกรียงไกร
ท้าวทรงพระนามะอภิไธยะอชาตะศัตรู
๏ ครอบครองมไหยศุริยเอกอภิเศกประสิทธิ์ภูว์
อาณาปวัตติบริบูรณะบรรพประเพณี
๏ แว่นแคว้นมคธนคระราชคฤห์ราชบูรี
ทรงราชวัตร์วิธะทวีทศธรรมะจรรยา
๏ แหล่งหล้ามหาอุดมะลาภคุณะภาพพระเมตตา
แผ่เพียงชนกกรุณะอาทระบุตร์ธิดาตน
๏ โปร่งปรีดิปราศอริริปูภพะภูมิมณฑล
เปรมโสตถิ์ประสบวัฒนะผลศุขะต้วยพระเดชา
๏ อำพนพระมณฑิรพระราชะนิวาศน์วโรฬาร์
อัพกันตร์ก็ไพจิตระพาหิรภาคก็พึงชม
๏ เช่นหลั่งชลอดุสิตะเทวสถานพิมานพรหม
มารังสฤษดิ์ศิริอุตมผิวะเทียบก็เทียมทัน
๏ สามยอดยะเยี่ยมยละระยับวะวะวับสลับพรรณ์
ช่อฟ้าตระการกละจะหยันจะเยาะยั่วทิฆัมพร
๏ บราลีพิลาศศุภจรูญูนพศูลประกัศร
หางหงส์ผจงพิจิตระงอนดุจะกวักนภาลัย
๏ รอบด้านตระหง่านจตุรมุขพิศะสุกอร่ามใส
กาญจน์แกมมณีกนกะไพฑุริย์พร่างพะแพรวพราย
๏ บานบัฏพระบัญชระสลักฉลุลักษณ์เฉลาลาย
เพดาลก็ดารกะประกายระกะดาดประดิษฐ์ดี
๏ เพ่งภาพตลอดตละผนังก็มะลังมะเลืองสี
ยิ่งดูก็เด่นประดุจะมีชิวะแม้นกมลครอง
๏ ภาพเทพพนมวิจิตระยิ่งนรสิงหะลำยอง
ครุฑยุตภุชงค์วิยะผยองและเผยอขยับผัน
๏ ลวดลายระบายระบุกระหนาบกระแหนภาพกระหนกพัน
แผ่เกี่ยวผกาบุษปะวัลลิและวางระหว่างเนือง
๏ ภายใต้เศวตร์ฉัตระรัตนะจรัศจรูญเรือง
ตั้งราชอาศนะประเทีองวรมัญจบรรจ์ฐรณ์
๏ ห้อยย้อยประทีปอุบะประทินรศกลิ่นชเอมอร
อาบอบตระหลบนิจะขจรดุจะทิพย์สุมาลัย
๏ คัณนาอเนกคณะอนงค์ศิริทรงเจริญูใจ
สรรพางคะพรรณพิศะประไพกละพิมพอับศร
๏ เรียงรายจรูงรมยะบาทบริจาริกากร
ปันเวรพิทักษ์อธิบวรทิวรัตติ์นิวัทธ์วาร
๏ โดยรอบมหานคระเล่หะสิเนรุปราการ
มั่นคงอรินทระจะราญก็ระย่อและท้อหนี
๏ แถวถัมภะโดรณะสล้างระยะนางจรัลมี
ชลคูประตูวรบุรีณ ระหว่างพระภารา
๏ เรียงป้อมและปักธวัชะรายยละค่ายก็แน่นหนา
เสาธงสถิตยะธุชะมาลุตะโบกสบัดปลาย
๏ หอรบอรินทรจะรอรณะท้อหทัยหมาย
มุ่งยุทธะย่อมชิวะมลายก็ประลาศน์มิอาจทาน
๏ พร้อมพรั่งพฤนท์พหละรณพยุห์พลทหารหาญ
อำมาตย์และราชบริวารวุฒิเสวกากร
๏ เนืองแน่นขนัดอัศวะพาหนะชาติกุญชร
ชาญศึกสมรรถะณสมรชยะเพิกริปูภินท์
๏ ความศุขก็แสนบรมศุขและสนุกสนานยิน
ดีในผไทรัฐะบุรินทรรัตน์จรูญเรือง
๏ กลางวันอนันตคณนานรคลาคระไลเนือง
กลางคืนมหุศวะประเทืองดุริย์ศัพทะดีดสี
๏ บรรสานผสมสรนินาทพิณะพาทย์และดนตรี
แซ่โสตร์สดับเสนาะฤดีอุระเพลินเจริญใจ
๏ เมืองท้าวและเทียบพิพยโลกภพะแหล่งสุราลัย
เมืองท้าวและสมบุรณไพบุละทุกประการมาน
             

ฉบงง
๏ อันอรรคปุโรหิตอาจารย์พราหมณ์นามวัสสการ
ฉลาดเฉลียวเชี่ยวชิน
๏ กลเวทโกวิทจิตร์จินต์่ประจักษ์แจ้งศิล
ปศาสตร์ก็จบสบสรรพ์
๏ เปนมหาอำมาตย์ราชวัลลภใครไป่ทัน
ฤเทียมฤเทียบเปรียบปาน
๏ สมัยหนึ่งจึ่งจอมภูมิบาลท้าวจินตนาการ
จะแผ่อำนาจอาณา
๏ ให้ราบปราบปรามเพื่อปรากฎไผทไพศา
ละจวบจังหวัดวัชชี
๏ หวังพระหฤทัยใคร่กรีฑาทัพโยธี
กระทำประยุทธ์เอาไชย
๏ ครั้นทรงดำริห์ตริไปกลับยั้งหยั่งใน
มนัศมิแน่แปรเกรง
๏ หากหักจักได้ไชยเชวงฤๅแพ้แลเลง
พะว้าพะวังลังเล
๏ ไป่อาจสามารถทุ่มเททำศึกรวนเร
พระราชหทัยโช่เบา
๏ ต้วยเหตุพระองค์ทรงเสาวนะศัพท์สำเนา
ระเบงระบีอลือชา
๏ ว่ากษัตริย์วัชชีบรรดาครองรัชชสีมา
กเษตร์ประเทศทุกองค์
๏ อปริหานิยะธรรมธำรงทั้งนั้นมั่นคง
มิโกรธมิกร้าวร้าวฉาน
๏ เพึ่อธรรมดำเนินเจริญูการณ์ใช่เหตุแห่งหานิ์
เจ็ดข้อจะคัดจัดไข
๏ หนึ่ง.เมื่อมีราชกิจใดปฤกษากันไป
บวายบหน่ายชุมนุม
๏ สอง.ย่อมพร้อมเลิกพร้อมประชุมพร้อมพรักพรรคคุม
ประกอบณกิจควรทำ
๏ สาม.นั้นถือมั่นในสัมมะจารีตจำ
ประพฤติ์มิตัดดัดแปลง
๏ สี่.ใครเปนใหญชะจงโอวาทศาสน์แสดง
ก็ยอมและน้อมบูชา
๏ ห้า.นั้นอันบุตริ์ภิริยาผู้อื่นก็หา
ประทุษฐ์กระทำข่มเหง
๏ หก.ที่เจดีย์ชนเกรงเคารพยำเยง
ก็เส้นก็บวงสรวงพลี
๏ เจ็ด.พระอรหันต์อันมีโนรัฏฐ์วัชชี
ก็คุ้มก็ครองปัองกัน
๏ พร้อมสรรพสัปดพิธนิจนิรันตร์สามัคคีธรรม์
ณหมู่กระษัตริย์ลิจฉวี
๏ อชาตศัตรูภูมีทรงทราบโดยคดี
ดั่งนั้นก็ครั่นคร้ามขาม
๏ ศึกใหญ่หากจะพยายามหาญหัก อาตาม
กำลังก็หนักนักหนา
๏ จำจักหักด้วยปัญญารอก่อนผ่อนหา
อุบายทำลายมูลความ
             

อุปชาติฉันท์
๏ บรมกระษัตริย์ปรารภะการะปราบปราม
กับวัสสการพราหมะณพฤฒิอาจารย์
๏ ปฤกษาอุบายดำริหะทำไฉนการ
จะสมนิยมภารธุระปราถนาเรา
๏ สมัคคิ์สมานมิตร์คณะลิจฉวีเขา
มั่นคงจะคิดเอาชนะด้วยประการใด
๏ ท่านวัสสการผู้ทิชะครูฉลาดใน
อุบายคนึงไปก็ประจักษ์กระจ่างจินตน์
๏ เสนอสนองทูลกละมูลยุบลรบิล
แต่องคภูมินทอชาตศัตรู
๏ ตกลงและทรงนัดแนะกะวัสสการครู
ตริเพื่อเผต็จมูละสมัคคไมตรี
๏ สมัยเสด็จว่ากิจะราชะการี
เสนาธิบดีมุขะมวญูอมาตย์ผอง
๏ โดยศักดิฐานันคระชั้นอนันต์นอง
ณท้องพระโรงทองขณะเฝ้าพระบทมาลย์
๏ สดับปกาสิตวระกิจวโรงการ
จึ่งราชะสมภารพจนาตถ์ประภาษไป
๏ เราคิดจะใคร่ยกพยุห์พลสกลไกร
ประชุมประชิดไชยรณะรัฏฐวัชชี
๏ ฉนี้แหละเสนาปติฐานะมนตรี
คอใครจะใคร่มีพจะคานประการไร
๏ ฝ่ายพราหมณ์ก็กราบทูลอติศูริย์ณทันใด
นยาธิบายไขวจนัตถทัดทาน
๏ พระราชปรารมภนิยมมิควรการณ์
ขอองคภูบาลพิเคราะห์เหตุจงดี
๏ อันซึ่งจะกรีฑาพละทัพและไปดี
กระษัตริย์ณวัชชีชนบทสมหมาย
๏ มิแผกมิผิดพากยะข้าพระองค์ทาย
ไป่ได้สดวกตายและจะแพ้เพราะไพรี
๏ พวกลิจฉวีขัตติยรัชชวัชชี
ละองค์ละองค์มีมิตระพันธะมั่นคง
๏ และแสนจะสามารถพละอาจกระทำสง
ครามยุทธยรรยงมิระย่อมิเยงใคร
๏ เราน้อยจะย่อยยับดละอัปราไชย
ฉนี้แหละแน่ในมนะข้าพยากรณ์
๏ และอีกประการเล่าผิวะเขาสิคิดคลอน
แคลนพาลระราญรอนทุจริตผจญเรา
๏ เป็นก่อนกระนั้นชอบทุษะตอบก็ทำเนา
มิมีคดีเอาธุระเห็นบเปนธรรม
๏ และโลกจะล่วงวาทะติว่าพระองค์จำ
นงเจตนาดำริห์วิรุธประทุษฐ์เขา
๏ กระนี้พระจุ่งปรารภะภาระแบ่งเบา
เพื่อกล่อมถนอมเกลามิตระภาพสงบงาม
             

อีทิสังฉันท์
๏ ภูบดินทร์สตับอุปายะตาม
ณวาทะวัสสการะพราหมณ์และบังอาจ
๏ เกินประมาณเพราะการละเมิดประมาท
มิควรจะขัตบรมราชชโยงการ
๏ ท้าวก็ทรงแสดงพระองคะปาน
ประหนึ่งพระราชหทัยธดาลพิโรธจึง
๏ ผันพระกายกระทีบพระบาทและอึง
พระศัพทะสีหนาทะพึงสยองภัย
๏ เอออุเหม่นะมึงชิช่างกระไร
ทุทาษสถุลฉนี้ไฉนก็มาเปน
๏ ศึกบถึงและมึงก็ยังมิเห็น
จะน้อยจะมากจะยากจะเย็นประการใด
๏ อวดฉลาดและคาดแถลงเพราะใจ
ขยาดขยั้นมิทันอะไรก็หมิ่นกู
๏ เล่หะกากะหวาดขมังธนู
บห่อนจะเห็นธวัชริปูก็ท้อถอย
๏ พ่ายเพราะไภยะตัวสิกลัวจะพลอย
พินาศชิพิตร์ประดิษฐ์ประดอยประเด็นขัด
๏ กูก็เอกอุดมบรมกษัตริย์
วิจาระถ้วนบควรจะทัดจะทานคำ
๏ นี่ก็เห็นเพราะเปนอมาตย์กระทำ
พระราชการะมาฉนำสมัยนาน
๏ ใช่กระนั้นละไซร้จะให้ประหาร
ชิวาตม์และหัวจะเสียบประจานณทันที
๏ นัคราภิบาลสภาบดี
และราชบุรุษฮะเฮ้ยจะรีจะรอไย
๏ ฉุดกระชากกะลีอปรีชะไป
บพักจะต้องกะรุณอะไรกะคนคด
๏ ลงพระราชอาชะญา ณ บท
พระอัยการพิพากษะกฎและโกนผม
๏ ไล่มิให้สถิตย์ณคามนิคม
นครมหาสิมานิยมบุรีใด
๏ มันสมรรคสวามิภักดิใน
อมิตตะลิจฉวีก็ไปบห้ามกัน
๏ เสร็จประกาศพระราชธูระสรรพ์
เสด็จนิวัติศุขาภิมัณฑ์มหาคาร
             

อินทรวิเชียร ฉันท์
๏ ควรสุดจะสมเพชจิตระเวทนาการ
ที่ท่านพฤฒาจารย์พะกระทบประสบทัณฑ์
๏ โตยเต็มกตัญูญูกตเวทิตาอัน
ใหญ่ยิ่งและยากครันขรการณ์จะทานทน
๏ ยินดีนิยมเพี่อสละเนี้อและเลีอดตน
ยอมรับอดูรผลจะพะพ้องพะพานกาย
๏ ไป่เห็นกะเจ็บแสบชีวะแทบจะทำลาย
มอบสัตย์สมรรถหมายมนะมั่นมิหวั่นไหว
๏ หวังการ ณ แผ่นดินจะสดวกเพราะฉันใต
ให้กิจในฤทธิ์ไปบมิเลี่ยงฤเบี่ยงเบือน
๏ เหลือที่จะมีใครทมะในหทัยเหมีอน
กัดฟันบฟั่นเฟีอนสติอดสกดเอา
๏ พวกราชมัลล์โดยพละโบยมิใช่เบา
สุดหัตถะแห่งเขาขณะหวดสิพึงกลัว
๏ ยลเนื้อก็เนื้อเต้นพิศะเส้นก็สั่นรัว
ทั่วร่างและทั้งตัวก็ระริกระริวไป
๏ แลหลังก็หลั่งโลหิตโอ้เลอะลามไหล
พ่งผาดอนาถใจตละล้วนระรอยหวาย
๏ เนี่องนับอเนกแนวระยะแถวตลอดลาย
เฆี่ยนครบสยบกายศิระพับพะกับคา
๏ ทั้งหลายสหายมิตตะอมัจจะเสนา
ทัศน์เหตุทุเรศสาหศะแสนสลดใจ
๏ สุดที่จะกลั้นโทมนะโศกะอาลัย
ถ้วนหน้ามิว่าใครขณะเห็นบเว้นคน
๏ แก้ไขและได้คืนสติฟื้นประทังตน
จึ่งราชบุรุษกลปกกรณ์ก็โกนหัว
๏ เสื่อมศีศะผมเผ้าพิศะเปล่าประจานตัว
เปนเยี่ยงประหยัดกลัวผิมะลักจะหลาบจำ
๏ เสร็จอาชะญาทัณฑ์กิจะพลันประกาศทำ
ปัพพาชนีย์กรรมดุจะราชโองการ
๏ บรรดาประชาชนขณะยลทิชาจารย์
สุดแสนจะสงสารสรแซ่ประสาสันทน์
๏ บางคนกมลอ่อนอุระข้อนพิไรพรรณน์
บางเหล่าวิสัยอันกุธะเกลียดก็เสียดสี
๏ บางพวกก็เปนกลางยละข้างพิจารณ์ดี
บางหมู่กะรุณมีณหทัยก็ให้ของ
๏ พราหมณ์วัสสการเสกละเล่หะทำนอง
ท่าทางละอย่างผองนระสิ้นบสงสัย
๏ ออกจากนครราชะคฤห์รีบจรัลไป
สู่เทศสถานไกลบุระรัฏฐัวัชชี      
             

             

             

             

๑๐

             

เชิงอรรถ

ที่มา

[1]

เครื่องมือส่วนตัว